หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 802 แลกเปลี่ยนสารัตถะชีวิต!
บทที่ 802 แลกเปลี่ยนสารัตถะชีวิต!
แลกเปลี่ยนสารัตถะชีวิตหรือ หวังเป่าเล่อตะลึงงันไป รู้สึกว่าเป็นคำที่แปลกเล็กน้อย เขาแอบคิดว่าการแลกเปลี่ยนสารัตถะชีวิตนั้นเป็นเรื่องอันตรายมาก นอกจากนี้ สารัตถะยังมีความเกี่ยวข้องกับแก่นของวิญญาณ ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้โดยง่าย…
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็รู้สึกระแวงขึ้นมาเล็กน้อยและกำลังจะขับเรือบินรบเวทจากไป แต่ขณะที่เขากำลังจะจากไปนั้น พลังที่คล้ายคลึงกับพลังของจักรพรรดิศิลาก็แผ่ไปทั่วระบบดวงดาวทันที หวังเป่าเล่อยังไม่ทันจะได้เปลี่ยนสีหน้า พลังระดับดาวพระเคราะห์ซึ่งเทียบเท่าพลังของปรมาจารย์สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์สองตัวตนก็แผ่ตามมา
เหมือนมีหนึ่งดวงอาทิตย์จับคู่กับสองดวงจันทร์กลืนกินทั้งระบบดวงดาวอย่างไรอย่างนั้น โชคดีที่ตัวตนทรงพลังทั้งสามอ่อนโยน ข่มพลังกดดันเอาไว้ ถึงกระนั้น…ก็ยังทำให้ดวงวิญญาณของหวังเป่าเล่อสั่นไหวอยู่ดี
ทำไมถึงมีตัวตนระดับดารานิรันดร์มากมายนัก เมื่อรวมที่นี่ด้วยแล้ว ข้าก็เจอมาแล้วถึงสองคนในการเดินทางครั้งนี้! หวังเป่าเล่อรู้สึกเหมือนปากแห้งผาก เขารีบไตร่ตรองว่าควรจะใช้ชื่อศิษย์พี่หรือใช้บทสวดแห่งเต๋าในการขู่ดี ระหว่างนั้นพลังทั้งสามก็คุมขังชายหนุ่มเอาไว้ เถาไม้ที่ใกล้ที่สุดสั่นไหวเล็กน้อย ร่างเงาเจ็ดถึงแปดตนพุ่งออกมาจากด้านในผลดาวเคราะห์ซึ่งอยู่ด้านล่างไม้เถาและมาหยุดยืนบนใบไม้
ใบไม้ลอยเข้ามาหาหวังเป่าเล่อทันที
ชายหนุ่มกะพริบตาและแอบถอนหายใจ เนื่องจากโดนพลังทั้งสามกักขังไว้ หวังเป่าเล่อจึงไม่กล้าฝืนหลบหนี ขณะที่กำลังรู้สึกสิ้นหวังอยู่ในใจ เขาก็หันไปมองเจ้าอู๋น้อย
เจ้าอู๋น้อยรู้สึกสับสนเมื่อโดนจ้อง หลังจากนิ่งงันไปพักหนึ่ง เขาก็ยังไม่รู้ว่าได้ไปทำอะไรให้ท่านบิดารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
หวังเป่าเล่อเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องจ้องเจ้าอู๋น้อย แต่พอได้ทำอย่างนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย เขากระแอมกระไอ เลิกคิดว่าจะหนีออกไปอย่างไร ชายหนุ่มทะยานออกจากเรือบินรบเวท มองไปทางผู้ฝึกตนเจ็ดถึงแปดคนที่อยู่บนใบไม้ซึ่งกำลังลอยมาหา
ผู้ฝึกตนเหล่านั้นมีลักษณะคล้ายมนุษย์ ผิดแต่มีใบหูยาวเหมือนกระต่าย เรือนร่างที่มีสะโพกหนาและแขนอันใหญ่โตดูแข็งแกร่งมาก กล้ามเนื้อที่เต้นตุบขู่ให้คนตื่นกลัวทำให้ลืมเพศที่แท้จริงไป…
ผู้ฝึกตนเจ็ดถึงแปดคนที่ดูเหมือนชายร่างกำยำนั้นแท้จริงแล้วคือผู้หญิง ด้านระดับการฝึกตนนั้น ผู้ที่เป็นหัวหน้าอยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะ ส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นเป็นอย่างต่ำ ใบหน้าพวกนางไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรู จริงๆ แล้วดูจะคลั่งไคล้เสียมากกว่า พวกนางต่างมองหวังเป่าเล่อเมื่อเข้ามาใกล้
หวังเป่าเล่อใจเต้นระส่ำพิกลเมื่อถูกเหล่าผู้ฝึกตนหญิงจ้องมองเช่นนั้น เขารีบกุมมือ ขยายสัมผัสสวรรค์ออกไป
“ทูตจากอารยธรรมเฉินชิง หลงหนานจื่อ ขอทักทายสหายเต๋า”
