หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 756 พลังปราณขั้นแสร้งอมตะแสดงตัว!
- Home
- หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting
- บทที่ 756 พลังปราณขั้นแสร้งอมตะแสดงตัว!
บทที่ 756 พลังปราณขั้นแสร้งอมตะแสดงตัว!
หวังเป่าเล่อเคยประสบกระแสพลังทำนองนี้มาแล้วในอดีต และมีความมั่นใจมากว่าตนเองคิดถูก พลังปราณน่ากลัวที่ไหลออกจากฝ่ามือตรงหน้า ประกอบกับความแตกตื่นที่เขารู้สึกอยู่ในตอนนี้ ทำให้ชายหนุ่มยิ่งมั่นใจว่าตนเองคิดถูกมากขึ้นไปอีก!
พลังปราณนี้อยู่ในขั้นแสร้งอมตะเป็นอย่างน้อย แม้จะยังไม่ถือว่าเป็นขั้นจิตวิญญาณอมตะที่แท้จริง แต่ก็ทรงพลังกว่าขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์!
เป็นไปได้มากว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป การที่เขามีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะคอยปกป้องอยู่นั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คนผู้นั้นทิ้งร่างอวตารของตนเอาไว้ให้คอยคุ้มครอง ความแข็งแกร่งของร่างอวตารลดหลั่นกันไปตามระดับของสัมผัสสวรรค์ที่ทิ้งเอาไว้ในกายของอีกฝ่าย มันอาจทรงพลังเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นไปจนถึงชั้นสมบูรณ์ก็ได้ เห็นได้ชัดว่าฝ่ามือที่ก่อกำเนิดจากควันซึ่งพุ่งออกจากร่างกายของชายหนุ่มตรงหน้านั้นทรงพลังกว่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ ราวกับว่ากำลังถูกโจมตีโดย…ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะที่แท้จริงอย่างไรอย่างนั้น!
ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะก็ยังไม่อาจเรียกร่างอวตารที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ออกมาหลายตนได้
แต่หวังเป่าเล่อไม่มีเวลามานั่งสงสัยว่าเจ้าของฝ่ามือสีแดงนี้เป็นใคร ไม่ว่าเขาหรือเธอจะมีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะที่แท้จริงหรือไม่ก็ไม่สำคัญ รูม่านตาของชายหนุ่มหดแคบ ความรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายระเบิดออกมาในจิตใจ เขารีบล่าถอยในทันที ก่อนโบกมือเรียกอาวุธเวทจำนวนมากออกมาโบกสะบัด หวังเป่าเล่อแทบไม่กะพริบตาขณะมองอาวุธเวทเหล่านั้นระเบิดออกมาเพื่อเป็นเกราะคุ้มกันให้เขา
ห้วงจักรวาลเกิดเสียงระเบิดอย่างต่อเนื่อง พลังจากการระเบิดพุ่งออกเป็นริ้วๆ เข้าใส่ฝ่ามือสีแดง แต่พลังที่อยู่ในฝ่ามือก็มีอยู่มากเหลือ ถึงพลังการทำลายตนเองของอาวุธเวทจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังเทียบอะไรไม่ได้กับพลังของฝ่ามือสีแดง ฝ่ามือมรณะพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น!
