หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1103
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1103 แปดกงล้อแสงสวรรค์ รุกรับสอดประสาน
ร่างเทห์สวรรค์ทองคำยืนตระหง่านระหว่างฟ้าดิน
เกลียวแสงสีทองเบ่งบานกระจายลงมายังดินแดนแห่งนี้พร้อมกับความลึกลับแต่ไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกมา ความกดดันที่ไม่อาจพรรณนาได้ปกคลุมสวรรค์และโลก ทำให้สีหน้าผู้คนเปลี่ยนไป
พวกเขาจ้องมองไปที่ร่างเทห์สวรรค์ทองคำด้วยท่าทางเคร่งเครียด สามารถเห็นดวงตะวันสีทองลอยคว้างบรรจุด้วยพลังที่น่าอัศจรรย์
ครืน!
ขณะที่ดวงตะวันพวยพุ่ง มิติเบื้องหน้าก็บิดเบี้ยว หมัดสีแดงซัดจนมิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่รัศมีร้ายกาจรุนแรงกวนตัวห่อหุ้มพื้นที่เอาไว้ หมัดราวกับว่าปากสัตว์อสูรดุร้ายดึกดำบรรพ์ ทำประหนึ่งต้องการกัดกินฟ้าดิน
มู่เฉินยืนอยู่บนหัวร่างเทพสุริยะพร้อมกับภาพหมัดสะท้อนในดวงตา ต่อให้ยังห่างกันไกล แต่รัศมีร้ายกาจที่กวาดเข้ามาก็ทำให้เสื้อผ้าของเขาเผยิบผยาบขึ้นลง
สายตาของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน เซี่ยหงได้ใช้พลังสูงสุดในการชกครั้งนี้ ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้น กระทั่งระยะปลายสุดก็ยังต้องถอยหนีการโจมตีครั้งนี้
แม้ว่าชายคนนี้จะน่ารังเกียจ แต่ความแข็งแกร่งในการโจมตีไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
“ถ้าข้าไม่ได้แตะระดับจื้อจุนขั้นเก้าในเวลานี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะเผชิญหน้า” มู่เฉินจ้องมองไปที่หมัดสีแดงพลางพึมพำ
ทว่าน่าเสียดาย…
มู่เฉินวาดตราประทับแปลกประหลาด เสียงตะโกนลึกดังกึกก้องภายในหัวใจ สะท้อนราวกับฟ้าร้อง ทันใดเสียงก็ดังกึกก้อง “คลื่นเก้าตะวัน เปิดแปดตะวัน!”
ตู้ม!
ดวงตะวันทองคำทั้งแปดดวงระเบิดกลายเป็นกระแสพลังสีทอง เคลื่อนผ่านร่างไปรวมกันในฝ่ามือของร่างเทพสุริยะ
แสงสีทองส่องกระจาย แม้แต่แสงพระอาทิตย์ก็ถูกบดบัง
“คลื่นเก้าตะวัน แปดกงล้อแสงสวรรค์!”
กระแสสีทองควบแน่นอย่างรวดเร็วบนฝ่ามือยักษ์ของร่างเทพสุริยะ สุดท้ายริ้วแสงสีทองกระจายออกไป ก่อร่างเป็นกงล้อทองคำขนาดหนึ่งร้อยจั้ง
กงล้อทองคำนี้ราวกับเข็มทิศซึ่งปกคลุมไปด้วยลวดลายสลับซับซ้อน ดูโบราณประหนึ่งผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน
กงล้อสีทองลอยคว้างที่เบื้องหน้าของมู่เฉินเสมือนเป็นโล่ป้องกันมู่เฉินเอาไว้
มู่เฉินยืนอยู่ด้านหลังกงล้อด้วยท่าทางสงบอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีระลอกคลื่นใดในดวงตา ขณะจ้องมองภาพหมัดก็ยื่นฝ่ามือออกไปกดที่เบื้องหน้าตนเอง
ฮึ่ม!
กงล้อสีทองหมุนช้าๆ ลวดลายโบราณเปล่งประกายออกมา มิติโดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว ราวกับว่าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ปลอมเป็นเทพแกล้งผี!”
เมื่อเซี่ยหงเห็นฉากนี้ก็แสยะยิ้มน่าสะพรึงกลัว เขารู้ว่าหมัดนี้ทรงพลังเพียงใด ไม่ต้องพูดมู่เฉินที่มีขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า แม้แต่ขั้นเก้าแท้จริงก็ต้องตายอนาถถ้าคิดปะทะกับกระบวนท่านี้!
“ตาย!”
เซี่ยหงคำรามเสียงต่ำ ภายใต้สายตาหวาดกลัวนับไม่ถ้วน ภาพหมัดก็กวาดออกพร้อมกับรัศมีร้ายกาจรุนแรง ราวกับอุกกาบาตสีแดงเข้มปะทะกับกงล้อทองคำจังใหญ่
ตู้ม!