สัมผัสสวรรค์เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการข้ามผ่านกำแพงภาษา เรื่องนี้หวังเป่าเล่อรู้มาจากการเดินทางหลายต่อหลายครั้ง เมื่อขยายสัมผัสสวรรค์ออกไป ใบไม้ที่เหล่าผู้ฝึกตนหญิงยืนอยู่ก็หยุดกลางอวกาศเบื้องหน้าชายหนุ่ม ผู้นำหญิงขั้นจิตวิญญาณอมตะบนใบไม้มองประเมินหวังเป่าเล่อด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ขอต้อนรับสู่อารยธรรมไม้เถา เรียกข้าว่าหลิงชานก็ได้”
รอยยิ้มคือวิธีสื่อสารโดยตรงที่ง่ายที่สุดเมื่อพบคนแปลกหน้าเป็นครั้งแรก บางครั้งรอยยิ้มก็สามารถสื่อความหมายได้มากมายและยังมีประสิทธิภาพอยู่บ่อยครั้ง แต่เพราะรอยยิ้มนี้ดูคลั่งไคล้รุนแรง หวังเป่าเล่อจึงอดรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้ เขาจึงลองเชิงด้วยคำถามสองสามข้อ
กลุ่มผู้ฝึกตนหญิงของอารยธรรมไม้เถาตอบคำถามทุกข้อของชายหนุ่ม ความจริงใจนี้ทำให้หวังเป่าเล่อเป็นกังวลหนักขึ้นไปอีก แต่ก็ทำให้เขาเข้าใจระบบดวงดาวแห่งนี้มากขึ้น
อารยธรรมไม้เถาเป็นอารยธรรมที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ แม้จะมีผู้ฝึกตนชายอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยทั้งในด้านจำนวนและสถานะ อารยธรรมไม้เถาขยายกระจายไปทั่วดาราจักรของตระกูลไม่รู้สิ้น แตกย่อยเป็นอารยธรรมเล็กๆ เหมือนชนเผ่าหลากหลายขนาดและเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายที่เป็นกลาง อารยธรรมแห่งนี้ไม่ได้ทำศึกบ่อยนัก แต่ถ้ามีใครเข้ามาหาเรื่อง ทุกชนเผ่าก็พร้อมร่วมใจกันตอบโต้
ที่แห่งนี้คือหนึ่งในระบบดวงดาวชนเผ่าที่มีอยู่มากมายของอารยธรรมไม้เถา พวกเขาดูต้อนรับขับสู้ กระทั่งเชิญหวังเป่าเล่อให้ไปพักที่ดาวเคราะห์แห่งหนึ่ง
ตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะไม่ไป แต่เมื่อโดนรายล้อมด้วยพลังระดับดารานิรันดร์และระดับดาวพระเคราะห์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง เขาเก็บเรือบินรบครึ่งสมบูรณ์ไป จากนั้นก็พาเจ้าอู๋น้อยและเจ้าลาขึ้นไปบนใบไม้
เขานึกกังวลว่าเจ้าลาจะไม่อาจห้ามใจและไปกินของที่ไม่ควรกินซึ่งจะสร้างปัญหาให้ตนเองขึ้นมาได้ ดังนั้นหลังจากไตร่ตรองสักพัก เขาก็เก็บเจ้าลาที่กำลังตื่นเต้นดีใจเข้ากระเป๋าคลังเวทไป
เจ้าอู๋น้อยไม่เป็นไร เจ้าเด็กนี่ไม่ได้กินทุกอย่างที่ขวางหน้า หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอ ขณะกำลังจะเอ่ยถามกลุ่มผู้ฝึกตนหญิงเพิ่ม พวกนางก็หันไปเห็นเจ้าอู๋น้อยและทำตาเป็นประกายยิ่งกว่าเดิม บางคนถึงกับกระซิบคุยกัน ภาพที่เห็นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจ ส่วนเจ้าอู๋น้อยนั้นสั่นกลัว หันมองไปทางหวังเป่าเล่อ ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ห้ามตนเองไม่ให้ทำเช่นนั้น
หวังเป่าเล่อพาเจ้าอู๋น้อยไปยังดาวเคราะห์ลักษณะคล้ายผลไม้ซึ่งใกล้ที่สุดตามคำเชื้อเชิญจากกลุ่มผู้ฝึกตนหญิง ที่แห่งนี้ไม่ได้แตกต่างจากดาวเคราะห์จริงๆ มากนัก มีทั้งขุนเขาและแม่น้ำ อากาศสะอาดสดชื่น ปราณวิญญาณก็หนาแน่น พืชสีเขียวขึ้นกระจายทั่วดาวเคราะห์ ทำให้ที่แห่งนี้มีหมอกปกคลุมอยู่ตลอด ดูเหมือนดังสวรรค์ก็ไม่ปาน
เมื่อมองผ่านม่านหมอกก็จะเห็นบ้านต้นไม้หลายหลังตั้งอยู่บนพื้นได้รางๆ นอกจากนั้น หวังเป่าเล่อยังเห็นเทือกเขาอีกมากมายอยู่บนดาวเคราะห์ มีสินแร่มูลค่าสูงสำหรับอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อยู่จำนวนมากจนทะลักออกมาให้เห็น
