หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1095
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1095 พบหลินจิ้งอีกครั้ง
ภายใต้สายตาไม่อยากจะเชื่อของทุกคน
แม้แต่ใบหน้าของมู่เฉินก็ฉายแววตกใจเมื่อมองหญิงสาว นางคลี่รอยยิ้มทรงเสน่ห์เผยให้เห็นฟันขาวมุกเรียงเป็นระเบียบ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่ไม่มีใครสามารถลืมได้เมื่อเห็นนาง
“จะ…เจ้า หลินจิ้ง?!” หัวใจของมู่เฉินตกตะลึงก่อนที่จะฟื้นคืนสติ เขามองไปที่หญิงสาวที่คุ้นเคยตรงหน้าอุทานเรียกชื่อ
ย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินออกจากสำนักศึกษาเป่ยชางมายังทวีปเทียนหลัว เขาได้พบกับหลินจิ้งระหว่างทางและตัวตนของนางก็คือองค์หญิงน้อยแห่งแคว้นหวู
เทพจักรพรรดิสงครามที่มีชื่อโด่งดังทั่วมหาพันภพก็คือบิดาของนาง
มู่เฉินไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปหลายปีเขาจะพบนางที่นี่อีกครั้ง นี่ทำเอาเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะอดยิ้มให้กับความทรงจำเก่าไม่ได้ ก่อนหน้านั้นเขาเป็นจอมยุทธ์ที่ยังไม่เคยชำระร่างเทห์สวรรค์ แต่ตอนนี้เขากลับก้าวเข้าสู่ระดับเกือบจื้อจุนขั้นเก้าได้แล้ว
“ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะเกิดความประหลาดใจ
หลินจิ้งยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าวังสวรรค์บรรพกาลปรากฏในทวีปเทียนหลัว นอกจากนี้ข้ายังจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่าจะมุ่งหน้ามาที่ทวีปนี้ ข้าอึดอัดจากการถูกประกบตัวแจที่บ้าน ดังนั้นก็เลยออกมาเที่ยวข้างนอกสักหน่อย”
ขณะที่พูดนางก็มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้ “แต่โชคชะตาเราต้องกันจริงๆ เราพบกันในงานประมูลทุกครั้งเลยเนอะ…”
เมื่อนางพูดถึงการประมูล มู่เฉินก็นึกขึ้นได้ สายตาตกตะลึงของทุกคนจ้องอยู่ที่หลินจิ้ง พวกเขายังตกใจกับราคาสูงลิ่วที่นางเสนอออกมา
“หึ สาวน้อยจากไหนกัน กล้ามาสร้างปัญหาที่นี่!” เซี่ยหงที่หายจากอาการตื่นตะลึงก็มองไปที่หลินจิ้ง เมื่อเขาเห็นรูปลักษณ์ของหลินจิ้งราวกับเทพธิดา ความตกใจก็วูบไหวในดวงตาแวบหนึ่งก่อนที่จะกลายเป็นแววแห่งกามารมณ์
ในมุมมองของเขาทั้งหลินจิ้งและจิ่วโยวเป็นสาวงามล่มเมือง คนหนึ่งมีไหวพริบฉับพลัน คนหนึ่งเรียบเย็นและภาคภูมิ ระดับดังกล่าวเป็นอันตรายต่อชีวิตสำหรับคนที่ชอบความสวยงามอย่างเขา
“อะแฮ่ม เจ้ายกเลิกการเสนอราคาเมื่อครู่ก่อน” มู่เฉินเตือนหลินจิ้งอย่างรวดเร็ว ของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยด คงต้องคั้นมาทั้งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ นอกจากนี้ยังไม่คุ้มค่ากับป้ายที่ยังไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร
“เฮ้ เจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหน? ที่ที่เจ้าสามารถเสนอราคาและยกเลิกได้ตามที่ต้องการรึ?”
