หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 984 สังหารสหพันธรัฐ!
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่มากกว่านี้ พ่อของหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้รู้แน่ชัด สิ่งที่เขารู้และบอกหวังเป่าเล่อไม่ใช่เรื่องลับอะไร และยังเป็นประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่คนของสหพันธรัฐในปัจจุบันรู้กันดี
ฟังสิ่งที่พ่อพูด ความโกรธในใจหวังเป่าเล่อก็พลุ่งพล่านจนทะลักออกมา ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาสังเกตการเปลี่ยนแปลงของกระบี่สำริดโบราณเขาก็ไม่ได้คิดจะบุ่มบ่าม แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว
“กลุ่มนภาห้าสมัย…ตระกูลจั่ว…พวกเจ้ากล้ามากนะ!” การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของหวังเป่าเล่อทำให้ดาวอังคารเกิดเสียงคำรามอีกครั้ง ผู้ฝึกตนบนดาวอังคารต่างก็ประหลาดใจโดยไม่ทราบเหตุผล หวังเป่าเล่อมองเส้นผมสีขาวของพ่อ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาแผ่พลังสารัตถะไร้รูปเข้าไปในร่างของพ่อ
ฉับพลันริ้วรอยบนใบหน้าของพ่อก็หายไป เส้นผมก็ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จากนั้นการรักษาอย่างระมัดระวัง หวังเป่าเล่อก็ทำให้แม่ที่หลับอยู่กลับมามีผมสีดำอีกครั้ง ดูจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นอายุหรือจิตวิญญาณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
คนอื่นในสหพันธรัฐไม่สามารถแก้ไขได้ ทำได้เพียงเยียวยารากฐานชีวิตที่บาดเจ็บไว้ แต่เมื่ออยู่ในมือหวังเป่าเล่อก็ไม่ถือว่ายาก เพียงแต่ต้องใช้สารัตถะของตนเท่านั้น
เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำให้พ่อแม่ดำรงอยู่ได้ตลอดไป แต่สิ่งที่ทำได้คือรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและอายุยืนยาวถึงปีวิญญาณ จนถึงตอนนั้นเขาจะมีความสามารถพอจะทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่นั้น หวังเป่าเล่อก็ยังไม่รู้และไม่อยากคิดถึงมัน
สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้คือพ่อแม่ของเขาต้องแข็งแรง ในขณะเดียวกันตระกูลจั่วรวมถึงกลุ่มนภาห้าสมัยที่เกือบจะฆ่าพ่อแม่นั้น เขาได้คิดแก้แค้นไว้ในใจแล้ว
ดังนั้นเขาจึงรวมร่างแยกของตนเองไว้อยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ที่นี่หนึ่งร่าง ขณะเดียวกันอีกร่างแยกหนึ่งก็ออกจากบ้านไป และเมื่อปรากฏตัวขึ้น…ก็มาอยู่ในห้องลับใต้ดินในนครหลักแห่งดาวอังคารแล้ว
ภายในห้องลับมีชายชรากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง ชายชราผู้นี้ผอมแห้ง ใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ที่ลำคอมีถุงขนาดใหญ่โป่งพอง และดูเหมือนจะมีสิ่งมีชีวิตดิ้นไปมาอยู่ในนั้น ทุกครั้งที่มันดิ้นล้วนสร้างความเจ็บปวดทรมานให้กับชายชราผู้นี้จนสีหน้าบิดเบี้ยว
ชายชราผู้นี้…คือหลี่ซิงเหวิน ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์!
หลี่ซิงเหวินไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย ขณะนี้เขากำลังพยายามระงับความเจ็บปวดอย่างสุดกำลัง อาการบาดเจ็บนี้อยู่กับเขามาหลายปีแล้ว ทุกวันในช่วงเวลาเดิมเขาจะต้องมาที่นี่เพื่อระงับความเจ็บปวด นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้เขามีชีวิตรอดต่อไปได้
เขาไม่ได้กลัวตาย แต่ไม่อยากตายตอนนี้ ดังนั้นต่อให้ได้รับความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส เขาก็ยังคงยืนหยัดสู้ เพราะเขารู้ดีว่าตนเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งเดียวของทุกคนบนดาวอังคาร!
