หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 886 อารยธรรมวิญญาณโลก!
หวังเป่าเล่อคาดเดาไพ่ตายสุดท้ายของผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เอาไว้นานแล้ว ชายหนุ่มถึงกับคิดแผนเอาไว้ในใจมากมายเพื่อเตรียมรับมือ แต่เขาก็รู้ดีว่าเป็นการยากยิ่งที่จะคาดเดาความในใจของคนได้ถูก ฉะนั้นโดยมากแล้วการจะหลอกให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจเพื่อบรรลุเป้าหมาย…มักขึ้นอยู่กับดวงชะตา
สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มทำได้คือพยายามให้แผนแต่ละขั้นนั้นไปถึงระดับที่ตั้งใจไว้ แต่สิ่งต่างๆ จะบรรลุตามเป้าหมายที่เขาตั้งเอาไว้หรือไม่นั้น หวังเป่าเล่อก็ไม่อาจแน่ใจได้
ตามแผนเดิมของชายหนุ่ม เขาต้องการใช้ประโยชน์จากแรงกดดันของคำสาปและขโมยทางหนีของศัตรูเพื่อใช้หลบหนีเอง ทิ้งให้ศัตรูต้องตายอย่างน่าอนาถแทนตน แต่ขณะนี้…วิธีนั้นดูจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ แม้จะเกิดการสะดุดบ้าง ในวินาทีนั้น…ผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็ปลดปล่อยเคล็ดวิชาย้ายตำแหน่งออกมาแล้ว หวังเป่าเล่อเพียงแค่ต้องเปลี่ยนการกระทำไปบ้างก็เท่านั้น
การระเบิดของพายุสุริยะทำให้ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นทันทีที่กายของผู้อาวุโสเริ่มพร่าเลือนและกำลังจะเคลื่อนย้ายหนีไปนั่นเอง หวังเป่าเล่อก็ไม่รอช้า นัยน์ตาของชายหนุ่มส่องประกายเด็ดเดี่ยว เขาเรียกใช้เกราะมหาจักรพรรดิในกายทันทีและระเบิดพลังออกมารุนแรงจนเกราะแทบจะทลายลงมา!
หวังเป่าเล่อปล่อยพลังของเกราะออกมาร้อยละเก้าสิบเก้าในพริบตา!
เกราะมหาจักรพรรดินั้นมหัศจรรย์ยิ่ง ไม่เพียงมีพลังมหาศาลเท่านั้น แต่ตอนนี้มันได้ผสานรวมเกราะของราชวงศ์ดวงเนตรสวรรค์เข้าไว้ด้วยกัน ในแง่หนึ่ง เกราะนั้นก็เหมือนอุปกรณ์เก็บพลังงานที่สหพันธรัฐสร้างขึ้น มันปล่อยพลังวิญญาณร้อยละเก้าสิบเก้าที่เก็บเอาไว้ออกมาในวินาทีนั้น ทำให้เกิดพลังงานที่รุนแรงพอจะสั่นคลอนสรวงสวรรค์ขึ้น พลังนั้นดูราวกับเป็นพายุ และเมื่อแพร่กระจายออกไป หวังเป่าเล่อก็ควบคุมมันเอาไว้อย่างเต็มกำลังก่อนจะซัดพลังทั้งหมดไปเบื้องหลังตน!
ที่เบื้องหลังชายหนุ่ม เมื่อวิชาดวงเนตรปีศาจถูกเรียกใช้ ดวงตาสีดำสนิทขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น ในวินาทีที่หวังเป่าเล่อระเบิดพลังเต็มที่ออกมา เปลวไฟสีดำก็แพร่กระจายออกมาด้วย ทำให้ดวงตาสีดำสนิทนั้นชัดเจนขึ้นมา ไหนจะพลังเกือบทั้งหมดของเกราะมหาจักรพรรดิอีก ขณะที่พลังทั้งหมดไหลบ่าเข้าไป ดวงตาสีดำ…ก็ขยายใหญ่จนกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง เริ่มมีเส้นเลือดปูดโปนปรากฏขึ้นให้เห็น ดวงตานั้นดูน่าสะพรึงกลัวยิ่ง ก่อนที่มันจะระเบิดอย่างรุนแรงไปทางผู้อาวุโสฝ่ายขวา!