ทว่าเมื่อมู่เฉินพูดจบ เซี่ยหงก็เอ่ยเย้ยหยันทันควันก่อนที่จะมองหลินจิ้งตาหวาน “ทำไมเจ้าไม่มานั่งกับข้าแล้วประมูลด้วยกันล่ะแม่นางน้อย? ข้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำกับเรื่องเมื่อสักครู่”
หลินจิ้งกะพริบตา “เจ้าจะช่วยข้าจ่ายราคาของเหลวจื้อจุนสี่สิบหน้าล้านหยดเหรอ”
เซี่ยหงยิ้มค้างก่อนที่จะพูดว่า “ราคาของป้ายนี้ไม่คุ้มกับของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยดหรอก… ข้าจะถือว่าไม่เคยได้ยินที่เจ้าพูดเล่น”
หลินจิ้งเบ้ปากพูดว่า “ใครจะเล่นกับเจ้า ข้าเสนอราคาสี่สิบห้าล้าน หากเจ้าไม่สามารถจ่ายได้ก็หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระซะ”
ทุกคนตกตะลึงไปก่อนที่จะมองหลินจิ้งตาถลน หญิงสาวเสนอราคาของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยดจริงเหรอ? นางมีปัญญาจ่ายจริงเรอะ?
ชิ้งหย่าและมู่ซันก็มีสีหน้าปกคลุมด้วยความตกใจ นี่เกินความคาดหมายของทุกคนไปไกลสำหรับสถานการณ์ที่ดำเนินอยู่ในที่แห่งนี้
หลินจิ้งที่เอ่ยประโยคตอกหน้าซึ่งสร้างความอับอายให้กับเซี่ยหง สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม “แม่นางน้อย อย่ากินอะไรเกินกว่าที่เคี้ยวได้ ของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยด เจ้าจ่าย…”
ประโยคของเซี่ยหงถูกขัดจังหวะทันที สายตามองไปที่ข้างหน้าอย่างว่างเปล่าก็เห็นหลินจิ้งเหยียดมือขาวออกมาพร้อมกับขวดหยกบินออกไป จากนั้นปากขวดก็เอียงได้ยินเสียงดังก้อง สายธารหลายสายหลั่งไหลออกมา คลื่นหลิงยิ่งใหญ่เติมเต็มไปทั่วทุกมุมของโรงประมูลทันที
ทุกคนตกตะลึงจ้องมองไปที่สายธารเบื้องบน ด้วยสายตาพวกเขาบอกได้ว่าแม่น้ำนี้เกิดขึ้นจากของเหลวจื้อจุนซึ่งมีคุณภาพค่อนข้างสูงเลยทีเดียว…
มองไปที่สายธารไม่มีที่สิ้นสุดไหลออกมาจากขวดหยก ทีนี้ก็ไม่มีใครสงสัยว่านางสามารถจ่ายของเหลวจื้อจุนได้ถึงสี่สิบห้าล้านหยดแล้ว…
สายตาของชิ้งหย่าและคนอื่นๆ เคร่งขรึมลง พวกเขามองหญิงสาวตัวเล็กด้วยแววตาลึกซึ้ง คนที่สามารถพกของเหลวจื้อจุนจำนวนมหาศาลติดตัว นางจะต้องมาจากขั้วอำนาจพิเศษมากอย่างแท้จริง
เพราะไม่ใช่ขั้วอำนาจใดก็ได้ที่มีความสามารถทางการเงินในการใช้ของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยดได้อย่างง่ายดายแบบนี้
ครืน…
สายธารของเหลวเริงระบำ หลินจิ้งก็โบกมือเรียกเก็บทั้งหมดกลับเข้าไปในขวด ก่อนจะมองไปที่เซี่ยหงที่ดวงตาถลนถามว่า “เจ้ายังมีปัญหากับการเสนอราคาของข้าหรือไม่?”