จังหวะที่เกิดการปะทะกัน ทั่วทั้งฟ้าดินก็กลายเป็นเย็นเยือกในอึดใจ ก่อนที่คลื่นกระแทกป่าเถื่อนจะกวาดออก ทำให้มิติโดยรอบรัศมีหมื่นจั้งเกิดการบิดเบือน หุบเหวลึกปรากฏบนพื้นดิน
ทุกคนบนท้องฟ้าถอยหนีกันจ้าละหวั่นเพราะกลัวว่าจะได้รับลูกหลงจากคลื่นกระแทก
เซี่ยหงมองไปที่แสงสีแดงที่ขยายตัวอย่างดุเดือด รอยยิ้มที่น่ากลัวก็เพิ่มเป็นน่าขนพองสยองเกล้า ไอ้โง่มู่เฉินคิดว่าสามารถรับการโจมตีของเขาได้รึ? ปัญญาอ่อนเกินไปแล้ว!
“ตอนนี้ถึงเวลาที่แกจะกลายเป็นเถ้าธุลี!” เซี่ยหงแสยะยิ้มน่าขนลุก
แต่ทันทีที่เขายิ้มดวงตาก็ต้องหดเกร็ง เมื่อเห็นแสงสีแดงซึ่งกำลังขยายดุเดือดเกิดการแข็งตัวขึ้นในเวลานี้
คลื่นกระแทกรุนแรงถูกแช่แข็งราวกับว่าเวลาถูกหยุดชั่วคราว
“เกิดอะไรขึ้น?!”
ไม่เพียงแต่เซี่ยหงที่ตกตะลึงกับฉากนี้ กระทั่งผู้ชมก็หันมาแลกเปลี่ยนสายตากันเนื่องจากการระเบิดที่คาดไว้ในตอนแรกไม่ได้เกิดขึ้น
ภายใต้ทุกสายตา แสงสีทองและแสงสีแดงเลือดก็เริ่มสงบลง พลังทำลายล้างถูกยับยั้งเอาไว้
เมื่อฉากนี้กระจ่างชัดขึ้น ผู้คนก็ต้องหดดวงตา
“นั่นมัน?” สีหน้าของเซี่ยหงเปลี่ยนไปรุนแรงในขณะนี้
มู่เฉินยังคงยืนนิ่งอยู่บนร่างเทพสุริยะในท่าเดิม กงล้อสีทองหมุนคว้างที่เบื้องหน้า หมัดสีแดงเลือดตกอยู่ในสภาพเป็นก้อนแข็งที่ด้านหน้ากงล้อ มากจนแม้แต่คลื่นร้ายกาจยังชะงักไปในจุดนี้
สถานการณ์นี้ราวกับว่าเวลาถูกหยุดลง
“เป็นไปได้ยังไง!” สีหน้าของเซี่ยหงเขียวคล้ำพร้อมกับความหวาดผวาวาบผ่านดวงตา ภาพเบื้องหน้าช่างเกินความคาดหมาย หมัดที่เร้ากำลังภายในทั้งหมดของเขาถูกหยุดลงอย่างง่ายดาย นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ว่าในช่วงเวลานี้ตนเองได้สูญเสียการเชื่อมต่อทั้งหมดในการโจมตี มากจนเขาสูญเสียการควบคุมคลื่นหลิงไปด้วยซ้ำ
ความรู้สึกราวกับว่าหมัดไม่ได้อยู่ในการควบคุมอีกต่อไป
ท่ามกลางสายตาไม่อยากเชื่อ มู่เฉินก็มองเซี่ยหงพลางยิ้มอ่อน “ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะอยู่นอกเหนือการควบคุมขององค์ชายสี่แล้วนะ”
“ข้าคิดว่าตัวเองรับของขวัญจากองค์ชายไม่ไหว ดังนั้นข้าขอคืนให้แทน”
เมื่อพูดจบก็งอนิ้วเปลี่ยนกระบวนท่า
ขณะที่มู่เฉินพลิกมือ กงล้อสีทองก็หมุนทวนไปช้าๆ ทุกคนตะลึงเมื่อเห็นหมัดสีแดงเลือดกลับหลังหันเล็งเป้าไปที่เซี่ยหง
“เขาสามารถโต้ตอบการโจมตีของเซี่ยหงได้อย่างสมบูรณ์แบบขนาดนี้เชียวเรอะ?!” ทุกคนอ้าปากสูดหายใจเย็นกับภาพนี้พลางร้องอุทานลั่น
แม้แต่ชิ้งหย่า มู่ซันและคนอื่นๆ ก็มีใบหน้าหวาดผวา มู่เฉินใช้วิธีอะไรกัน?
