หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1115
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1115 ศิษย์ระดับเจียวทองคำ
ประตูหินโบราณตั้งตระหง่านเงียบๆ
พร้อมกับจอมยุทธ์ชั้นสูงจากหลากหลายสำนักทั่วทวีปเทียนหลัวจ้องมองไปด้วยสายตาร้อนแรง ความตื่นเต้นอัดแน่นไปหมด ประตูที่เบื้องหน้าพวกเขาเป็นการเริ่มต้นเพื่อเข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาล เฉพาะคนที่ผ่านไปได้เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปภายใน
ภายใต้สายตาทั้งหมด เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็มีคนทำลายความเงียบด้วยการก้าวออกมา
“ฮ่าๆ! ในเมื่อทุกคนระวังตัวแจกันแบบนี้ งั้นพวกข้าสำนักเคลื่อนบรรพตขอลองเป็นคนแรกแล้วกัน!” เสียงหัวเราะดังกึกก้อง ร่างแสงหลายร่างก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หยุดอยู่ที่ด้านหน้าประตูมังกร
ทุกคนเบนสายตาไปมองทันที
มู่เฉินกวาดมองไปก็เห็นคนสวมชุดสีเทาหลายคน พร้อมกับมีคนคนหนึ่งยืนที่หน้ากลุ่ม เขาเป็นชายร่างสูงกำยำมีลวดลายสีเทาปกคลุมผิวกาย ทำให้ร่างกายเขามีความรู้สึกหนักหน่วง ราวกับไม่ใช่คนแต่เป็นภูเขาตั้งตระหง่าน
เมื่อมู่เฉินเห็นความคิดสายหนึ่งแล่นผ่านใจ “หลินเจี๋ยแห่งสำนักเคลื่อนบรรพต ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า อันดับยี่สิบแปดบนทำเนียบ”
หลินเจี๋ยไม่ใช่จอมยุทธ์ไม่มีชื่อเสียง อันดับนี้สามารถพิสูจน์ถึงความโดดเด่นของเขาในทวีปเทียนหลัวแล้ว
ในเวลาปกติหลินเจี๋ยเป็นจุดรวมสายตาเมื่อปรากฏตัว แต่ที่นี่มีจอมยุทธ์ชั้นสูงจำนวนมากมารวมตัวกัน กระทั่งคนอย่างซูชิงหยิงยังมา ดังนั้นความเจิดจรัสของหลินเจี๋ยจึงลดลง แต่พลังของเขายังคงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถโต้แย้งได้
เมื่อหลินเจี๋ยปรากฏตัวบนกลางอากาศ สายตาร้อนแรงก็จับจ้องอยู่ที่ประตูหินโบราณ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายเคลื่อนไหวโดยไม่มีความลังเล เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าไป
ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เขา
วาบ!
อึดใจหลินเจี๋ยก็ปรากฏตัวด้านหน้าประตูมังกร ทันใดนั้นแสงก็ส่องมาจากด้านบนของประตู นำพาหลินเจี๋ยหายเข้าไปในประตู
ทุกคนจ้องมองการหายไปอย่างใจจดใจจ่อ
ทั่วบริเวณเงียบงัน สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่ประตูโบราณ ซึ่งกลับสู่ความสงบหลังจากดูดร่างหลินเจี๋ยเข้าไป
ทว่าความเงียบกินเวลาไม่นาน เสียงครางกระหึ่มก็ดังออกมา
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ประตูสั่นสะเทือน แสงไหลเวียนเหนือประตู พร้อมกับอักษรลึกลับกลิ้งไปมา
แคร็ก!
ประตูที่ปิดแน่นหนาแง้มออก แสงสว่างจ้าพรั่งพรูออกมา เผยเงาร่างที่ดูสมเพช นี่ก็คือหลินเจี๋ยที่พุ่งเข้าไปเมื่อครู่
เมื่อหลินเจี๋ยปรากฏตัวขึ้น แสงก็เริ่มควบแน่นที่เบื้องหน้ากลายเป็นป้ายโบราณ
วาบ!
สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่ป้ายโลหะทันที
มู่เฉินก็จ้องมองไปที่ป้ายเห็นภาพอินทรีเขียวบินฉวัดเฉวียนอยู่บนป้าย
“ป้ายอินทรีเขียว!”
