หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 913 ทุกสิ่งพร้อมสรรพ!
ใบหน้าของปรมาจารย์มหาทัณฑ์ถมึงทึงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำท้าจากหวังเป่าเล่อ เขาต้องยอมรับกับตนเองว่าทุกอย่างดูง่ายดายเกินไป ปรามาจารย์หลอกล่อให้หลงหนานจื่อทำตามแผนของตนได้หลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้เริ่มประมาท ส่งผลให้ตอนนี้ต้องมาติดกับหลงหนานจื่อในช่วงเวลาสำคัญ แม้ว่าทุกอย่างจะยังไม่สายเกินไปก็ตาม…
ตอนนี้ศัตรูถือไพ่เหนือกว่า ปรมาจารย์มหาทัณฑ์นึกย้อนถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แม้จะอยากสังหารอีกฝ่ายเพียงใด แต่ก็นึกกลัวกลอุบายของหวังเป่าเล่ออยู่บ้าง
ปรมาจารย์รู้ดีว่าบางสิ่งนั้นดูง่ายดายเกินไปเมื่อมองย้อนไปดู ราวกับว่าใครๆ ก็บอกได้ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร แต่ความสามารถในการวิเคราะห์สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและทำนายสถานการณ์ที่จะตามมา ก่อนคิดทำตามแผนขณะที่มองไม่เห็นอนาคตนั้น เป็นความสามารถที่น้อยคนนักจะมีได้
ตัวอย่างเช่น หลงหนานจื่อผู้นี้…เขาคงจะสงสัยมาพักหนึ่งแล้ว จากนั้นเขาก็โชคดีจนก้าวหน้าในเรื่องการฝึกปราณ ส่งผลให้พวกเราไม่ได้เอะใจเลยว่าเจ้านี่ได้สร้างร่างอวตารขึ้นมา…ปรมาจารย์มหาทัณฑ์นิ่งงันไป เขาเมินเฉยต่อคำยั่วยุของอีกฝ่าย รู้ดีว่าใครเป็นผู้ทำให้ดารานิรันดร์ปะทุขึ้นมาเมื่อครู่ ไม่มีทางที่ปรมาจารย์จะพุ่งเข้าไปต่อสู้ในตอนนี้
อย่างไรเสียปรมาจารย์ก็เป็นสมาชิกราชวงศ์ ความรู้ที่เขามีต่อดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์นั้นเหนือกว่าผู้ฝึกตนทั่วไป เขารู้ดีว่า…หลงหนานจื่อที่ตอนนี้มีสิทธิ์ขาดในการควบคุมดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์แถมยังได้รับพลังเสริมเมื่ออยู่ใกล้ดารานิรันดร์…ย่อมไม่กลัวผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์คนใดอีกต่อไป มีเพียงผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์เท่านั้นที่จะต่อกรกับเขาได้ในขณะนี้!
อันที่จริงแล้ว…ต่อให้เป็นระดับดารานิรันดร์ ก็คงต้องใช้เวลาสักพักในการจะสังหารหวังเป่าเล่อหากพวกเขาต่อสู้กันบนดารานิรันดร์ แถมยังมีความเป็นไปได้ที่ผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์จะสังหารชายหนุ่มไม่สำเร็จ อาจทำได้เพียงไล่ต้อนให้จนมุมจนต้องเคลื่อนย้ายหนีไปเท่านั้น
พูดให้ง่ายก็คือตราบใดที่หลงหนานจื่อยังอยู่บนดารานิรันดร์และไม่ก้าวออกมา เขาก็จะไร้เทียมทานในระดับหนึ่ง
แน่นอนว่า…ความไร้เทียมทานนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหนึ่งเป็นสำคัญ นั่นก็คือ…หวังเป่าเล่อจะต้องอยู่ภายในดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์!
ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวออกจากดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ พลังเสริมที่ได้รับมาจะลดลงอย่างฉับพลัน ในตอนนั้นเอง หากผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์หลายๆ คนช่วยกัน ก็ย่อมสังหารเขาได้แน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ปรมาจารย์มหาทัณฑ์จึงตัดสินใจเลิกสนใจหวังเป่าเล่อ กลับกันชายวัยกลางคนกลับหันไปทางประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แทน หวังเป่าเล่อเฝ้ามองขณะที่ทั้งคู่พยักหน้าให้กันหลังจากสื่อสารผ่านข้อความเสียง ชายหนุ่มไม่รู้ว่าคนทั้งสองพูดคุยอะไรกัน แต่ความตึงเครียดบนใบหน้าของพวกเขาก็มลายหายไป ก่อนที่ทั้งคู่จะหันหลังและทะยานจากไป!
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ชายหนุ่มเองก็ถอยเช่นกัน เขาหลบออกมาจากสายตาของทุกคน กลับไปยังขอบเขตของดารานิรันดร์
ดารานิรันดร์เป็นพลังทำลายล้างของธรรมชาติ เป็นพายุหมุนแห่งแสงและความร้อนอันรุนแรงสำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับหวังเป่าเล่อ ผู้มีสิทธิ์ควบคุมแต่เพียงผู้เดียว กลับไม่ได้รับอันตรายจากมันแม้แต่น้อย คลื่นความร้อนรุนแรงแหวกทางให้ชายหนุ่มเมื่อเขาต้องการ
หลังจากที่ได้รับสิทธิ์การควบคุมมาทั้งหมดแล้ว หวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ถึงพลังการเคลื่อนย้ายภายในกาย ชายหนุ่มสามารถเรียกใช้พลังของดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์เพื่อเคลื่อนย้ายตนเองไปที่ใดก็ได้ในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ตามต้องการ จากนั้นก็สามารถเคลื่อนย้ายกลับมายังดารานิรันดร์ได้อีกด้วย
ความคิดนั้นส่งให้นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกาย ชายหนุ่มไม่ได้กระทำการหุนหันแต่อย่างใด เขาตัดสินใจว่าจะใช้เวลาฝึกการใช้สิทธิ์ควบคุมนี้ให้เชี่ยวชาญเสียก่อน หลังจากที่คุ้นชินกับดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์แล้ว เขาจึงจะตัดสินใจขั้นต่อไป
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็เร่งความเร็วทะยานข้ามดารานิรันดร์ไป ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงปราณกังวานระหว่างตนกับดารานิรันดร์ เป็นความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยอย่างยิ่ง ชายหนุ่มเป็นนักหลอมอาวุธเวท และความรู้สึกนี้ก็เหมือนกับเมื่อผู้ฝึกตนสักคนรู้สึกถึงความเชื่อมต่อระหว่างตนกับอาวุธเวทที่หลอมขึ้นมา คลื่นปราณกังวานที่เขารู้สึกเกิดมาจากสิ่งนี้เอง
“ข้าเข้าใจถูกต้อง ดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ที่แท้แล้วคือวัตถุเวทขนาดยักษ์!” หวังเป่าเล่อพูดอย่างครุ่นคิด ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงวัตถุเวทแห่งความมืดของตนบนดาวอังคาร
หลังจากที่หล่อเลี้ยงมานาน วัตถุเวทแห่งความมืดของข้าก็น่าจะพร้อมถูกเก็บเกี่ยวและนำออกมาจากดาวอังคารได้เสียที!
หวังเป่าเล่อตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่เดินชมดารานิรันดร์จนรอบแล้ว ชายหนุ่มก็หาที่สงบๆ นั่งศึกษาสิทธิ์การควบคุมที่ได้รับมาอย่างถี่ถ้วน สองสัปดาห์ต่อมาเขาจึงลืมตาขึ้น ตอนนี้หวังเป่าเล่อเข้าใจดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ถ่องแท้แล้ว
สถานที่นี้สามารถเคลื่อนระหว่างสองตำแหน่งภายในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้ และเคลื่อนย้ายได้ไม่จำกัดครั้ง…หากใช้พลังจากดารานิรันดร์ ข้าจะสามารถเคลื่อนย้ายระยะไกลได้อีกด้วย…แต่ระดับปราณของข้าก็ต้องสูงพอเสียก่อน! หวังเป่าเล่อเริ่มหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย ตามการวิเคราะห์ของเขา เมื่อใดที่เขาบรรลุระดับดาวพระเคราะห์ เขาจะสามารถเคลื่อนย้ายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ไปยังระบบสุริยะได้หากต้องการ!