แม้หวังเป่าเล่อจะเป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นที่แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นสมบูรณ์ แต่พลังของเขาก็ยังเทียบไม่ได้กับฝ่ามือสีแดง หากเขาใช้ร่างจริงของตนเองสู้อาจมีโอกาสต่อกรได้มากกว่านี้ เนื่องจากร่างจริงของเขามีกายหยาบที่แข็งแกร่งจนอาจช่วยให้เอาตัวรอดไปได้
แต่ตอนนี้หวังเป่าเล่ออยู่ในร่างอวตาร ถึงร่างอวตารของเขาจะถือกำเนิดมาจากกระบวนท่าสารัตถะ แต่ก็ยังไม่ทรงพลังเท่าร่างจริง หวังเป่าเล่อมองฝ่ามือที่คืบเข้ามาใกล้ รู้ได้ว่าตนเองหลบไม่พ้นแน่นอน จึงกัดฟันกลายร่างเป็นหมอกอีกครั้ง
ทันทีที่ร่างหมอกของเขาปะทะเข้ากับฝ่ามือสีแดง เสียงอึกทึกเหมือนสายฟ้าฟาดก็สะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ เสียงตกกระทบเบาๆ กังวานไปในอวกาศ กระจายออกสู่โลกภายนอกเหมือนสายลมกรรโชก ร่างหมอกกว่าครึ่งของหวังเป่าเล่อแหลกสลายกลายเป็นชิ้นๆ จนทำให้เขาคงสภาพหมอกเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป หมอกที่เหลืออยู่รวมเข้าด้วยกัน ก่อเป็นร่างที่สั่นเทาของหวังเป่าเล่อ เขารู้สึกได้ว่าร่างอวตารกระบวนท่าสารัตถะของตนถูกทำลายจนแทบจะคงรูปร่างเอาไว้ไม่ได้
แต่อันตรายก็ยังไม่ผ่านพ้นไป แม้ฝ่ามือสีแดงจะอ่อนกำลังลงไปเล็กน้อย แต่ต้นกำเนิดพลังของมัน ซึ่งก็คือชายหนุ่มผู้นั้น ยังคงปล่อยหมอกสีแดงออกมาเรื่อยๆ หมอกชุดใหม่นี้ก่อกำนิดเป็นฝ่ามือที่สอง!
ไอ้หมอนี่เป็นลูกของผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะหรืออย่างไรกัน รูม่านตาของหวังเป่าเล่อหดแคบ วินาทีต่อมาเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณที่พุ่งเข้ามาจากระยะไกล พลังนั้นอัดแน่นด้วยโทสะ กำลังพุ่งตรงมาทางเขาอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือดในทันที
อย่าบอกนะว่าร่างจริงกำลังมาทางนี้ด้วย ชายหนุ่มหายใจสะดุด หากร่างจริงของเจ้าของฝ่ามือไม่ปรากฏ เขาก็ยังมีโอกาสทำให้ฝ่ามือทั้งสองค่อยๆ อ่อนกำลังลงได้ แต่เมื่อเจ้าของพลังฝ่ามือนั้นมาถึง สถานการณ์จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาไม่มีเวลาอีกต่อไปแล้ว
เวรเอ๊ย! ความโกรธเกรี้ยวปะทุขึ้นในใจของชายหนุ่ม เขามองฝ่ามือทั้งสองที่โจมตีต่อเนื่องกันอีกครั้ง มันทั้งรวดเร็วและทรงพลังจนทำให้อวกาศโดยรอบบิดเบี้ยว ดวงตาของเขาอัดแน่นด้วยความบ้าคลั่ง
มีอยู่ทางเดียวแล้ว! หวังเป่าเล่อกัดฟันกรอดสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ชายหนุ่มชี้มือออกไปในความว่างเปล่าที่เรือบินรบของเขาลอยลำอยู่
ทางเดียวที่จะตอบโต้ได้คือการทำให้วัตถุเวทที่ทรงพลังอย่างมากระเบิด เมื่อเทียบกับการที่เขาเคยระเบิดเกราะจักรพรรดิและวัตถุเวทอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เขาแทบรู้สึกทนไม่ได้หากต้องระเบิดเรือบินรบของตนเอง แต่นี่ก็เป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ แม้จะดูเหมือนเขาจงใจระเบิดเรือบินรบเพื่อโจมตีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ…แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือชายหนุ่มที่มีปราณขั้นเชื่อมวิญญาณ!
เขากำลังเดิมพันว่าผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะที่ปกป้องชายหนุ่มผู้นี้อยู่นั้น จะรีบพุ่งเข้ามาช่วยคนสำคัญของตน!