มีพลังสกัดกั้นที่รุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนแผ่ออกมา แม้ว่าร่างกายของผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะพร่าเลือนไปแล้วและการเคลื่อนย้ายก็ไม่อาจถูกยับยั้งได้หลังจากเรียกใช้งาน ภายใต้คำสาป ระดับปราณของชายชราตกลงไปสู่ขั้นจิตวิญญาณอมตะ ยิ่งไปกว่านั้น การเรียกใช้ดวงเนตรปีศาจของหวังเป่าเล่อพร้อมพลังเสริมจากเกราะมหาจักรพรรดิที่ปล่อยพลังออกมาถึงร้อยละเก้าสิบเก้า จนทำให้เกราะมหาจักรพรรดิไม่อาจถูกเรียกใช้งานได้อีกจนกว่าจะพักฟื้นสำเร็จ ก็ทำให้ร่างกายที่พร่าเลือนของชายชราเคลื่อนย้ายหนีไปไม่ได้
มันก็แค่หลังจากที่ทั้งคู่ปะทะกันไปก่อนหน้านี้จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป พลังของคำสาปก็ใกล้ถึงขีดจำกัดเข้าไปทุกขณะ ฉะนั้น แม้ว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะถูกดวงเนตรปีศาจปิดกั้นเอาไว้ แต่ก็เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ภายในพริบตาชายชราก็กลับมาเป็นปกติ
แต่เพียงพริบตาก็เพียงพอแล้ว!
ในจังหวะที่ร่างกายของผู้อาวุโสชะงักก่อนจะกลับมาเป็นปกติ ก็มีเสียงปังดังขึ้น ร่างของหวังเป่าเล่อแปลงเป็นหมอกและเข้าไปปกคลุมบริเวณที่ร่างของชายชราหายไปด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มเข้าไปในวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายพร้อมๆ กันกับอีกฝ่าย!
เช่นเดียวกับตอนที่หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาไล่ตามผู้อาวุโสฝ่ายขวาและป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนย้ายหนีได้ ผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็รู้ว่าชายหนุ่มตามเข้ามา แต่ก็ไม่สามารถปัดป้องได้ทันเวลา พายุสุริยะเองก็ใกล้เข้ามาเต็มที ไม่ว่าจะกล้ำกลืนเพียงใด ชายชราก็ทำได้เพียงมองหวังเป่าเล่อเคลื่อนย้ายไปพร้อมกันเท่านั้น!
และทันทีที่ทั้งสองเคลื่อนย้ายออกมา แสงสว่างเจิดจ้าของพายุสุริยะก็ไหลท่วมอาณาบริเวณและกลืนกินพื้นที่ที่ทั้งสองเคยยืนอยู่ไปเสียสิ้น มันยังกินพื้นที่ไปไกลกว่านั้น และอาณาเขตที่ได้รับผลกระทบก็กว้างขึ้นทุกทีๆ หลังจากที่ขยายแนวราบผ่านไปบางจุด มันก็เริ่มจะ…เคลื่อนที่ขึ้นในแนวตั้ง!
ในเวลานั้น แม้ว่าปรมาจารย์มหาทัณฑ์ ประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ และผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ลำแสงเจิดจ้าจากดารานิรันดร์และความกลัวจากส่วนลึกในใจก็พาให้ทุกคนจ้องมองไปยังดารานิรันดร์พร้อมกัน และสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
ตอนนั้นเอง ปรมาจารย์มหาทัณฑ์และปรมาจารย์เต๋าใหม่ครามทองคำก็มองตากัน ก่อนจะถอยหนีพลางส่งดวงจิตเทพไปสั่งให้บรรดาศิษย์รีบถอยทันที!