มู่เฉินสีหน้าสงบนิ่งมองฉากเบื้องหน้า นี่คือพลังอำนาจของร่างเทพสุริยะ พร้อมกับความเข้าใจของเขาที่ลึกซึ้งขึ้น ทำให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังได้มาก กงล้อสีทองมีความสามารถรุกรับสมบูรณ์แบบ ซ้ำยังส่งการโจมตีกลับไปยังแหล่งที่มาได้อีกด้วย
กระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมนี้สามารถเทียบเคียงวิทยายุทธระดับเสินทงที่ทรงพลังได้เลย แต่เนื่องจากข้อจำกัดของความแข็งแกร่งมู่เฉิน ผลจึงจำกัดมากเช่นกัน เมื่อเกินขีดจำกัดไปกงล้อก็ถูกทำลาย
แต่โชคดีที่เซี่ยหงยังไม่ไปถึงระดับนั้น
“องค์ชายสี่ถึงตาเจ้ารับกระบวนท่าข้ามั่ง”
มู่เฉินยิ้มให้เซี่ยหงที่มีใบหน้าหวาดผวาพร้อมกับมือผลักออกไป ทันใดนั้นกงล้อทองคำสั่นสะเทือนรุนแรง ก่อนที่ภาพหมัดสีแดงเข้มจะพุ่งออกไปแฝงด้วยรัศมีร้ายกาจอีกครั้ง
แต่คราวนี้มุ่งเป้าไปที่เซี่ยหง!
ครืน!
รัศทีร้ายกาจเชี่ยวกรากครอบงำออกมา ใบหน้าของเซี่ยหงก็เขียวคล้ำจนมีความหวาดกลัวแฝงอยู่ เผชิญหน้ากับหมัดของตนเองที่เทพลังทั้งหมดลงไป เขารู้สึกว่าได้ว่ามันน่าสะพรึงเพียงใด
นั่นเหมือนจะไม่สามารถต้านทานได้
แต่เขาไม่มีเวลาที่จะชื่นชมกับพลังตัวเอง เนื่องจากหมัดได้พุ่งเข้ามาใกล้เขาแล้ว เขาได้แต่กัดฟันแน่นหมุนเวียนพลังทั้งหมดก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดจากร่างอสูรเก้าฉกาจออกไป
ปัง!
พลังงานสองสายปะทะกัน แสงสีแดงเข้มโหมราวกับพายุ ทำให้มิติบิดเบี้ยว ผืนดืนพังทลาย
รอยแตกปรากฏขึ้นบนร่างอสูรเก้าฉกาจแล้วกระจายไปทั่ว เมื่อแสงสีแดงเข้มพุ่งออกไปร่างเทห์สวรรค์ที่ทรงพลังก็ระเบิดออก
อ็อก
ร่างเทห์สวรรค์กลายเป็นจุณ ใบหน้าของเซี่ยหงก็เปลี่ยนไปรุนแรงก่อนจะกระอักเลือดเต็มปาก ความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวก็ลดน้อยลง เขากระเด็นออกไปอย่างน่าสมเพช หากไม่ใช่เพราะการปกป้องชุดเกราะเขาคงหมดไปแล้วครึ่งชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในร่างกายและรู้ว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บหนักแล้ว
ปัง!
เซี่ยหงดิ่งพสุธาลงมา ลากรอยยาวพันจั้งไปบนพื้นดิน รูปปั้นสิงโตหินถูกทำลายในเส้นทางที่เขาผ่านไป
อ็อก
เซี่ยหงกระอักเลือดหลายคำ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเลือด ดูอนาถอย่างยิ่ง
เมื่อคลื่นกระแทกค่อยๆ สลายไป ทุกคนก็เงียบเมื่อมองฉากนี้ สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสยดสยองขณะมองไปที่ร่างสูงโปร่งที่ยืนอหังการบนร่างเทพสุริยะ เขายังคงมีสีหน้าสงบราวกับว่าไม่รู้สึกถึงอารมณ์จากการเอาชนะเซี่ยหง
ราวกับว่าคาดตอนจบไว้แล้ว
ผู้คนแลกเปลี่ยนสายตากัน เซี่ยหงแพ้แล้วเหรอ?
ชิ้งหย่า มู่ซัน เจียงหลิงและคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าตกตะลึง เมื่อเลื่อนสายตามองไปที่มู่เฉินอีกครั้ง สายตาของพวกเขาเคร่งเครียดมาก พวกเขารู้ว่าหลังจากวันนี้ชื่อมู่เฉินจะเติบโตขึ้นในทวีปเทียนหลัวอย่างแน่นอน อาจจะมีชื่อชายคนนี้ในยี่สิบอันดบแรกของทำเนียบด้วยแล้ว
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน ในที่สุดเซี่ยหงก็ทรงตัวได้และสัมผัสได้ถึงอาการบาดเจ็บหนักในร่างกาย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวก่อนที่จะมองไปที่จอมยุทธ์แคว้นเซี่ย ตะโกนด้วยเสียงดุร้าย
“ฆ่าพวกมัน!”
หวังกงฟื้นคืนสติจากเสียงตะโกน ดวงตากะพริบด้วยแสงเย็นก่อนที่จะพุ่งออกไปพร้อมกับจอมยุทธ์สามคนที่มีขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า
ทว่าเป้าหมายของพวกเขาล้วนเป็นร่างที่งดงาม
นั่นคือหลินจิ้งที่ดูเหมือนจะจัดการได้ง่ายที่สุด