หลายคนมีดวงตาเฉียบคม ความโกลาหลจึงระเบิดออก จากนั้นหลายคนก็ผงะไป พวกเขาไม่ได้ตกใจกับผลลัพธ์ของหลินเจี๋ย แต่อึ้งไปที่หลินเจี๋ยมีคุณสมบัติเป็นศิษย์ระดับอินทรีเขียวเท่านั้น ทั้งที่มีความแข็งแกร่งขนาดนี้
ตามการจัดอันดับ อินทรีเขียวถือเป็นระดับปานกลางเท่านั้น
หลินเจี๋ยเป็นหนึ่งในสามสิบของจอมยุทธ์หัวกะทิของทวีปและถือว่าเป็นตัวหลักไม่ว่าจะอยู่ขั้วอำนาจใดก็ตามในทวีปเทียนหลัวซึ่งจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
“กฎเกณฑ์ของวังสวรรค์บรรพกาลเข้มข้นไปแล้ว” มีบางคนพูดขึ้นด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ พลังของพวกเขาด้อยกว่าหลินเจี๋ยเสียอีก ถ้าพวกเขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างมากก็จะได้รับแค่ป้ายหมาป่ารึไง?
นั่นจัดเป็นศิษย์อันดับต่ำสุดในวังสวรรค์บรรพกาลเลยนะ
“ดูเหมือนศิษย์ระดับมังกรไม่ใช่งานง่ายแล้ว” มู่เฉินพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นก็แลกเปลี่ยนสายตากับจิ่วโยว
“อย่าเพิ่งพูดถึงศิษย์ระดับมังกร ข้าว่ากระทั่งศิษย์ระดับเจียวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย วังสวรรค์บรรพกาลสมกับเป็นอดีตผู้ปกครองทวีปเทียนหลัวจริงๆ…” จิ่วโยวเผยรอยยิ้มหมดหนทาง
มู่เฉินพยักหน้า แต่ไม่ได้แปลกใจอะไรกับเรื่องนี้ ด้วยรากฐานของวังสวรรค์บรรพกาล จอมยุทธ์ชั้นสูงธรรมดาก็เป็นศิษย์แบบดาษดื่นเท่านั้น มีเพียงจอมยุท์มากพรสวรรค์จริงๆ ที่จะสามารถโดดเด่นได้
เผชิญหน้ากับสายตาเศร้าสลดของผู้คน หลินเจี๋ยก็มองไปที่ป้ายอินทรีเขียวพลางยิ้มขมขื่น เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์นี้ แต่ก็ทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อนึกถึงการทดสอบโหดหินของประตูมังกรมะยานสวรรค์
หลินเจี๋ยยื่นมือออกคว้าป้ายอินทรีเขียว รังสีสีฟ้าอมเขียวก็เบ่งบานออกมาโอบกอดตัวเขา เปลี่ยนเป็นเกลียวแสงสีอมเขียวพุ่งออกไป
เมื่อเกลียวเส้นสายในค่ายกลสัมผัสกับเกลียวแสงสีฟ้าอมเขียว ค่ายกลก็เปิดออก ร่างหลินเจี๋ยก็หายเข้าไปในค่ายกล
“เข้าไปแล้ว?”
ทุกคนเบิกตากว้างกับภาพที่เกิดขึ้น จากนั้นความสุขก็กระจายบนใบหน้า ตามคาดตราบใดที่พวกเขาได้รับป้ายประจำตัวก็จะสามารถผ่านค่ายกลเข้าไปได้
เมื่อตัดสินจากการหายไปของหลินเจี๋ย สิ่งที่พวกเขาเห็นต่อหน้าบางทีอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อผ่านเข้าไปในค่ายกลได้เมื่อไรก็จะได้เห็นวังสวรรค์บรรพกาลที่แท้จริง
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เดือดพล่าน ทุกคนรู้สึกโล่งใจ
วาบ!