การดำรงอยู่ของเขาทำให้ทุกคนบนดาวอังคารมีความหวัง หากเขาล้มลงเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเหล่าหัวหน้าเสนาบดีหรือเจ้านครดาวอังคาร หรือแม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งของยุคนั้นทุกคนต่างต้องสิ้นหวังเป็นแน่
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้นำที่สร้างยุคกำเนิดวิญญาณและร่วมมือกับต้วนมู่ฉีผู้สืบทอดตำแหน่ง ผลักดันให้สหพันธรัฐเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้มากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตายของต้วนมู่ฉี การบาดเจ็บสาหัสของทุกคน และการจับกุมเฟิ่งชิวหรันทำให้ภาระทางนี้ของเขายิ่งหนักขึ้น แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงไปรักษาแม่ของหวังเป่าเล่อเป็นประจำ ไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าหวังเป่าเล่อได้กลายเป็นดาวพระเคราะห์แล้ว แต่เพราะในใจเขานั้นทั้งหวังเป่าเล่อและคนของปฏิบัติการนกนางแอ่นล้วนเป็นความหวังของสหพันธรัฐ
เมื่อเห็นหลี่ซิงเหวินที่มีสีหน้าเจ็บปวดตรงหน้า แววตาหวังเป่าเล่อก็แสดงความเคารพและความกตัญญู ในใจเอ่ยคำขอโทษอย่างสุดซึ้ง ก่อนจะยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังส่วนที่โป่งพองบนลำคอหลี่ซิงเหวิน
ถุงที่โป่งพองนั้นสั่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนมีเสียงร้องขอความเมตตาดังมาจากด้านใน ทันใดนั้นถุงนั่นก็แตกออก และมีหนอนไหมสีดำตัวหนึ่งบินออกมาจากด้านในอย่างรวดเร็วราวกับคิดจะหนี ทว่าสิ่งที่รอมันอยู่คือพลังแข็งตัวยามที่หวังเป่าเล่อจ้องมอง และ…หายวับไปกับตา
ตอนที่มันแตกออก ร่างของหลี่ซิงเหวินก็สั่นสะท้าน ก่อนจะลืมตาขึ้นและเห็นหวังเป่าเล่อที่อยู่ตรงหน้าทันที ตอนแรกเขาหน้าเปลี่ยนสี แต่หลังจากระบุตัวตนได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นและไม่อยากเชื่อ
“เป่าเล่อ?”
“ศิษย์คำนับผู้อาวุโสสูงสุด!” หวังเป่าเล่อกำมือโค้งคำนับต่ำ ขณะเดียวกันก็แผ่พลังสารัตถะเข้าสู่ร่างของหลี่ซิงเหวิน ทำให้อาการบาดเจ็บฟื้นตัวในทันที กระบวนการทั้งหมดกินเวลาเพียงสามถึงห้าลมหายใจ ร่างผอมแห้งของหลี่ซิงเหวินก็กลับมาเป็นปกติ และฐานการฝึกฝนก็ปะทุขึ้นในทันที ไม่ใช่ขั้นจุติวิญญาณอีกต่อไป แต่เป็นขั้นเชื่อมวิญญาณ!