หลินจิ้งจ้องมองสีหน้าน่าเกลียดของเซี่ยหงพูดต่อว่า “แต่เจ้าสามารถเรียกราคาประมูลเพิ่มได้นะ ใครจะรู้? ข้าอาจยอมถอยหากเจ้าเพิ่มราคาอีกก็ได้”
ใบหน้าของเซี่ยหงมืดครึ้มลง แม้ว่าหลินจิงจะพูดในลักษณะนี้ แต่ดวงตากลับพริบพราวแจ่มชัดด้วยความตื่นเต้น นางไม่มีท่าทางที่จะถอยและยึดจากท่าทางที่ทำไปก่อนหน้า นางไม่ลังเลที่จะเพิ่มราคาตามเซี่ยหงแน่นอน
นอกจากนี้ด้วยการเสนอราคาสูงถึงสี่สิบห้าล้าน ใครจะกล้าเกทับนางอีก? แม้ว่าพี่ใหญ่จะอยู่ที่นี่ด้วยก็ต้องไตร่ตรองการตัดสินใจอีกครั้ง ทรัพยากรและภูมิหลังทางการเงินของแคว้นเซี่ยแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ไม่สามารถใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยขนาดนี้
ทุกคนมองเซี่ยหงสายตาบางส่วนฉายแววขบขันในที เซี่ยหงเคยเบ่งทับคนอื่นด้วยศักยภาพทางการเงิน แต่ตอนนี้มีใครบางคนใจถึงกว่าปรากฏตัวขึ้น ข่มเขาด้วยความร่ำรวยจนถึงจุดที่เขาไม่กล้าเพิ่มราคา…
ในใจของเซี่ยหงเดือดดาล เขากำลังคิดจะผลักการเสนอราคาออกไป แต่เมื่อนึกถึงผลที่ตามมาของราคาที่น่าสะพรึงกลัว เขาก็กระแทกตัวนั่งลง มือกำแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นเปรียะ
หลินจิ้งมองเซี่ยหงที่นั่งลงก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่มู่เฉิน “ครั้งนี้ข้าพกเงินมาเยอะเลย”
ดูเหมือนว่านางยังจำได้ว่ามู่เฉินเคยให้ความช่วยเหลือ ตอนที่หนีออกจากบ้านมาแบบถังแตกเมื่อหลายปีก่อน
มู่เฉินและจิ่วโยวมองหน้ากันแล้วส่ายหัวเผยรอยยิ้มขมขื่น การจ่ายของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยดในครั้งเดียว… นางเป็นคนใจถึงจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของนางพวกเขาก็เข้าใจเหตุผลว่าทำไม
แคว้นหวูเป็นขั้วอำนาจที่มีชื่อเสียงสูงสุดในมหาพันภพแม้แต่ขั้วอำนาจโหดหินทั้งหลายในทวีปเทียนหลัวก็สู้ไม่ได้กระทั่งรวมพลังกัน เพราะประมุขแคว้นหวูมีขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริง นอกจากนี้…ก็ยังเป็นหนึ่งในยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพตัวจริง พลังของเทพจักรพรรดิสงครามผู้นี้ไม่อาจคาดเดาและไม่สามารถวัดได้
การมีบิดาที่ทรงพลังเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลที่หลินจิ้งจะไม่เกรงกลัวอะไร
ขณะที่มู่เฉินกับหลินจิ้งกำลังพูดคุยกัน หานเฟยที่อยู่บนแท่นประมูลก็ออกจากภวังค์ เขาจ้องมองหลินจิ้งราวกับว่าได้เห็นเทพธิดามาโปรด ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนโปรยเงินเล่นแบบไม่แยแส…
“อืม… แม่นางน้อยผู้นี้เสนอราคาสี่สิบห้าล้าน มีใครให้ราคาสูงกว่านี้ไหม?” หานเฟยถามเสียงดังพลางมองไปรอบๆ
ทว่าคำถามของเขาดึงดูดสายตาผู้คนให้มองมาราวกับเห็นคนโง่ สี่สิบห้าล้านหยดกระทั่งเซี่ยหงยังเลือกที่จะถอย แล้วใครจะกล้าเกทับอีกล่ะ?
เมื่อเห็นสายตาเหล่านั้น หานเฟยก็รู้สึกอายเล็กน้อย เขารีบประกาศว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ป้ายล้ำค่าก็เป็นของแม่นางน้อยผู้นี้!”