“ระเบิด!” หวังเป่าเล่อกู่ร้อง ไม่สนใจความเจ็บปวดของการเสียเรือบินรบแสนรักที่ใช้เวลาหลอมมาเนิ่นนาน
เรือบินรบของเขาระเบิดแสงสว่างจ้าออกมาในบัดดล ทั้งตัวเรือและสิ่งของทั้งหมดในเรือระเบิดในทันที พลังจากแรงระเบิดพวยพุ่งเข้าใส่ฝ่ามือที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาหา และพลันปะทะกันกลางอากาศ
เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วอวกาศ เรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์หนีแรงระเบิดไม่พ้นและยุบตัวลงในทันที ส่วนกองทหารมังกรหยดหมึกที่ติดอยู่ภายในทะเลเปลวไฟสีดำก็หนีไปไหนไม่พ้น ทำได้เพียงค้อมตัวหลบเท่านั้น ต่างได้รับผลกระทบจากแรงปะทะกันถ้วนหน้า
แม้การทำลายตนเองของเรือบินรบจะทรงพลังแต่ก็ยังมีขีดจำกัด แต่เมื่อแรงระเบิดเกิดขึ้นพร้อมแรงปะทะของฝ่ามือจิตวิญญาณอมตะทั้งสอง กระแสพลังที่เกิดขึ้นนั้นไม่เพียงทำให้เรือบินรบถูกทำลายเป็นจุณไปทั้งหมด แต่ยังทำลายเปลวไฟสีดำให้เหี้ยนไปด้วย
หวังเป่าเล่อคาดการณ์ถูกต้อง ฝ่ามือทั้งสองรีบพุ่งเข้าปกป้องชายหนุ่มขั้นเชื่อมวิญญาณจากแรงปะทะในทันที ทำให้เขาพอมีเวลาหนี!
หวังเป่าเล่อรีบหนีในทันที แม้ใบหน้าจะซีดเผือดแต่ก็ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขาหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว กระโจนออกไปในห้วงอวกาศไกล เต๋อคุนจื่อและสมาชิกสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์คนอื่นหนีไปนานแล้ว การโจมตีของหวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้คงจะทำให้พวกเขาตกใจจนต้องเปิดแน่บไป
ไอ้กองทหารมังกรหยดหมึกเวรนี่! หวังเป่าเล่อระเบิดความเร็วเต็มที่ ท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความโกรธขณะพุ่งทะยานผ่านห้วงอวกาศ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะพฤติกรรมอันธพาลไร้เหตุผลของกองทหารนี้ พวกมันบังคับให้สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ส่งทรัพยากรทั้งหมดไปให้ และยังบังคับให้เขาส่งเรือบินรบให้ แน่นอนว่าหวังเป่าเล่อทนทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่หากจะปฏิเสธก็เหมือนแกว่งเท้าหาเสี้ยน
หากสถานการณ์เกิดเลวร้ายสุดขั้วขึ้นมา ข้าก็เพียงต้องหนีออกไปจากที่แห่งนี้เท่านั้น! ความอาฆาตรุนแรงวาบเข้ามาในดวงตาของชายหนุ่มขณะที่เขากระโจนไปข้างหน้า ทันใดนั้น เสียงระเบิดกึกก้องก็ดังมาจากสนามรบเบื้องหลังจนห้วงอวกาศสั่นสะเทือน
หวังเป่าเล่อรู้ในทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้นโดยไม่ต้องหันหลังกลับไปมอง ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะได้เดินทางมาถึงแล้ว แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงเสียด้วย ห้วงอวกาศตรงที่หวังเป่าเล่อเคยยืนหยัดต่อสู้ก่อนก่อนหน้าฉีกขาด สตรีวัยกลางคนในชุดคลุมเต๋าก้าวออกจากรอยฉีกนั้นด้วยสีหน้าถมึงทึง
นางปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้ฝึกตนหนุ่มที่รอดชีวิตมาได้เพราะฝ่ามือทั้งสองของนาง ผู้ฝึกตนหญิงวัยกลางคนโบกมือ พลันเปลือกตาของชายหนุ่มก็เปิดออก ลืมตาตื่นขึ้นจากห้วงแห่งความไม่ได้สติ ทันทีที่เขาตื่นขึ้น อาการบาดเจ็บบนร่างกายก็หายไปหมดสิ้น
“ท่านอาจารย์ขอรับ!” ชายหนุ่มกระวีกระวาดขึ้นทันมีเมื่อเห็นผู้ฝึกตนหญิงวัยกลางคนเบื้องหน้า นางไม่ได้เป็นแค่อาจารย์ของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกอีกด้วย!
