หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 980 ดาวเคราะห์เต๋าบดขยี้!
ทันทีที่เอ่ออกมา หวังเป่าเล่อก็กำมือขวาอย่างแรง!
ทันใดนั้นกระแสน้ำวนที่เกิดจากไอมรณะของผู้ฝึกตนนับแสนในสนามรบก็เกิดเสียงดังสนั่นและรูปร่างเปลี่ยนไปกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ และทันทีที่หวังเป่าเล่อกำมือ ฝ่ามือนั้นก็กำแน่นอย่างรุนแรง!
พวกผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในฝ่ามือนั้น แม้แต่ละคนจะโกรธเกรี้ยวจนแทบบ้า แต่ภายในพลังเทพนี้พวกเขาต่างก็หน้าเปลี่ยนสีและแตกฮือไปทั่ว ฝ่ามือที่แปรสภาพมาจากกระแสน้ำวนมรณะกำแน่นและบดขยี้!
ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดตัวเองของดาวพระเคราะห์ดังก้องออกมาจากฝ่ามือนั้น แต่…ถึงอย่างไรคู่ต่อสู้ของหวังเป่าเล่อก็เป็นถึงดาวพระเคราะห์จำนวนหลายคน ถึงแม้คุณภาพดวงดาวในร่างพวกเขาจะไม่ได้สูงมาก แต่โดดเด่นในเรื่องจำนวน อีกทั้งผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นถึงดาวพระเคราะห์ชั้นปลาย
ดังนั้นในเวลาเดียวกันกับที่เสียงดาวพระเคราะห์ระเบิดตัวเองดังขึ้นก็มีแสงกระบี่แสงหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านในฝ่ามือที่กำแน่นนั้นและตัดฝ่ามือนั้นจนเกิดช่องว่าง
จากนั้นก็มีสายรุ้งเต๋าจำนวนมากรีบพุ่งออกมาจากช่องว่างนั้น!
จากเดิมแปดคน ตอนนี้เหลือแค่เจ็ดคนเท่านั้น คนที่ตายไปแล้ว…คือปรมาจารย์เต๋าใหม่!
ในเจ็ดคนนี้นอกจากผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และดาวพระเคราะห์ชั้นกลางอีกสองคน คนที่เหลือล้วนเป็นดาวพระเคราะห์ชั้นต้นทั้งสิ้น และตอนนี้พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บ ทันทีที่พุ่งออกมาได้ ทั้งเจ็ดคนต่างก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว ในจำนวนนั้นมีสี่คนที่ถอยร่นไปสี่ทิศราวกับอยากจะหนี!
ส่วนอีกสามคนเลือกที่จะเข้าไปหาหวังเป่าเล่อ
ทั้งสามคน…นำโดยผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ส่วนอีกสองคนด้านหลังล้วนมาจากอารยธรรมครามทองคำ ถึงแม้ฐานการฝึกฝนจะไม่เท่าผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็เป็นถึงดาวพระเคราะห์ชั้นกลาง แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะอับอายมาก แต่ความบ้าคลั่งและไอสังหารที่มาจากพวกเขานั้นแข็งแกร่งสุดๆ
“แยกกันหรือ” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ก่อนจะยิ้มจางๆ ในขณะที่พวกผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามมาถึง ร่างกายของเขาก็ขยับ ดวงดาวสีคราม กฎเต๋าลม ก็กำเนิดขึ้นที่ด้านหลัง ทำให้ความเร็วพุ่งขึ้นไปถึงขีดสุดจนเกิดภาพติดตา เพียงก้าวเดียวก็ข้ามผ่านจักรวาลมาถึงตรงหน้าหนึ่งในสี่ผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ที่แยกย้ายกันหลบหนี
คนผู้นี้อยู่ในวัยกลางคน ถึงแม้เขาจะจนตรอก ทว่าทันทีที่เห็นหวังเป่าเล่อ นัยน์ตาของเขาก็ฉายแววมุ่งร้ายราวกับเป็นความบ้าคลั่งในความสิ้นหวังและร้องคำราม
“เจ้าโดนหลอกแล้ว ผนึก!!” ขณะที่พูดเขาก็ไม่ลังเลที่จะระเบิดตัวเอง!
ทันทีที่ระเบิดระลอกคลื่นทำลายล้างก็มีแสงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา และดาวพระเคราะห์ของเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ในชั่วพริบตา ร่างกายรวมถึงดวงวิญญาณเทพและดาวพระเคราะห์ของเขาระเบิดกระจายไปทั่วทุกทิศทางพร้อมเสียงดังสนั่น!
ในเวลาเดียวกันดาวพระเคราะห์ชั้นต้นของอารยธรรมครามทองคำที่หนีไปยังทิศทางอื่นอีกสามคนต่างก็ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย นัยน์ตาฉายแววบ้าคลั่ง ในพริบตาที่ดาวพระเคราะห์วัยกลางคนผู้นั้นระเบิดตัวเอง พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะระเบิดตัวเองด้วย!
