หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 967 ดาวเคราะห์บรรพกาลร่วงหล่น!
- Home
- หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting
- บทที่ 967 ดาวเคราะห์บรรพกาลร่วงหล่น!
เสียงของหวังเป่าเล่อสะท้อนไปทั้งแปดทิศ หลังเสียงนี้ขึ้นสู่ฟากฟ้าแล้ว ดาวเคราะห์เต๋าที่ถูกล้อมก็พลันส่องแสงสว่างหลายครั้ง ท่ามกลางสายตาผู้คนที่จับจ้อง ท่ามกลางดวงตานับหมื่นๆ คู่ ร่างดาวเคราะห์ของมันก็พลันหดเล็กจ้อย จนสุดท้ายกลายเป็นลำแสงสีขาวราวกระดาษสายหนึ่ง พุ่งมายังตำแหน่งที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่!
แต่…ราวกับจะแก้แค้นหวังเป่าเล่อก็ไม่ปาน หลังจากเข้าใกล้เขาแล้ว แสงสีขาวราวกระดาษนั้นก็เปลี่ยนทิศ อ้อมตัวหวังเป่า พุ่งตรงไปยังพื้น ตรงเข้าหา…แม่นางกระพรวนที่กำลังอยู่ในสภาวะสิ้นหวัง!
พริบตานั้น มันไม่ได้หายเข้าหว่างคิ้วของนางแต่กลับหายตัวไป ส่วนทางด้านแม่นางกระพรวนเองก็เกร็งกายฝืนรับพลังจนกระอักเลือดออกมา นางยังไม่ทันได้ดีใจก็เป็นลมล้มพับไป ในเวลาเดียวกัน ร่างกายของนางก็ทอแสงสว่างชัดกว่าเก่า!
เหล่าผู้ฝึกตนที่เห็นฉากนี้ ล้วนลูกตาหดแคบ ในยามนี้ทั้งโลกเองก็เงียบงันเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างพากันมองไปที่หวังเป่าเล่อ แม้แต่มวลดาราบนฟ้าเองก็จ้องมองที่เขา รวมถึงเหล่าดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งเก้าดวงด้วย พวกมันกำลังมองหรือกล่าวได้ว่ากำลังเฝ้ารอ
หวังเป่าเล่อก้มหน้ามองดูแม่นางกระพรวน ที่แสงแห่งดาราจับร่างของนางมากขึ้นๆ ทุกที เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพลันยกยิ้ม
“เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนแรกที่เจ้าว่าข้าอาศัยแรงเสริมภายนอก ก็เป็นแค่ข้ออ้างสินะ?” กล่าวจบ หวังเป่าเล่อก็ดึงสายตากลับมา เขาไม่หันไปมองอีก ในเมื่อพยายามก็แล้ว แสดงให้ดูก็แล้ว แย่งชิงก็แล้ว ในเมื่อเจ้ายังคงดูถูกข้า เช่นนั้นเจ้าก็ไม่คู่ควรให้ข้าเหลือบแลอีกต่อไป
สายตาของเขาเพ่งมองไปยังท้องฟ้า ทำท่าทางสำรวมสุขุมแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ค่อยๆ เปิดปากอย่างสงบนิ่ง
“ท่านทั้งหลาย…ผู้ใดยินยอมติดตามข้า ท่องผ่านภูเขาทะเล ใช้ชีวิตหนึ่งชาตินี้ไปด้วยกันบ้าง?”