ชายหนุ่มเล่าให้อาจารย์ของตนเองฟังทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ผู้ฝึกตนหญิงวัยกลางคนหันหน้าไปมองยังทิศที่หวังเป่าเล่อจากไป ประกายสังหารวาวโรจน์ในแววตา
“อาจารย์ของเจ้าทราบแล้ว ข้าจะถลกหนังมัน ปลิ้นเนื้อมันออกจากกระดูก ทรมานมันจนสาแก่ใจ แล้วสกัดวิญญาณของมันออกจากร่าง จับยัดใส่เข้าไปในร่างทาสสตรีให้เจ้าทำอะไรกับมันก็ได้ที่เจ้าต้องการ!” คำพูดที่หลั่งไหลออกมาจากปากของนางอย่างง่ายดาย อาบเคลือบด้วยแรงอาฆาตจนน่าขนลุก ทำให้เข้าใจได้ในทันทีว่านางเคยชินกับการกระทำที่โหดเหี้ยมอำมหิต ชายหนุ่มไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่นางพูดออกมาแม้แต่น้อย ดวงตาของเขากลับวาวโรจน์ขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ตามอาจารย์มา ไปจัดการไอ้ชั่วนั่นกัน!” ผู้ฝึกตนสตรีวัยกลางคนเอ่ย นางโบกมือเพื่อดึงศิษย์มากับนางด้วย ทั้งสองเคลื่อนที่ตัดผ่านห้วงอวกาศ มาปรากฏขึ้นในพื้นที่อ้างว้างไกลโพ้นภายในก้าวเดียว นางไล่ล่าหวังเป่าเล่อตามร่องรอยที่เขาทิ้งไว้ขณะหลบหนี!
ตามทฤษฎีแล้ว การที่ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะจะไล่ล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อรู้แล้วว่าเป้าหมายคือใคร แต่ในกรณีนี้…ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะนี้ยังไม่ได้มีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะที่สมบูรณ์ ส่วนเป้าหมายของนางก็ไม่ใช้ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณปกติทั่วไป!
นางยังเหลืออีกอึดใจเดียวที่จะบรรลุปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะ ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไล่หวังเป่าเล่อได้ในทันที นางอาจรวดเร็วซ้ำยังเคลื่อนย้ายร่างได้ แต่หวังเป่าเล่อก็พุ่งผ่านห้วงอวกาศด้วยความเร็วสูงเช่นกัน การเปลี่ยนสภาพตนเองให้กลายเป็นหมอกยิ่งทำให้เขาเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นไปอีก
การไล่ล่าในพื้นที่สาธารณะของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ครั้งนี้เริ่มกลายเป็นจุดสนใจของสำนักน้อยใหญ่ที่สัญจรผ่านไปมา กองทัพในอาณัติของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และสำนักผนึกผังดาวหกแฉกรู้ก่อนเป็นกลุ่มแรก พวกเขาเฝ้าดูการไล่ล่าด้วยความสนใจใคร่รู้
“ข้าได้ยินมาว่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนใหม่ของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมาก เขาสามารถกำจัดนักรบเอกทั้งหมดของกองทหารมังกรหยดหมึกได้เพียงตัวคนเดียว!”
“น่าสนุกดี ผู้ฝึกตนคนนี้ต้องเป็นคนน่าสนใจมากแน่ถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงกล้าแหยมกับกองทหารมังกรหยดหมึกแห่งสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ!”
ข่าวการไล่ล่านี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ผู้ฝึกตนสตรีวัยกลางคนเกือบไล่หวังเป่าเล่อทันถึงสามครั้งด้วยกัน แต่ชายหนุ่มก็มีเคล็ดวิชาซ่อนไว้มากมาย จนทำให้ความเร็วของเขาพุ่งขึ้นอีกครั้ง กระนั้นชายหนุ่มก็แทบจะทิ้งห่างไปไม่ไหว การหนีรอดไปได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ายิ่งทำให้ผู้ฝึกตนหญิงต้องการฆ่าเขามากขึ้นไปอีก เมื่อการไล่ล่าดำเนินมาถึงปลายทาง โทสะของนางก็ท่วมท้นจนแทบจะระเบิด ผู้คนมากมายที่เฝ้าดูทั้งสองอยู่นั้นทำให้การไล่ล่าที่ยืดเยื้อยิ่งน่าอับอายขึ้นไปอีก
พยายามจะหนีเข้าไปในอาณาเขตของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์รึ เข้าใจละ นางเดาแผนการของหวังเป่าเล่อถูก สายตามองชายหนุ่มเคลื่อนย้ายหนีออกไปไกลอีกครั้ง ประกายเย็นเยียบอำมหิตสว่างวาบในแววตา
…………………………