หากเป็นเวลาอื่น ประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คงต้องเข้าไปขัดขวาง แต่สีหน้าของชายชราขณะนี้ซีดเซียว มีแววตื่นตะลึงปรากฏขึ้นในดวงตา เขารู้ดีว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวากำลังทำสิ่งใดอยู่บนดารานิรันดร์ เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น ก็เป็นการยากที่ประมุขจะนิ่งเฉยอยู่ได้ เขาไม่อยากเชื่อว่าผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะจะสามารถหนีออกมาจากสถานการณ์เช่นนั้นได้…ทว่าเมื่อได้เห็นพายุสุริยะ ชายชราก็สูญเสียความมั่นใจทั้งหมด พลางรู้สึกปั่นป่วนอยู่ในใจ
ชายชรารีบส่งข้อความเสียงไปยังเหออวิ๋นจื่อแห่งราชวงศ์ดวงเนตรสวรรค์ทันที เมื่อเข้ารู้ว่าอำนาจสั่งการของเหออวิ๋นจื่อยังไม่กลับคืนมา ความรู้สึกไม่สบายใจก็ยิ่งหนักหนาขึ้น
แต่ไม่ว่าทุกสิ่งบนดารานิรันดร์จะดำเนินไปเช่นไร หลังจากที่ปล่อยพายุสุริยะออกมาแล้ว ประมุขสำนักก็ไม่อาจจะทำสิ่งใดได้นอกจากสงบใจเอาไว้ เขาหนีทันทีพลางใช้กำลังทั้งหมดไปกับการตั้งรับ หาไม่แล้ว…หากพายุสุริยะระเบิดก่อนที่พวกเขาจะออกไปได้ ก็อาจจะเกิดหายนะครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นก็เป็นได้
“บัดซบ!” ประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กัดฟันและปล่อยให้ปรมาจารย์มหาทัณฑ์และปรมาจารย์เต๋าใหม่ครามทองคำหลบหนี ตัวเขาเองก็หลบหนีไปพลางส่งดวงจิตเทพออกไปเปิดการป้องกันในฐานที่มั่นชั่วคราวเต็มกำลัง ชายชราวางแผนจะให้ผลของพายุสุริยะเสร็จสิ้นไปก่อนแล้วค่อยสู้รบกันต่อไป
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็อยู่ในช่วงสงบศึก ณ สถานที่หนึ่ง ไกลออกไปจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ไกลออกไปยิ่งกว่าร้านค้าตระกูลเซี่ยที่หวังเป่าเล่อไปเยือนมาก่อนหน้านี้ มีอารยธรรมหนึ่งตั้งอยู่ ชื่อว่าอารยธรรมวิญญาณโลก
เพราะอารยธรรมแห่งนี้ผลิตศิลาวิญญาณขั้นสูงสุด จึงถูกอารยธรรมครามทองคำยึดครองเอาไว้มานานหลายปีมาแล้ว ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในอารยธรรมนั้นหากไม่ตายก็กลายเป็นทาส ในขณะที่ถูกกดขี่อยู่นั้น ดารานิรันดร์ของพวกเขา…ก็ถูกอารยธรรมครามทองคำชิงเอาไปผสานรวมกับดารานิรันดร์ของพวกเขาเอง สิ่งที่เหลืออยู่คือดารานิรันดร์ประดิษฐ์ที่หลอมขึ้นโดยอารยธรรมครามทองคำนั่นเอง
มันคือดารานิรันดร์ที่อยู่ภายนอก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเพียงการรวมตัวกันของวงแหวนปราณจำนวนมหาศาล ขณะที่สามารถควบคุมอารยธรรมได้ทั้งหมด มันก็ยังเปลี่ยนตนเองให้เป็นเป้าหมายการเคลื่อนย้ายของอารยธรรมครามทองคำได้ด้วย ฝ่ายผู้ฝึกตนในอารยธรรมนี้นั้น โชคชะตาของพวกเขาก็พลันพลิกผัน กลายมาเป็นชาวเหมืองตั้งแต่เกิดจนตาย ผู้คนทุกรุ่นต่างก็ต้องทำงานถวายชีวิตให้อารยธรรมครามทองคำ