“ผนึก!”
“ผนึก!!”
“ผนึก!!!”
การระเบิดตัวเองของดาวพระเคราะห์คนใดคนหนึ่งจะมีพลังมากกว่าตัวของเขาเองหลายเท่า ขณะนี้มีดาวพระเคราะห์ชั้นต้นสี่คนระเบิดตัวเองพร้อมกัน จึงยิ่งทำให้เกิดพลังมากขึ้น ขณะเดียวกัน ด้วยความผันผวนของการทำลายล้างที่ทับซ้อนกันทำให้การระเบิดตัวเองนี้มีพลังมากขึ้น!
จุดที่พวกเขาหลบหนีไปดูเหมือนจะกระจัดกระจาย แต่ความจริงแล้วหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าต่อให้ทั้งสี่คนจะหนีไป แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขาดูเหมือนจะแฝงไว้ด้วยนัยยะในระดับหนึ่ง เช่น แขนขานั้นเชื่อมต่อกันซ่อนวงแหวนปราณไว้
อันที่จริงก็ควรจะเป็นเช่นนี้ การระเบิดตัวเองของผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์แห่งอารยธรรมครามทองคำสี่คนนี้คือวิถีปิดผนึกชนิดหนึ่ง ในอารยธรรมครามทองคำ วิถีนี้ถือว่าเป็นเคล็ดมหาพลังเทพ เพราะเป็นกฎในร่างตัวเอง อีกทั้งยังเป็นกฎการบ่มเพาะจึงมีความหมายของชีวิต
ดังนั้นพลังของพวกเขาจึงแข็งแกร่ง และในขณะนี้เมื่อทั้งสี่สำแดงพลังระเบิดทำลายล้างตัวเอง อานุภาพจึงยิ่งมากขึ้น!
ในชั่วพริบตาร่างกายและดาวพระเคราะห์ที่แตกสลายของทั้งสี่คนจึงมารวมตัวกันเป็นเส้นไหมเส้นหนึ่งที่ดูเหมือนเส้นใยพืชตวัดไปทางหวังเป่าเล่อ ราวกับเล็งเป้าไว้เพียงหนึ่งเดียว พริบตาต่อมาเส้นไหมสี่เส้นนี้ก็พุ่งผ่านเต๋าลมของหวังเป่าเล่อมาด้วยความเร็วที่อธิบายไม่ได้ไปพันรอบตัวหวังเป่า…ทำให้หวังเป่าเล่อถูกตรึงไว้กลางจักรวาล!
ยังไม่จบแค่นั้น แทบจะในทันทีที่ผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ชั้นต้นทั้งสี่คนนั้นระเบิดตัวเอง พวกผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนทิศกะทันหันด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเดิมมาก จนร่างกายพวกเขาต่างก็เกิดไฟลุกเพื่อแลกกับความเร็วที่มากขึ้น พร้อมกับเสียงคำรามแผ่กระจายไปทั่วระหว่างผนึกฝ่ามือ
“ประทับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!”
ผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สยายผม ก่อนที่ร่างกายจะระเบิดแสงสว่างจ้า แสงนี้กลายเป็นตราประทับขนาดใหญ่ที่ด้านนอกร่างกาย อีกทั้งได้รับการสนับสนุนจากเพลิงเผาไหม้ฐานการฝึกฝนของผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ชั้นกลางทั้สองคนที่อยู่ด้านหลังจึงทำให้ตราประทับส่องแสงสว่างจ้าถึงขีดสุดกลายเป็นความสว่างที่เป็นรองแค่ดารานิรันดร์พุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อ
นี่คือผนึกกับดักที่เกิดขึ้นจากการระเบิดตัวเองของดาวพระเคราะห์ชั้นต้นทั้งสี่คน นี่คือพลังเทพวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นจากดาวพระเคราะห์ชั้นปลายหนึ่งคนและดาวพระเคราะห์ชั้นกลางสองคนแลกมาด้วยชีวิต เรียกได้ว่า…ในช่วงเวลาสั้นๆ สามารถคิดกลยุทธ์และวางแผนโต้กลับได้เช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะอธิบายได้ถึงความจัดเจนของผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนึกกับดักที่เกิดจากการระเบิดตัวเองของดาวพระเคราะห์ชั้นต้นทั้งสี่คนนั้นมีกฎ คนอื่นก็เช่นกัน แม้ว่าผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะใช้ดาวเคราะห์อมตะเสริมพลัง ตัวดาวพระเคราะห์จึงไม่มีกฎ แต่กลับอาศัยวิธีลับของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ใช้ฐานการฝึกฝนของตนและการลุกไหม้ของดาวพระเคราะห์ชั้นกลางสองคนกระตุ้นสำแดงวิธีลับอันดับหนึ่งของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ‘ประทับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ ทำให้กฎแห่งแสงที่แฝงมาด้วยวิธีลับนี้สำแดงต่อโลก!