เมื่อเขากล่าวจบ ประหนึ่งอัสนีบาตรจากฟากฟ้าฟาดสู่โลกใบนี้ เหล่าดวงดาราทั้งสิ้นล้วนส่องแสง ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ธรรมดา ดาวเคราะห์วิญญาณหรือดาวเคราะห์อมตะ ล้วนแต่พยายามเร่งแสงกันอย่างบ้าคลั่ง แล้วยังมีดาวเคราะห์พิเศษทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ระดับเก้าหรือหนึ่ง ล้วนแต่แสดงความปรารถนาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เดิมทีฉากนี้ก็เพียงพอที่จะสั่นคลอนท้องฟ้าอยู่แล้ว แต่ที่น่าตื่นตะลึงยิ่งไปกว่านั้น ก็คือหมู่ดาราบรรพกาลทั้งเก้า ในยามนี้พวกมันเปล่งแสงเหมือนใกล้จะระเบิดก็ไม่ปาน กระทั่งบนตัวของพวกมันยังเริ่มเผยให้เห็นเค้ารางของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์เก้าตัว พวกมันล้วนมองมาทางหวังเป่าเล่อแล้วโค้งคำนับ!
ธาราแสงดาวเกลื่อนฟ้า แสงดาราทะลุพันจั้ง!
นี่สิ คือการแข่งประชันของหมู่ดาวที่แท้จริง!
ฉากอันแสนอัศจรรย์นี้ ไม่เคยปรากฎมาก่อนตั้งแต่อดีตอันไกลโพ้นจนถึงปัจจุบัน!
ในยามนี้เอง เหล่ากระดาษรูปมนุษย์ทั้งหลายในลานล้วนจิตใจสั่นคลอนอีกครั้ง แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของหวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้ทั้งหมด จะเพียงพอจะทำให้พวกเขาตกตะลึงแล้ว แต่ฉากนี้นับว่าเป็นการตกตะลึงครั้งใหญ่หลวงที่สุด
และที่พื้นที่นอกนครดาวตกในเขตของจักรพิภพนี้ เหล่าประชาชนของจักรวรรดิที่ใช้วิชาเทพส่องมองเหตุการณ์อยู่ทุกคน ต่างรู้สึกราวกับมีคลื่นยักษ์โหมซัดหัวใจ โดยเฉพาะยามเมื่อแหงนหน้ามองหมู่ดาวส่องแสงเต็มฟ้า ภาพนี้พาให้ทุกคนในจักรวรรดิล้วนแต่สมองอื้ออึงไม่หยุด
หากจะเรียกว่านี่คือการแข่งประชันแสงของหมู่ดาว ไม่สู้พูดว่าหมู่ดาวกำลังแย่งชิงมนุษย์เสียดีกว่า!
คนผู้นี้ที่แท้แล้วมีโชคชะตาแบบใด กลับทำให้…ถึงกับทำให้ดวงดาวท่วมทั้งมหาสมุทรดาราแห่งนี้ ปั่นป่วนไปหมด!
“แม้ดาวเคราะห์เต๋าไม่เลือกเขา…แต่หมู่ดาวยอมน้อมคำนับ!”
หลังจากความเงียบสั้นๆ นั้น สิ่งที่ตามมาก็คือเสียงฮือฮากลบฟ้าที่ระเบิดขึ้นพร้อมกันในจักรวรรดิดาวตก แม้แต่ในราชวังดาวตกเองก็ด้วย ไม่ว่าจะเป็นองค์จักรพรรดิ เหล่าขันทีอำมาตย์ทั้งหลาย ก็เช่นเดียวกัน
ต่อให้เป็นตัวจักรพรรดิดาวตกเอง ในเวลานี้ก็ยังเหม่อลอย สมองของเขาปรากฏภาพก่อนหน้าของหวังเป่าเล่อ แล้วจึงอดไม่ได้ที่จะพึมพำ
“ทุกสิ่งที่ผิดพลาดไปนั้น ก็เพื่อเป็นการเตรียมการให้พร้อมสรรพ…เช่นนั้นเจ้า…จะเลือกดาวดวงใด?”