แม้ว่าระดับปราณของเขาในตอนนี้ยังไม่สูงถึงขั้นนั้นและการทำเช่นนั้นยังเกินความสามารถของเขาไป แต่การจะเคลื่อนย้ายตนเองกลับไปยังโลกเป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อสามารถทำได้แล้วในตอนนี้ เพียงแค่คิดเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น…อุปสรรคจากระดับปราณปัจจุบันก็ยังคงอยู่ เพราะระยะทางระหว่างโลกและอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงเคลื่อนย้ายตนเองกลับไปยังโลก…แต่ไม่สามารถกลับมาได้หากต้องการ
อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด หวังเป่าเล่อตื่นเต้นไปหมด ชายหนุ่มแทบจะห้ามใจไม่ให้เคลื่อนย้ายตัวเองกลับไปทันทีไม่ได้ เขาเสียเวลาไปนานเพื่อทำใจให้สงบลงก่อนจะหรี่ตา
อดทนไว้…ข้ายังไม่เสร็จธุระที่นี่ หวังเป่าเล่อไม่อยากจะจากไปทั้งอย่างนี้ ชายหนุ่มไม่ได้ฝ่าฟันปัญหาทั้งหมดมาเพื่อจะเคลื่อนย้ายเพียงครั้งเดียว มันไม่คุ้มเลยแม้แต่น้อย
หากหวังเป่าเล่อไม่สามารถกลับมายังอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้ เขาก็ไม่อาจนำดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์กลับไปด้วยได้ และใครคนอื่นก็จะมาแย่งมันไป แม้ว่าชายหนุ่มจะมีสิทธิ์การควบคุมดวงเนตรสวรรค์ เขาก็เชื่อว่าคงเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งสำหรับผู้ฝึกตนทรงอำนาจที่จะมาขโมยดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ไปหากพวกเขาต้องการ
ไหนจะยัง…สุสานดวงดารานั่นอีก ข้าต้องการเข้าไปที่นั่นด้วย มีเปลวไฟเผาไหม้อยู่ในดวงตาของหวังเป่าเล่อ มันไม่ใช่โทสะแต่เป็นเปลวไฟแห่งปรารถนาที่จะบรรลุระดับดาวพระเคราะห์
บัดนี้ชายหนุ่มมั่นใจแล้วว่าสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกับปรมาจารย์มหาทัณฑ์สวรรค์เพราะว่าฝ่ายแรกต้องการสิทธิ์เข้าสุสานดวงดาราที่ฝ่ายหลังมี เมื่อเป็นเช่นนั้น…หากหวังเป่าเล่อสังหารปรมาจารย์ได้ เขาจะยึดสิทธิ์ดังกล่าวมาได้หรือไม่กันนะ…
ความคิดนั้นทำให้หัวใจของหวังเป่าเล่อยิ่งเผาไหม้อย่างร้อนแรงขึ้นไปอีก เขาไม่รู้เรื่องสุสานดวงดารามากนัก ชายหนุ่มรู้เพียงว่ามันเป็นดินแดนแห่งโอกาสที่อัจฉริยะจากฝ่ายการเมืองและตระกูลใหญ่ต่างๆ ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นมารวมตัวกันเพื่อโอกาสการบรรลุระดับดาวพระเคราะห์ แต่ชายก็เคยขึ้นเรือวิญญาณมาแล้วครั้งหนึ่ง!