หากเปลี่ยนคู่ต่อสู้เป็นคนอื่น ต่อให้เป็นดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรมาเผชิญหน้ากับการร่วมมือเช่นนี้ของพวกเขาก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้ เพียงแต่…ความต่างชั้นของดาวพระเคราะห์นั้น บางครั้งก็ทำให้ดาวพระเคราะห์ชั้นต่ำสิ้นหวังและรู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรมอย่างแรงกล้า
ดาวพระเคราะห์เหมือนกัน แต่ผู้ที่ใช้ดาวเคราะห์ทั่วไปเลื่อนชั้นเผชิญหน้ากับผู้ที่ใช้ดาวเคราะห์วิญญาณนั้นช่างเปราะบางยิ่ง!
ดาวเคราะห์วิญญาณเผชิญหน้ากับดาวเคราะห์อมตะก็เช่นเดียวกัน ส่วนดาวพิเศษ…เมื่อเป็นเรื่องกฎจะถือว่าดาวเคราะห์อมตะไม่ต่างจากดาวเคราะห์ทั่วไปมากนัก
นับประสาอะไรกับดาวที่หวังเป่าเล่อผนึกกายด้วยคือดาวเคราะห์เต๋าจากดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งเก้า!
อาจกล่าวได้ว่าถึงแม้หวังเป่าเล่อจะเป็นดาวพระเคราะห์ชั้นต้น แต่กฎที่อยู่ในกำมือเขารวมถึงคุณภาพดาวพระเคราะห์ของเขาทำให้ทั้งระดับดาวพระเคราะห์นี้ไม่อาจนำมาวัดอะไรได้ หากอีกฝ่ายไม่มีดาวพิเศษ ต่อให้เป็นระดับดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรก็ไม่มีสิทธิ์เชิดหน้าชูตาต่อหน้าเขา!
ก็เหมือนกับบอลลูนที่แม้จะใหญ่เพียงใดก็ยังเป็นแค่บอลลูน ส่วนตะปูแม้จะเล็กเพียงใดก็ยังเป็นตะปู!
“หากจำนวนมากกว่าทำให้เกิดช่องว่างได้ เช่นนั้น…ทำไมถึงมีการแบ่งระดับการฝึกฝนมากมาย ทำไมดาวพระเคราะห์ถึงมีระดับด้วยเล่า แน่นอน…เรื่องนี้ยังไม่แน่นอน แต่พวกเจ้า…ไม่มีมัน” หวังเป่าเล่อที่ถูกรัดด้วยเส้นไหมสี่เส้นสัมผัสได้ถึงพลังแห่งกฎของดาวพิเศษในพริบตา ผู้ฝึกตนที่ไม่มีกฎนั้นจะน่ากลัวได้อย่างไร
ในขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าดาวเคราะห์เต๋าจากดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งเก้าของตนน่ากลัวเพียงใด
“เต๋าพืชเขียว!” ท่ามกลางเสียงคำรามของผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ตราประทับที่สร้างขึ้นโดยตัวเขากับดาวพระเคราะห์ชั้นกลางสองคนนั้นส่องสว่างพุ่งเข้ามา หวังเป่าเล่อก็เอ่ยเบาๆ
ทันทีที่พูดออกไป เส้นไหมรอบตัวเขาก็สั่นอย่างรุนแรง ถึงแม้มันจากเกิดจากการระเบิดตัวเองของดาวพระเคราะห์ชั้นต้นถึงสี่คน แต่ตอนนี้มันก็ยังคงสั่นและคลายออก จนกระทั่งมันถูกควบคุมและแกว่งไปมาอยู่รอบตัวหวังเป่าเล่อ!
ภาพนั้นทำให้ผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ทว่าก่อนที่เขาจะได้คร่ำครวญ หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้นมาแล้วนัยน์ตาฉายแสงเย็นเยียบ ก่อนจะชี้ไปยังตราประทับแสงที่พุ่งเข้ามาอย่างผลักภูเขาพลิกทะเล!
“สีขาวคือเต๋าแห่งรุ่งอรุณ!”
ทันใดนั้นตราประทับแสงขนาดมหึมาที่ใกล้เข้ามาก็มอดแสงลงอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จุดแสงจำนวนมากแตกกระเจิงและกลับมารวมตัวกันตรงหน้านิ่วชี้ของหวังเป่าเล่อ ราวกับว่านิ้วของเขาคือแหล่งกำเนิดแสงทั้งหมด ชั่วพริบตาต่อมา…นิ้วชี้ที่ดูดซับแสงทั้งหมดนี้ก็เข้ามาแทนที่ทุกสิ่งและก็กลายเป็นเพียงสิ่งเดียวในจักรวาลแห่งนี้
ขณะที่ผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รวมถึงดาวพระเคราะห์ชั้นกลางสองคนด้านหลังไม่อยากจะเชื่อและหวาดกลัว นิ้วชี้ของหวังเป่าเล่อก็ชี้ไปตรงหน้าพวกเขา!
“ฝุ่นกลับเป็นฝุ่น ดินกลับคืนสู่ดิน มันจบแล้ว”
…………………………………………………………………