ในเวลานี้เอง ไม่เพียงแค่สิ่งมีชีวิตในจักรวรรดิดาวตกที่ตะลึงลาน เหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าที่มาจากจักรพิภพดวงดาราไม่รู้สิ้นเองก็อยู่ในสภาพแบบเดียวกัน เหล่าผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เข้ารั้วราชวัง และเหล่าผู้ฝึกตนที่ไม่ได้เข้ามาร่วมตีกลองสู่สวรรค์ดังเช่นพวกหลี่หลินจื่อที่รออยู่ข้างนอก ก็ล้วนแต่มีสีหน้าตกตะลึงถึงขีดสุด
จริงๆ แล้วการผูกชะตากับหมู่ดาวทั้งหมดในวันนี้ ได้สั่นสะเทือนหัวใจพวกเขาตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะฉากหลังๆ ที่ดาวเคราะห์เต๋างัดข้อกับความโอหังของหวังเป่าเล่อ แล้วมายามนี้มวลดารายังแข่งกันทอแสง ทำให้พวกเขาเริ่มจารึกเงาร่างของหวังเป่าเล่อลงในก้นบึ้งของหัวใจ สมองของพวกเขานั้นปรากฏเพียงคำหนึ่งเท่านั้น!
“ยอดมหาศิษย์แห่งเต๋า…”
นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีผู้ที่คิดคล้ายๆ กัน นั่นก็คือตัวชายหนุ่มผู้สง่างามแห่งสำนักที่หนึ่ง จักรพิภพเต๋าศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายซ้าย ในเวลานี้ เขาถือว่าหวังเปาเล่อเป็นบุคคลที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตนอย่างแท้จริง และเพ่งมองอีกฝ่ายแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ในส่วนของชายหนุ่มชุดดำข้างกายเขาเองนั้นก็มองหวังเป่าเล่ออย่างลึกซึ้งคราหนึ่ง ดวงตาดูหม่นแสงเล็กน้อย
ส่วนทางด้านแม่นางน้อย หญิงสวมหน้ากาก เจ้าอ้วนน้อย พี่ชายเกาผู้สูงส่ง ซึ่งเลือกดารามาหลอมรวมไปแล้วนั้น ในเวลานี้สมาธิของพวกเขายังไม่ได้แตกกระเจิง ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นสักนิด หากเมื่อเทียบกันแล้ว ในเวลานี้ผู้ที่ตกใจมากที่สุดกลับเป็นดาวเคราะห์เต๋าดวงนั้น…ที่สิงอยู่ในร่างแม่นางกระพรวนซึ่งสลบไสลอยู่!
ดาวเคราะห์เต๋าดวงนี้ สุดท้ายแล้วก็ไม่เลือกหวังเป่าเล่อ แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะทุ่มเทพลังทั้งหมดของตนเองแล้ว มันก็ยังเลือกที่จะละทิ้งอีกฝ่าย ทว่ายามนี้คนที่มันละทิ้งกลับทำให้เหล่าดวงดาวทอแสงแย่งชิง…หากว่ามันมีอารมณ์แบบเหล่าผู้ฝึกตนทั่วไปล่ะก็ ยามนี้มันคงต้องตกตะลึงจนไม่รู้จะพูดอะไรแน่
แต่จริงๆ แล้ว ลึกๆ ลงไปมันก็มีความรู้สึกหนึ่ง มันรู้สึกคล้ายว่าตน…ได้พลาดวาสนาที่สำคัญยิ่งไปเสียแล้ว
เพราะว่า…ผู้ฝึกตนที่มันไม่ดูดำดูดีคนนี้ เพียงแค่ถามว่าใครยอมร่วมทางกับเขาบ้าง แต่ไม่ได้เอ่ยว่าหลังร่วมทางแล้วจะเป็นเช่นไร นี่เหมือนว่าคนผู้นี้แทบไม่ได้เสนอประโยชน์อะไรให้หมู่ดาวเลย เพียงแค่ถามความสมัครใจทั่วไปเท่านั้น แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ หมู่ดาวยังคงยอมแข่งกันทอแสงแย่งชิง…
แม้กระทั่งตัวหวังเป่าเล่อเองก็ไม่ได้คาดคิดถึงฉากอันตระการตาเบื้องหน้า ดังนั้นหลังจากเขาเงียบไปพักหนึ่งก็มองดูดาวเคราะห์ที่เจิดจ้าเหล่านั้น สีหน้าของเขากลับยิ่งสุขุม เขาประสานมือโค้งกายแล้วเอ่ยคำสัญญาของตนเองออกมา
“ผู้ที่ติดตามข้า ข้าย่อมพยายามสุดความสามารถเพื่อให้พวกเรารุ่งโรจน์ไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จทางเต๋าหรือกลายเป็นดาวเคราะห์ระดับสูง นี่คือปณิธานสาบานแห่งเต๋าของข้า!”