ทันทีที่พูดเสร็จก็โบกมือเพื่อส่งป้ายให้กับหลินจิ้งโดยมีผู้คุ้มกันหลายสิบคนเดินล้อมไปด้วย
ทว่าการทำธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ตรวจสอบจำนวนของเหลวจื้อจุนเสร็จแล้ว หานเฟยก็ส่งมอบป้ายให้กับหลินจิ้งด้วยมารยาทพร้อมกับมือที่สั่นเทา
หลินจิ้งหยิบป้ายขึ้นมาโยนขึ้นลงโดยไม่ได้สนใจ ทำให้เปลือกตาทุกคนกระตุกไม่หยุด นั่นคือของที่มีมูลค่าถึงสี่สิบห้าล้านหยดของเหลวจื้อจุนเชียวนะ ถ้าหล่นแตกขึ้นมาจะทำยังไง…
แต่ขณะที่เปลือกตากระตุก การกระทำต่อมาของหลินจิ้งก็เล่นเอาขากรรไกรพวกเขาอ้ากว้าง นางโยนเล่นป้ายไปครู่หนึ่งจากนั้นก็โยนไปให้มู่เฉิน
“เอ้า ครั้งก่อนเจ้าซื้อโมราไฟสวรรค์ให้ข้า ครั้งนี้ข้าซื้อของให้เจ้าคืน… ห้ามปฏิเสธนะ ไม่งั้นข้าโยนทิ้งแน่!”
ใบหน้าทุกคนกระตุก โมราไฟสวรรค์? นั่นมีราคาเพียงหมื่นหยดของเหลวจื้อจุนเท่านั้นจะเทียบกับป้ายลึกลับที่มีมูลค่าถึงสี่สิบห้าล้านหยดได้ยังไง?
หนึ่งแลกหนึ่ง?
ผู้คนนับไม่ถ้วนมองหน้ากันหายใจเข้าลึก พวกเขาอยากมีเพื่อนร่ำรวยแบบไม่สนใจจำนวนเงินแบบนี้เช่นกัน…
ภายใต้สายตาไม่อยากจะเชื่อ มู่เฉินก็มองการกระทำของหลินจิงด้วยความตกตะลึง เขาอยากจะปฏิเสธในตอนแรก แต่หลังจากได้ยินประโยคถัดไปก็อดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขารับมาด้วยความจริงจัง
“ขอบใจมาก ข้าจะระลึกถึงสิ่งนี้ไว้นะ”
เมื่อเห็นมู่เฉินตรงไปตรงมา หลินจิ้งก็ยิ้มชื่นชมฉายในม่านตาสดใส ถ้าคนอื่นรู้จักตัวตนของนาง พวกเขาจะพยายามเข้ามาตี้ซี้นางยกเว้นมู่เฉินที่ไม่เคยมีเจตนาแบบนั้น นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาปฏิบัติต่อนางในฐานะหลินจิ้งเท่านั้น ไม่ใช่องค์หญิงน้อยแห่งแคว้นหวู
ดังนั้นเมื่อนางได้ยินมู่เฉินบอกว่าจะระลึกไว้ในใจ นางก็ไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องตลก แม้ว่าด้วยตัวตนของนาง หนี้บุญคุณทุกอย่างไม่ได้มีความหมายมากนัก
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าไม่มีที่จะไป เจ้าก็พาข้าไปด้วยละกัน” หลินจิ้งหัวเราะเบาๆ
มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม หลังจากจัดการจ่ายค่าม้วนค่ายกลโบราณที่ประมูลได้แล้ว เขาก็นำหลินจิ้ง จิ่วโยวและคนอื่นๆ ออกจากโรงประมูลไปแบบสบายใจ ท่ามกลางสายตาของฝูงชน
สายตาของเซี่ยหงมืดครึ้มขณะมองการจากไปของกลุ่มมู่เฉิน จากนั้นก็เอียงศีรษะพูดแบบไม่มีอารมณ์ใด “ไปสืบเรื่องผู้หญิงคนนั้น…”
“อีกอย่างจับตาดูพวกมันไว้”
“คิดจะแย่งของจากมือข้ารึ…พวกมันรนหาที่ตายแล้ว!”