กระดาษรูปมนุษย์ภายในแหวนคลังเก็บของเขาเป็นอีกเหตุผลที่หวังเป่าเล่อสนใจสุสานดวงดาราเป็นอย่างยิ่ง แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่า การที่เขาได้ขึ้นเรือเป็นเพราะกระดาษรูปมนุษย์ในแหวนคลังเก็บ ไม่ใช่เพราะตัวเขาพิเศษแต่อย่างใด ชายหนุ่มรู้ดีว่าหากไม่มีสิทธิ์ เขาก็ไม่อาจขึ้นเรือได้อีก ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม เขาจะถูกคนเรือไล่ลงมาอีกครั้ง
หวังเป่าเล่อครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ จากนั้นแววมุ่งมั่นก็ฉายชัดขึ้นมาในดวงตา ไม่ว่าอย่างไรเสีย เขาก็จะต้องสู้เพื่อโอกาสดังกล่าว และก่อนที่หวังเป่าเล่อจะทำสิ่งใดต่อ เขายังมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการ
นั่นก็คือ…เจ้าเยี่ยเหมิง เจ้าลา และเจ้าอู๋น้อย หวังเป่าเล่อตอนนี้อยู่ในกายสารัตถะ หากร่างนี้ต้องตายในการต่อสู้ แม้ว่าร่างจริงของเขาจะเสียหายบ้าง เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่สำหรับพวกนั้นแล้วไม่ใช่
หากแผนของเขาสำเร็จ หวังเป่าเล่อจะได้ไปอยู่ในสุสานดวงดารา ไม่มีทางเลยที่ชายหนุ่มจะพาคนเหล่านั้นไปเสี่ยงอันตรายกับเขาด้วย การเข้าสุสานดวงดารานี้เป็นการเดิมพันที่สูงยิ่ง เทียบเท่ากับการแย่งเหยื่อจากปากพยัคฆ์ และเป็นไปได้มากที่ร่างอวตารของเขาจะต้องตายจากความพยายามนี้
แต่คงไม่เหมาะนักหากจะทิ้งทั้งสามเอาไว้บนดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์เช่นกัน สิทธิ์การควบคุมนั้นคุ้มครองหวังเป่าเล่อก็ต่อเมื่อเขาอยู่ในอาณาเขตดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์เท่านั้น แต่ทันทีที่ชายหนุ่มออกจากดารานิรันดร์ไป ทั้งสามย่อมถูกคลื่นความร้อนของดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์กลืนเข้าไปเป็นแน่
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่…ข้าจะส่งพวกเขาไปซ่อนตัวอยู่บนดาวเคราะห์สักดวงในอารยธรรมใกล้ๆ ตอนนี้ข้าอาจจะเดินทางกลับโลกได้เพียงครั้งเดียวจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ แต่ข้าอาจเคลื่อนย้ายไปกลับได้หากขยับเข้าใกล้โลกขึ้นอีกสักหน่อย เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็ส่งดวงจิตเทพไปหาเจ้าเยี่ยเหมิง หลังจากที่พูดคุยกับนางเรียบร้อย ร่างของเขาก็สลายหายไป คลื่นความร้อนปะทุขึ้นทั่วดารานิรันดร์ในอึดใจต่อมา จากนั้นคลื่นพลังวิญญาณที่สื่อถึงการเคลื่อนย้ายก็ก่อตัวขึ้นก่อนจะแพร่กระจายออกไป หวังเป่าเล่อหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
คลื่นพลังวิญญาณปั่นป่วนไปทั่วดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์เพราะหวังเป่าเล่อเคลื่อนย้ายจากไป ผู้ฝึกตนทุกคนในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์สัมผัสได้ถึงเปลวไฟอันร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ ปรมาจารย์มหาทัณฑ์และประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เงยหน้ามองฟ้าด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด
“เขาไปแล้วหรือ” ปรมาจารย์มหาทัณฑ์พึมพำกับตนเอง อึดใจต่อมา ดวงอาทิตย์ที่สงบไปก็แผดแสงจ้าขึ้นอีกครั้ง คลื่นพลังวิญญาณปะทุออกมาทันทีที่ประตูเคลื่อนย้ายเปิดขึ้นอีกครา หวังเป่าเล่อที่หายตัวไปเมื่อครู่ ปรากฏตัวกลับมายังดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ท่ามกลางพลังวิญญาณที่กำลังปะทุอย่างรุนแรง