เมื่อกล่าวคำพูดนี้จบ ทุกคนที่ได้ยินนั้นในใจพลันสั่นคลอนรุนแรง กระทั่งตัวจักรพรรดิแห่งนครดาวตกยังดวงตาหดวูบ เนื่องจาก…คำพูดนี้ของหวังเป่าเล่อนั้น มีน้ำหนักมากเกินไปนัก!
เต๋าสาบาน ก็คือการเปล่งคำสาบานต่ออนาคตเส้นทางเต๋าของตนเอง อาศัยหัวใจเป็นรากฐานเพื่อให้ดวงดาราฟ้าดินยอมรับ หากทำการสาบานภายใต้กฎแห่งจักรวาลท่ามกลางท้องฟ้าพร่างดารา คำสาบานนี้จะคงอยู่ตลอดกาล ทว่าปรกติแล้วผู้ที่สามารถเอ่ยคำสาบานซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในกฎจักรวาลนี้ได้ ย่อมต้องเป็นผู้ฝึกปรือชั้นยอด มิเช่นนั้นย่อมไม่อาจสั่นคลอนกฎจักรวาลใดๆ
ส่วนปณิธานอันยิ่งใหญ่นี้กลับเคร่งครัดและจริงจังกว่าเต๋าสาบาน ไม่เพียงแต่ใช้อนาคตแห่งเต๋าของตนเป็นประกัน แต่เป็นการนำชีวิต อีกทั้งบาดแผลต่างๆ ในปัจจุบันของตนมาแสดงถึงหัวใจอันจริงแท้ ปกติแล้วต่อให้เป็นคนธรรมดา หากเอ่ยปณิธานอันยิ่งใหญ่นี้ต่อหน้ากฎแห่งจักรวาล ก็ย่อมได้รับผลกระทบเล็กๆ น้อยๆ และหากผู้ใดละเมิดคำสาบาน ไม่มากก็น้อย ผู้นั้นย่อมได้แรงสะท้อนกลับ ในส่วนของผู้ถือครองพลังแห่งโชค หากว่ายิ่งมีพลังมาก แรงกระทบจากกฎแห่งจักรวาลนั้นก็จะยิ่งมีมากตาม
และหากเหล่าผู้ถือครองโชคชะตายิ่งใหญ่เหล่านั้นเอ่ยปากสาบานปณิธานล่ะก็ ย่อมทำให้ฟ้าดินเกิดปรากฏการณ์ประหลาดได้!
ในส่วนตัวหวังเป่าเล่อเองก็รู้ว่าคำพูดของตนในครานี้หนักเกินไปนัก แต่ในใจเขายังกระซิบบอกตนเอง ในเมื่อดวงดาวทั้งฟากฟ้ายินยอมเลือกข้า เช่นนั้นตัวข้าจะไม่ยอมให้เหล่าดาราผิดหวัง!
