หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 987 แค่นี้?
ชายชราปรากฏตัวขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่หวังเป่าเล่อล้างบางกลุ่มนภาห้าสมัยบนโลก ได้ถูกถ่ายทอดไปยังดวงดาวทุกดวงผ่านทางวงแหวนปราณในระบบสุริยะ
ทำให้ผู้ฝึกตนและทุกชีวิตบนดวงดาวในระบบสุริยะเหมือนได้ดูถ่ายทอดสดและได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น!
สำหรับผู้คนบนโลกนั้น การปกครองของกลุ่มนภาห้าสมัยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้คนเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง ทั่วทั้งสหพันธรัฐราวกับถูกล้างสมองและต้องอุทิศทุกสิ่งเพื่อฟื้นฟูสำนักวังเต๋าไพศาล
ไม่ใช่แค่สำนักเต๋าที่ถูกทำลายจนทำให้ผู้คนไม่ได้รับการศึกษา ขณะเดียวกันยังขัดขวางการฝึกตน เข้าถึงเคล็ดวิชาได้ยากยิ่ง แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้ผู้คนทนรับไม่ได้มากที่สุดคือหลังจากกลุ่มนภาห้าสมัยเข้ามามีอำนาจ ทุกคนก็ต้องส่งศิลาวิญญาณจำนวนมากให้ภายในเวลาที่กำหนด
หากทำไม่ได้จะถูกลงโทษอย่างโหดเหี้ยม!
ชีวิตที่กดขี่ทุกคนให้ทำงานตลอดเวลาเช่นนี้ เป็นหินก้อนใหญ่ที่กดทับทุกคนจนหายใจไม่ออก และสามารถจินตนาการออกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป สหพันธรัฐจะต้องถูกบีบเค้นจนถึงระดับที่อาจกล่าวได้ว่าต้องแลกด้วยชีวิตเพื่อจ่ายค่าฟื้นฟูสำนักวังเต๋าไพศาล!
ดังนั้นหลังจากได้เห็นการปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อและการบางกลุ่มนภาห้าสมัย เสียงโห่ร้องตื่นเต้นของผู้คนบนดวงดาวก็กระจายไปทั่วในทันที โดยเฉพาะบนดาวอังคาร พวกเจ้านครดาวอังคารซึ่งได้รับรู้ถึงการกลับมาของหวังเป่าเล่อจากหลี่ซิงเหวินแล้วก็ได้เห็นทุกอย่างแล้วเช่นกัน แต่ละคนต่างตื่นเต้นดีใจ
แต่ก็มีความกังวลเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเห็นชายชราดาวพระเคราะห์คนนั้นปรากฏตัวขึ้น ความวิตกกังวลยิ่งทวีคูณถึงขีดสุดเมื่อมองดูโลก หวังเป่าเล่อที่ลอยอยู่เหนือเมืองกลุ่มนภาห้าสมัยเงยหน้ามองชายชราที่เดินออกมาจากท้องฟ้าพร้อมกับสัมผัสได้ถึงความผันผวนของฐานการฝึกฝนของดาวพระเคราะห์ชั้นกลางผู้นี้ และยังรู้แล้วว่าดาวพระเคราะห์ของอีกฝ่ายคือระดับดาราวิญญาณ
“เจ้าน่ะหรือที่ทำให้กลุ่มนภาห้าสมัยอวดดีได้” หวังเป่าเล่อเอ่ยปากช้าๆ ทุกอย่างเกี่ยวกับอีกฝ่ายเมื่ออยู่ภายใต้ดาวเคราะห์เต๋าของเขาย่อมไม่มีทางหลุดรอดไปได้และถูกเขามองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง กลับกันในสายตาของชายชราที่กำลังเดินเข้ามานั้น ตัวตนของหวังเป่าเล่อช่างเลือนรางนัก
นี่เป็นเหตุผลที่ถึงแม้ชายชราจะมาถึงแล้ว แต่กลับซ่อนตัวและไม่ปรากฏกายตั้งแต่ต้นจนจบ เขารู้เพียงว่าหวังเป่าเล่อเป็นดาวพระเคราะห์ แต่ไม่รู้รายละเอียด เขาจึงไม่บุ่มบ่ามและตั้งใจที่สังเกตวิธีการของอีกฝ่ายก่อนตัดสินใจ
แต่ตอนนี้ในเมื่อถูกค้นพบแล้ว เขาในฐานะดาวพระเคราะห์ถึงแม้จะมีความหวาดหวั่น แต่ก็มีความมั่นใจในตัวเองระดับหนึ่ง ดังนั้นหลังจากเดินออกมาจึงเอ่ยปากอย่างเย็นชา ในคำพูดยังแฝงเจตนาสั่งสอนเข้าไปด้วย