ขณะเดียวกัน ก็มีต้นไม้มากมายที่ออกผล ถึงหวังเป่าเล่อจะไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมโอสถ แต่ก็เคยเห็นสมุนไพรล้ำค่ามาบ้างในบันทึกของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ มองผ่านเพียงรอบเดียวเขาก็เห็นผลสมุนไพรล้ำค่าเจ็ดถึงแปดชนิด
มั่งคั่งมาก! หวังเป่าเล่อใจเต้นถี่ เขากะพริบตาและครุ่นคิดว่าจะแลกเปลี่ยนอะไรกับที่นี่ได้บ้าง
ระหว่างกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ชายหนุ่มก็เห็นกลุ่มเด็กมีปีกทะยานเข้ามาในดาวเคราะห์ ใบหน้าน้อยๆ ของพวกเขาหันมองผ่านหมอกเป็นครั้งคราวมายังกลุ่มของหวังเป่าเล่อด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะหายกลับเข้าไปในหมอกพร้อมเสียงสรวลเสเฮฮา
ภาพที่เห็นนี้ย่อมทำให้ใครหลายคนสบายใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หวังเป่าเล่อถอนใจด้วยความโล่งอก เขาพบว่าบรรยากาศทั่วไปของอารยธรรมไม้เถาเป็นเหมือนกับที่ตรวจสอบไปก่อนหน้า จากบันทึกโบราณของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ที่ได้อ่าน หากพบอารยธรรมที่มีจิตใจเมตตา ขอแค่ไม่ได้ไปทำอะไรผิดข้อห้าม พวกเขาก็มักจะไม่ทำอันตรายใดๆ
ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น หวังเป่าเล่อได้รับเชิญไปบนดาวเคราะห์และเข้าไปในวังสำหรับต้อนรับแขกบนยอดเขาแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปด้านใน กลุ่มผู้ฝึกตนหญิงของอารยธรรมไม้เถาก็ต้อนรับเขาด้วยผลไม้วิญญาณ สุรา และอาหารหรูหรามากมายที่ชายหนุ่มไม่เคยเจอ ไม่สามารถบอกชื่อ แต่รู้สึกว่าน่าจะกินได้
ผู้ฝึกตนหญิงเหล่านั้นแขนโต สะโพกหนา แผ่พลังแกร่งกล้าไม่ต่างกัน หลังจากคุ้นชินแล้ว ความรู้สึกตื่นกลัวที่ชายหนุ่มรู้สึกก่อนหน้าก็คลายลงไปบ้าง เมื่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็กุมหมัดอย่างอ่อนน้อมพร้อมหันไปพูดกับผู้ฝึกตนหญิงขั้นจิตวิญญาณอมตะที่ออกมาต้อนรับ
“พี่หลิงชาน ข้าจะขอแลกเปลี่ยนวัตถุดิบได้หรือไม่”
ได้ยินเช่นนั้น ผู้ฝึกตนหญิงขั้นจิตวิญญาณอมตะก็หัวเราะออกมา จากนั้นก็ยกมือขวา เรียกแผ่นหยกมาไว้ในมือหนาและยื่นให้หวังเป่าเล่อ
“สหายเต๋าหลงหนานจื่อ ถึงอารยธรรมไม้เถาของเราจะเป็นอารยธรรมที่เป็นกลาง แต่เราก็ทำการค้าขายอย่างยุติธรรมกับผู้มาเยือนจากทุกอารยธรรมด้วยเช่นกัน ขอแค่เจ้ามีศิลาพืชเพียงพอ เจ้าก็สามารถแลกเปลี่ยนกับทุกอย่างที่มีอยู่ในรายชื่อนี้ได้ทั้งหมด”
พอได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็เป็นประกาย เมื่อตรวจสอบแผ่นหยก หัวใจของเขาก็เต้นถี่หนักขึ้นไปอีก มีของอยู่มากมายหลายรูปแบบที่เกินกว่าความรู้ของชายหนุ่ม มีวัตถุดิบอยู่หลายอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
แต่ละอย่างระบุจำนวนศิลาพืชที่ต้องใช้ในการแลกเปลี่ยนเอาไว้ มีตั้งแต่หนึ่งพันไปจนถึงหลายแสนศิลาพืช ของราคาแพงที่สุดคือโอสถดารานิรันดร์!
มันมีราคาสูงกว่าสามล้านศิลาพืช!
หวังเป่าเล่อกะพริบตา เงยหน้าขึ้นมองผู้ฝึกตนหญิง ก่อนจะถามขึ้นอย่างสุภาพ “พี่หลิงชาน ข้าขอถามอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างศิลาพืชกับศิลาวิญญาณได้หรือไม่”
เมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่ม หลิงชานก็ยิ้ม ก่อนจะส่ายหัวและพูดขึ้น “สหายเต๋าหลงหนานจื่อ ศิลาวิญญาณไม่สามารถนำมาแลกกับศิลาพืชได้ ศิลาพืชเป็นของพิเศษเฉพาะในอารยธรรมไม้เถา มีทางเดียวที่จะแลกได้ นั่นคือ…แลกด้วยสารัตถะชีวิตของเจ้า!”
……………………