นี่ไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของหวังเป่าเล่อ แต่ในฐานะผู้ฝึกตนกลุ่มแรกของยุคกำเนิดวิญญาณ หลี่ซิงเหวินจึงมีพรสวรรค์โดดเด่น แม้ระดับอารยธรรมจะดูเหมือนยากที่จะพัฒนาได้ แต่หลังจากหวังเป่าเล่อจากไป เขาก็ได้เลื่อนขึ้นสู่ระดับขั้นเชื่อมวิญญาณได้ด้วยตนเอง
“กลับมาแล้วก็ดี กลับมาแล้วก็ดี!” หลี่ซิงเหวินไม่ได้สนใจการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตน เขามองสำรวจหวังเป่าเล่อด้วยความตื่นเต้น ดวงตาที่เบิกกว้างทำให้หวังเป่าเล่อยิ่งโทษตัวเองมากขึ้นไปอีก เขารู้สึกว่าตัวเองกลับมาช้าไป…
หากกลับมาให้เร็วกว่านี้เรื่องราวอาจไม่ลงเอยเช่นนี้ ดังนั้นหลังจากทำความเคารพ หวังเป่าเล่อจึงรีบสอบถามรายละเอียดเรื่องการเปลี่ยนระบอบการปกครองของโลกที่พ่อของตนไม่รู้ทันที
เมื่อหลี่ซิงเหวินอธิบาย หวังเป่าเล่อก็เข้าใจการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของโลกอย่างละเอียด!
เรื่องของระบบสุริยะสำหรับอารยธรรมสหพันธรัฐ…ผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ที่ตื่นขึ้นมาจากกระบี่สำริดโบราณนั้นน่าสะพรึงกลัวมากจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินไปทั่วทั้งอารยธรรม ถึงขนาดว่าหากอีกฝ่ายต้องการลบสหพันธรัฐออกจากจักรวาลก็เป็นเรื่องง่ายดาย
ถึงแม้ผู้ฝึกตนคนนั้นจะไม่ได้กำจัดสหพันธรัฐในตอนนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เป็นกลางอย่างเฟิ่งชิวหรัน เขาสนับสนุนให้ใช้ระบบสุริยะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของสำนักวังเต๋าไพศาล เขาจึงไม่พอใจกับความสัมพันธ์ระหว่างเฟิ่งชิวหรันกับสหพันธรัฐอย่างยิ่ง
ดังนั้นเขาจึงออกจากกระบี่สำริดโบราณไปจับกุมเฟิ่งชิวหรันกับศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลและกักขังพวกเขาไว้ในสำนักวังเต๋าไพศาล ขณะเดียวกันก็ชิงอำนาจของเฟิ่งชิวหรันมา ทำให้ศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลไม่อาจไม่เชื่อฟังได้
ยิ่งไปกว่านั้นยังฆ่าต้วนมู่ฉีด้วยมือตนเอง แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องเหล่านี้แล้วเขาจึงสนับสนุนกลุ่มนภาห้าสมัยที่เป็นฝ่ายยอมจำนนต่อเขา ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้มีอำนาจกลุ่มใหม่ของสหพันธรัฐ และทำตามประสงค์ของเขาในฐานะหุ่นเชิด
ซึ่งเดิมทีกลุ่มนภาห้าสมัยก็ไม่พอใจในตัวต้วนมู่ฉีกับหลี่ซิงเหวินอยู่แล้ว ดังนั้นด้วยอำนาจของพวกเขาและการสนับสนุนจากผู้เยี่ยมยุทธ์จักรพิภพคนนั้น พวกเขาจึงเริ่มการนองเลือด!