ความมั่นใจของเขาส่วนหนึ่งมาจากฐานการฝึกฝนของตนเอง อีกส่วนหนึ่งเพราะมีการสนับสนุนจากกระบี่สำริดโบราณแ ละการดูแคลนผู้ฝึกตนของระบบสุริยะในสายตาของเขา ดังนั้นสายตาเย็นชาของหวังเป่าเล่อและประโยคถามกลับนั้นก็ทำให้ชายชราพ่นลมอย่างเย็นชา
“เจ้าหนุ่ม ข้าเต๋อหยุนจื่อจากสำนักวังเต๋าไพศาล ดาวพระเคราะห์ใหม่เช่นเจ้า ร่างกายยังอยู่ในสภาวะว่างเปล่า จิตวิญญาณยังไม่อาจเปลี่ยนเป็นสสารได้ ทั้งชีวิตข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว ฝึกจนถึงระดับเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย หากเจ้าช่วยสำนักวังเต๋าไพศาลของข้า เรื่องการฝึกตนที่นี่ ข้าสามารถชี้แนะให้เจ้าได้และจะให้เจ้าคำนับเข้าสำนัก ให้เป็นร่างพาหนะของผู้อาวุโส ”
“ตอนนี้เจ้าจะสู้กับข้าอย่างไม่เจียมตัวหรือเลือกเข้าร่วมสำนักวังเต๋าไพศาลก็พูดมาได้เลย!” พูดจบเต๋อหยุนจื่อผู้นี้ก็ยกมือขวาขึ้นผนึกมุทรา ทันใดนั้นกระบี่ห้าเล่มด้านหลังก็เปล่งแสงเจิดจ้าและปราณกระบี่ห้าสายก็พุ่งขึ้นฟ้ามาบรรจบกันตรงเหนือหัวกลายเป็นดวงดาวมายาดวงหนึ่งและทำให้พลังแห่งดาวพระเคราะห์ของเขาแผ่ขยายออกมา ทันใดกลายเป็นแรงกดดันปกคลุมไปทั่วทั้งโลก
ในความคิดของเขาดาวพระเคราะห์ของผู้ฝึกตนตรงหน้าต้องเป็นเพราะโชค ดาวพระเคราะห์ที่ผนึกเข้ากับร่างกายเหนือกว่าของตน คงจะเป็นระดับดาวเคราะห์อมตะซึ่งทำให้เขาอิจฉาไปพร้อมๆ กับแค่นเสียงเย็นชาอยู่ในใจ เขาแอบคิดว่าอีกฝ่ายควบคุมดาวเคราะห์อมตะไม่ได้ มิเช่นนั้นคงไม่ปรากฏร่างที่ดูเหมือนสสาร แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นภาพมายาได้อย่างเช่นตอนนี้
เขาไม่เคยมีความคิดที่ว่าอีกฝ่ายเป็นร่างแยกอยู่ในหัวเลย ที่เขารับรู้คือผู้ฝึกตนตรงหน้าเพิ่งเลื่อนระดับ กายเนื้อกับดาวพระเคราะห์ยังอยู่ในสภาวะไม่เสถียร
คนแบบนี้ต่อให้เป็นดาวเคราะห์อมตะ แต่หากเขาทุ่มสุดตัวเพื่อใช้เคล็ดวิชาลับก็ยังมีโอกาสที่จะยับยั้งได้ ขณะเดียวกันเขาก็พอใจกับสิ่งที่ตนเองพูดออกไปมาก ความหมายที่แฝงอยู่คือบอกกับอีกฝ่ายว่าอย่าคิดว่าได้เลื่อนขึ้นเป็นดาวพระเคราะห์แล้วจะหยิ่งผยองต่อหน้าตนได้
และเพราะการตัดสินเช่นนี้ น้ำเสียงของเขาจึงเริ่มแข็งกระด้างขึ้น เมื่อคำพูดดังก้องกังวาน ฐานการฝึกฝนก็ปะทุขึ้น ปราณกระบี่เริ่มปั่นป่วนและปรากฏพลังโจมตีที่ไม่ทันตั้งตัว
สีหน้าหวังเป่าเล่อไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เขายังคงมองชายชราตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“เจ้าบอกว่าข้าหยิ่งผยองรึ”
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!” ชายชราเลิกคิ้ว มือขวาของเขาถูกยกขึ้นและปัดลงไปที่หวังเป่าเล่อในทันที และพูดเสียงเรียบ
“สยบ!”
ทันทีที่เอ่ยออกมา ปราณกระบี่จากกระบี่เหาะเหินห้าเล่มด้านหลังซึ่งรวมตัวกันกลายเป็นดวงดาวก็ระเบิดรังสีลุกโชน แรงกดดันที่มองไม่เห็นราวกับท้องทะเลกว้างใหญ่มารวมตัวกันจากทุกทิศทาง เหมือนกับมือยักษ์ที่มองไม่เห็นกดทับศีรษะหวังเป่าเล่อ!
ไม่ใช่แค่ฐานการฝึกฝนดาวพระเคราะห์ชั้นกลางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพลังกระบี่สำริดโบราณบางส่วนที่เขายืมมาก็กดทับลงมาด้วย ทำให้ดารานิรันดร์ของระบบสุริยะกะพริบเล็กน้อย พลังกดดันพุ่งสูงขึ้นจนพื้นดินด้านล่างหวังเป่าเล่อเกิดสัญญาณของการแตกกระจายขึ้น!