ฉะนั้นแล้วเมื่อคำพูดนี้ก้องสะท้อนไปทั่วฟ้า หมู่มวลดาราบนนั้นล้วนแต่สั่นสะเทือนหนัก จากนั้นแสงอันบ้าคลั่งทั้งหลายก็ทอจรัสกว่าเก่า ภาพฉากท้องฟ้าในยามนี้แปรเปลี่ยน ลมพายุพัดหมุนอยู่ในขั้นทลายฟ้าดิน ราวกับทั้งโลกนี้ถูกแสงแห่งดาราสาดส่อง ความปรารถนาทั้งหมดที่มาจากหมู่ดาวนี้ ในพริบตาก็ระเบิดรุนแรง ราวกับดวงดาวทุกดวงกำลังร้องเรียก รอให้หวังเป่าเล่อเลือกพวกมัน!
โดยเฉพาะดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งเก้าดวงนั้น กลับยิ่งทอแสงรุนแรงกว่าเก่า ดาวดวงที่อยู่ใจกลางสุด พลันบังเกิดความปรารถนาสุดขีด มันตัดสินใจยอมร่วงหล่นในพริบตา!
การสมัครใจน้อมตัวลงมาเช่นนี้ นับว่ามันยอมพนันด้วยศักดิ์ศรีของดาวบรรพกาล และเป็นการพนันอนาคตของตัวมันเองเช่นกัน เพราะหากหวังเป่าเล่อไม่ยอมเลือกมัน เช่นนั้นก็เหมือนมันถูกปฏิเสธคำขออีกครั้ง เส้นทางหนึ่งเดียวในการเลื่อนระดับเป็นดาวเคราะห์เต๋าของมัน ก็คือการรอคำอนุญาต และในครั้งนี้หากหวังเป่าเล่อปฏิเสธ มันย่อมได้รับผลกระทบใหญ่หลวง!
โดยเฉพาะเมื่อตนเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่หากถูกละทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นดวงดาว ย่อมเจ็บปวดสาหัส และสำหรับหมู่ดาวอาจรุนแรงกว่าด้วย!
ฉากนี้สั่นคลอนหัวใจคนดูทั้งมวลจนถึงที่สุด!
“ดาวบรรพกาลตัดสินใจร่วงหล่น!”
เสียงฮือฮาดังขึ้น แต่ยังไม่ทันได้แพร่กระจาย เมื่อหมู่ดาวบรรพกาลอีกแปดดวงบน้องฟ้า เห็นดวงตรงกลางทำเช่นนี้ พวกมันก็ร้อนรนแทบคลั่ง ทันใดนั้น…ทุกดวงพลันตัดสินใจ ร่วงหล่นลงมาพร้อมกันกับดาวดวงก่อนหน้า กลายเป็นลำแสงสายรุ้งเก้าสาย ข้ามฟากฟ้ามาหาหวังเป่าเล่อ ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคนนั้นเอง ร่างของดาวเคราะห์ทั้งเก้าก็ปรากฏซ้อนกายทับกันเป็นเส้นลำแสงนับไม่ถ้วน ในเวลาเดียวกันร่างของพวกมันก็ค่อยๆ เล็กลงๆ
สุดท้ายแล้วทุกดวงก็เหลือขนาดเพียงแค่กำปั้นเท่านั้น พวกมันกลายเป็นเหมือนไข่มุกสว่างจ้าเก้าเม็ด ลอยอยู่เบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ แสงส่องเจิดจรัส หมู่ดาวที่เหลือในท้องฟ้าต่างก็สั่นสะท้าน
หวังเป่าเล่อเองก็แทบหยุดหายใจ เขามองดาวบรรพกาลทั้งเก้าดวง ท่ามกลางแสงของพวกมันนั้น เขาเหมือนสัมผัสได้ถึงแรงกระหายของดาวบรรพกาลทั้งเก้า ที่เชื่อมต่อกับจิตสำนึกของตน
“พวกข้าไม่ปรารถนาจะอยู่เช่นนี้ไปตลอด ไม่สู้ให้พวกข้าทั้งเก้ารวมเป็นหนึ่งได้ไหม ขอเพียงได้รับคำอนุญาตมากพอ พวกข้าก็จะกลายเป็นดาวเคราะห์เต๋าได้?”
……………………………………………………