กลุ่มไตรจันทราถูกปล้นสะดม ปรมาจารย์ตระกูลจินเสียชีวิต สี่สำนักวิชาเต๋าที่ยิ่งใหญ่ถูกกวาดล้าง นอกจากศิษย์สำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ที่อพยพมายังดาวอังคาร สำนักวิชาเต๋าอีกสามแห่งต่างก็แทบจะถูกกำจัดไปหมดสิ้นแล้ว
ยังมีคณะเสนาบดีที่ตายในการต่อสู้เก้าคน คนที่เหลือบ้างก็ยอมจำนน บ้างก็หนีมาดาวอังคาร ในบรรดาพวกเขาหัวหน้าเสนาบดีบาดเจ็บสาหัส ฐานการฝึกฝนพังทลายจนปัจจุบันนี้เขากลายเป็นเพียงคนธรรมดา
ส่วนหลินโยวที่ลุกขึ้นต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ ฐานการฝึกฝนได้ทะลวงมาถึงขั้นเชื่อมวิญญาณ นางได้ร่วมมือกับเจ้านครดาวอังคารและหลี่ซิงเหวินอพยพมายังดาวอังคาร
นอกจากนี้ต้นกำเนิดดาราอย่างดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวศุกร์ล้วนถูกสกัดกั้นและนำไปใช้รักษาสำนักวังเต๋าไพศาล และกลุ่มนภาห้าสมัยยังจัดวางวงแหวนปราณจำนวนมากให้ดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์ตามความต้องการของผู้เยี่ยมยุทธ์ดาวพระเคราะห์คนนั้น ทำให้มันกลายเป็นแหล่งพลังงานฟื้นฟูสำนักวังเต๋าไพศาล
ส่วนตอนที่ทุกคนหนีมาปักหลักที่ดาวอังคารนั้น เดิมทีไม่มีหนทางต่อต้านผู้เยี่ยมยุทธ์ดาวพระเคราะห์ที่มีกลุ่มนภาห้าสมัยคอยสนับสนุนได้เลย แต่หลังจากอีกฝ่ายมาเฝ้ามองดาวอังคารจากระยะไกลและกำลังจะเริ่มโจมตี พื้นผิวดาวอังคารก็ดูเหมือนจะเกิดความผันผวนแผ่ขยายออกมา ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ดาวพระเคราะห์เกิดความหวั่นเกรงจึงทำให้ดาวอังคารรอดพ้นมาได้จนถึงตอนนี้
“เป็นวัตถุเวทแห่งความมืด…” หวังเป่าเล่อได้ฟังทุกสิ่ง นัยน์ตาเขาก็ยิ่งแข็งกร้าว ก่อนจะเอ่ยช้าๆ
“ข้าก็คาดเดาไว้เช่นนั้นเหมือนกัน เป่าเล่อ สหพันธรัฐในตอนนี้…เป็นเช่นนี้แล้ว จากนี้เจ้าจะทำอย่างไร” หลี่ซิงเหวินพูดถึงตรงนี้ก็แววตาส่องประกายมองไปยังหวังเป่าเล่อ เขาเห็นแล้วว่าศิษย์จากสำนักเต๋าตรงหน้าในตอนนี้มีฐานการฝึกฝนที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และยังดูจะแข็งแกร่งกว่าดาวพระเคราะห์คนนั้นที่เขาเคยพบเจอเสียอีก
“ทำอย่างไร…” ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายแววอาฆาต
“ก็แค่ลงโทษ ทำผิดก็ต้องชดใช้ ผู้ที่ทำร้ายครอบครัวข้า สหายข้า ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ส่วนสำนักวังเต๋าไพศาลที่อาศัยอยู่ในระบบสุริยะของข้า ไม่จ่ายค่าเช่าแล้วยังกล้าทำเช่นนี้ ข้าก็จะทำให้พวกเขารู้ว่าเจ้าของที่นี่โกรธแล้ว!” หวังเป่าเล่อเอ่ยเบาๆ ขณะเดียวกันในใจก็เอ่ยกับแม่นางน้อยในหน้ากากที่อยู่กับร่างต้นแบบเบาๆ
“แม่นางน้อย เรื่องนี้เป็นความผิดของสำนักวังเต๋าไพศาล ดังนั้นอย่าโทษข้าเลย” พูดจบหวังเป่าเล่อก็ก้าวออกมาหนึ่งก้าวและหายตัวไปจากดาวอังคารในทันที เมื่อเขาปรากฏตัว…เขาก็มาอยู่ในจักรวาลนอกโลก!
ก่อนจะก้าวสู่โลกด้วยจิตสังหารทีละก้าว!
…………………………………………