เพียงแต่…แรงกดดันราวกับท้องทะเลในความคิดของเต๋อหยุนจื่อนั้นเป็นแค่ลมแรงวูบหนึ่งสำหรับหวังเป่าเล่อเท่านั้น แม้แต่เส้นผมยังไม่กระดิก จึงไม่สามารถทำอะไรร่างกายหวังเป่าเล่อได้
“เจ้าบอกว่าข้าไม่เจียมตัวรึ” หวังเป่าเล่อทำสีหน้าปกติและยังคงเอ่ยเสียงเบา
ภาพนี้ทำให้เต๋อหยุนจื่อเบิกตาค้างในทันใด สายตาฉายแววประหลาดใจ ขณะเดียวกันมือทั้งสองข้างก็รีบผนึกมุทราพร้อมกับเสียงคำรามต่ำออกมาจากปาก ทันใดนั้นกระบี่เหาะเหินห้าเล่มด้านหลังก็พุ่งทะยานขึ้น และเมื่อพวกมันไปรวมตัวกันอยู่กลางอากาศก็ปรากฏเป็นดวงดาวและยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันแรงกดดันพุ่งสูงขึ้นในชั่วพริบตาและกดทับมาที่หวังเป่าเล่ออีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น กระบี่เหาะเหินทั้งห้าได้กลายเป็นรุ้งห้าสาย และพุ่งตรงไปยังหวังเป่าเล่อพร้อมเสียงหวีดแหลม!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น แรงกดดันที่แปลงมาจากดวงดาวตกลงบนร่างหวังเป่าเล่อ ครั้งนี้พลังของมันแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่ไม่น้อย ในที่สุดก็ทำให้เส้นผมหวังเป่าเล่อกระดิกได้นิดหน่อย และรุ้งที่แปลงมาจากกระบี่เหาะเหินห้าเล่มก็เข้ามาใกล้ เพียงแต่…ยิ่งมันเข้ามาใกล้ก็ยิ่งสั่นสะท้าน และเมื่อมันอยู่ห่างจากร่างของเขาหนึ่งจั้ง มันก็สั่นสะท้านถึงขีดสุด ลำแสงมืดดับลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อหวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้น กระบี่เหาะเหินทั้งห้าเล่มก็ลอยเข้าไปอยู่ในมือเขาทันที มันกลายเป็นแหวนห้าวงพันรอบนิ้วหวังเป่าเล่อ
“แค่นี้รึ?” หวังเป่าเล่อเอ่ยอย่างเย็นชา
“เป็นไปไม่ได้!!” เต๋อหยุนจื่อคร่ำครวญอยู่ในใจและหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง ภาพตรงหน้าเกินกว่าจินตนาการของเขาไปแล้ว ทำให้เขารู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงขั้นสุด ร่างกายถอยร่นไปโดยสัญชาตญาณ แต่วินาทีที่เขาถอยหลังไป สายตาหวังเป่าเล่อก็วาววับและก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว
เขาเร็วมาก พริบตาเดียวก็หายไป และในขณะที่เต๋อหยุนจื่อยังไม่ทันได้ตอบสนอง เขาก็มาปรากฏกายตรงหน้า ก่อนจะยกมือขวาขึ้นชก!
แต่หมัดเดียวท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี เต๋อหยุนจื่อที่ตัวสั่นเทาส่งเสียงกรีดร้องน่าสมเพช เลือดพุ่งกระเด็นออกมาจากร่างก่อนจะพังทลายลง!
แม้แต่ดวงดาวมายาที่ปรากฎขึ้นก็ไม่สามารถต้านทานมันได้ เมื่อร่างของเขาพังทลาย มันก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและถูกพัดพาไป!
มีเพียงดวงวิญญาณเทพของเขาที่กำลังจะถูกฉีกขาด จู่ๆ ก็มีลำแสงเปล่งออกมาจากกระบี่สำริดโบราณ ทั้งพันรัดและปิดล้อมอย่างรวดเร็วจนดวงวิญญาณเทพของเต๋อหยุนจื่อไม่อาจหลบหนีได้ เขารีบถอยหลังอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะเหาะออกมาจากโลกและตรงไปยังกระบี่สำริดโบราณ
“เจ้าจะหนีไปไหนได้ ต่อให้เป็นกระบี่สำริดโบราณก็ยังอยู่ในสหพันธรัฐของข้าไม่ใช่หรือ” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะขยับร่างกายและไล่ตามไป!
ขณะที่เขากำลังไล่ตาม ทุกคนในสหพันธรัฐที่มองเห็นสิ่งเหล่านี้ผ่านระบบสุริยะต่างโห่ร้องในใจ และความตื่นเต้นยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีก
“หวังเป่าเล่อ!”
“ตำนานของสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ของเรา หัวหน้าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ หวังเป่าเล่อ!!”
“ผู้แข็งแกร่งที่สุดในสหพันธรัฐ หวังเป่าเล่อ!!”