การยึดครองอารยธรรมเช่นนี้เป็นเรื่องปกติยิ่งในอาณาบริเวณของอารยธรรมครามทองคำ แม้ว่าอารยธรรมวิญญาณโลกจะอยู่ในดาราจักรที่สิบเก้าแห่งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์เต๋าฝั่งซ้าย แต่ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ก็ยังต้องเหาะเหินถึงพันปีเพื่อจะไปให้ถึงอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์จากที่นั่น หากไม่เปิดประตูเคลื่อนย้ายระดับจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์ แต่แม้แต่อารยธรรมครามทองคำก็ไม่มีประตูเคลื่อนย้ายระดับจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี้ มีเพียงผู้ที่กุมอำนาจเหนือจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นเท่านั้นที่จะมีได้ หากคนภายนอกต้องการขอยืม ราคาที่ต้องจ่ายก็สูงเสียจนกระทั่งอารยธรรมครามทองคำยังต้องตัวสั่น
เพราะอย่างไรเสีย ประตูเคลื่อนย้ายระดับจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์ก็คือการสร้างฐานที่มั่นของตนเอาไว้ในหลายๆ บริเวณเหมือนเป็นเครือข่ายวิญญาณ ยิ่งปกคลุมพื้นที่ได้มากเท่าใด ก็ยิ่งมีตัวเลือกในการเคลื่อนย้ายได้มากเท่านั้น
ทฤษฎีเบื้องหลังประตูเคลื่อนย้ายดารานิรันดร์ของอารยธรรมครามทองคำก็เช่นกัน ทว่าแม้พวกเขาจะเป็นกำลังที่น่ากลัวที่สุดในดาราจักรลำดับที่สิบเก้า แต่ก็เพียงในแง่กำลังรบเท่านั้น ในส่วนของอิทธิพลนั้น ด้วยระดับปัจจุบันของอารยธรรมครามทองคำก็ยังไม่สามารถแผ่ไปทั่วดาราจักรได้
และในวินาทีนั้น ภายในจักรวาลอันน่าเบื่อหน่ายของอารยธรรมวิญญาณโลก ก็มีแสงเจิดจ้าสว่างขึ้นในบริเวณหนึ่ง แสงนั้นเจิดจรัสอยู่ชั่ววินาทีก่อนจะกระจายไปทั่วบริเวณ และหายไปในอึดใจถัดมา
แสงดังกล่าวจางไปก่อนที่อารยธรรมวิญญาณโลกจะทันมองเห็น ทันทีที่แสงนั้นสว่างขึ้นและจากไป หมอกกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ทันทีที่ปรากฏให้เห็น มันก็พุ่งไปยังทิศทางของอวกาศที่ห่างไกลอย่างไม่รอช้า
เมื่อมันเคลื่อนที่ออกไป หมอกกลุ่มนั้นก็เริ่มจับตัวกันก่อนจะกลายเป็นร่างของหวังเป่าเล่อ ใบหน้าของชายหนุ่มซีดขาวขณะที่เร่งความเร็วขึ้น เพราะเขารู้ดีว่า…กรอบเวลาของคำสาปนั้นอาจจะผ่านไปแล้วหรือกำลังจะสิ้นสุดลง หวังเป่าเล่อต้องเริ่มวิ่งตั้งแต่ตอนนี้…
ขณะที่ชายหนุ่มเคลื่อนที่ไป ก็มีเงาร่างอีกร่างหนึ่งซวนเซออกมาจากอากาศธาตุ หลังจากที่ก่อตัวกันอย่างรวดเร็ว ก็มองเห็นว่าเป็นร่างของผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่อยู่ในสภาพน่าเวทนา ชายชรามองเห็นร่องรอยของหวังเป่าเล่อแต่ชะงักอยู่ชั่วขณะ
แม้เขาจะสัมผัสได้ว่าคำสาปบนร่างกำลังค่อยๆ จางไปอย่างรวดเร็ว แต่ความกลัวที่มีต่อหวังเป่าเล่อก็รุนแรงถึงขีดสุดตั้งแต่ตอนที่ประมือกันบนดารานิรันดร์แล้ว แม้ว่าจิตสังหารของชายชราจะรุนแรงขึ้น แต่เขาก็ตัดสินใจเลือกความปลอดภัย
สถานที่นี้อยู่ในอาณาเขตของอารยธรรมครามทองคำและมีวงแหวนปราณดารานิรันดร์ประดิษฐ์อยู่ หลงหนานจื่อ เจ้าหนีไม่รอดหรอก! ผู้อาวุโสฝ่ายขวาหรี่ตาลงและไม่ได้วิ่งตามไป กลับกันชายชรามุ่งหน้าไปยังดารานิรันดร์ประดิษฐ์ ผู้ฝึกตนในอารยธรรมวิญญาณโลกมองว่าเขาเป็นราวเทพยดาและไม่กล้าจะเข้าใกล้
ด้วยอำนาจควบคุมที่เขามีในฐานะผู้ฝึกระดับดาวพระเคราะห์ของอารยธรรมครามทองคำ คงไม่เกินไปนักหากจะกล่าวว่าเขาเป็นเทพในหมู่อารยธรรมรองๆ ขณะที่ผู้อาวุโสพุ่งเข้าไปหาดารานิรันดร์ประดิษฐ์ของอารยธรรมวิญญาณโลก วงแหวนปราณที่ผนึกทั้งอารยธรรมเอาไว้ ซึ่งป้องกันไม่ให้มีใครเข้าออกก็โผล่ขึ้นมาบริเวณเส้นเขตแดนของอารยธรรมวิญญาณโลก!