สมาชิกสำนักเคลื่อนบรรพตก็พุ่งเข้าไปในประตูมังกรทะยานสวรรค์โดยไม่ลังเล ครั้งนี้ใช้เวลายิ่งสั้นลง เพียงสิบกว่าอึดใจก็กระเด็นออกมาในลักษณะน่าสมเพช
ทั้งหมดได้รับเพียงป้ายหมาป่าเขียว
ชัดว่าผลลัพธ์จากการทดสอบของพวกเขาด้อยกว่าหลินเจี๋ยมาก
เมื่อจอมยุทธ์สำนักเคลื่อนบรรพตเห็นสิ่งนี้ก็ยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนจะคว้าป้ายพุ่งตัวเป็นร่างแสงเข้าไปในค่ายกล
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
หลังจากได้เห็นสมาชิกสำนักเคลื่อนบรรพตผ่านเข้าไปแล้ว กลุ่มคนอื่นๆ ก็รู้สึกโล่งใจ จากนั้นเสียงลมแหวกอากาศก็ดังก้องไม่หยุด ร่างแสงนับไม่ถ้วนพุ่งสู่ประตูมังกรทะยานสวรรค์
ฮึ่ม ฮึ่ม
แสงสว่างพุ่งออกมาจากประตูอย่างต่อเนื่อง ดูดทุกคนที่เข้าใกล้
ในเวลาต่อไปหน้าประตูก็คึกคักอย่างยิ่ง มีผู้คนพุ่งเข้าไปตลอดเวลาก่อนที่จะกลับออกมาพร้อมกับแสงสีขาวหรือสีเขียว กระทั่งแสงสีทองก็มองเห็นได้
มู่เฉินสังเกตจากภาพทั้งหมด ก็เห็นว่าป้ายระดับสูงสุดที่ปรากฏเป็นเพียงป้ายอินทรีทองคำ คนที่ได้ป้ายอินทรีทองคำอยู่ในลำดับยี่สิบเอ็ดของทำเนียบ ซึ่งต่ำกว่ามู่เฉินเพียงอันดับเดียว
“ถ้าเป็นไปตามการจัดอันดับ อย่างมากข้าคงเป็นได้แค่ศิษย์ระดับอินทรีทองทองคำเท่านั้น” มู่เฉินเกาหัวแกรกกรากพูดติดตลก
“ขำตายล่ะ…” จิ่วโยวกลอกตาบนเมื่อได้ยินมุกเยาะเย้ยตัวเอง เพราะนางรู้ดีกว่าใครเกี่ยวกับไพ่ตายที่มู่เฉินมี ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า คนอย่างมู่เฉินมีกระทั่งพลังที่จะเผชิญหน้าขั้นเก้าระยะเต็ม
“คนน่าสนใจเคลื่อนไหวแล้ว” หลินจิ้งที่เฝ้าดูก็พูดออก
เมื่อได้ยินมู่เฉินและจิ่วโยวก็หันไปมองเห็นว่าหลิ่วกุย หวังทงเสียนและฉินจิงเจ๋อพุ่งเข้าประตูมังกรทะยานสวรรค์
ชัดว่าพวกเขาก็อดรอต่อไปไม่ไหวแล้ว
ในฐานะจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียง การเคลื่อนไหวของพวกเขาทำให้ทุกสายตาหันมาสนใจ
วาบ!
ทั้งสามคนหายเข้าไปที่หน้าประตูในเวลาใกล้เคียงกัน
นอกเหนือจากเหตุการณ์นี้ ประตูมังกรทะยานสวรรค์ก็เงียบลงครู่ คนอื่นๆ หยุดกิจกรรม เนื่องจากต้องการเห็นผลลัพธ์ของจอมยุทธ์ทั้งสาม
เวลาไหลไปอย่างรวดเร็ว
ระยะเวลาที่ทั้งสามเข้าไปยาวนานกว่าคนอื่นก่อนหน้าชัดเจน นี่ทำให้ผู้คนหนังตากระตุก เมื่อมองดูแล้วดูเหมือนว่าป้ายอินทรีทองคำที่สูงสุดในตอนนี้จะถูกตีแตกแล้ว
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ขณะที่ทุกคนคาดเดาในใจ ประตูมังกรทะยานสวรรค์ที่เงียบมานานก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เกลียวแสงแข็งแกร่งพุ่งออกมา
แสงสามสายควบรวมกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อร่างเป็นชายทั้งสามคน
เมื่อทั้งสามปรากฏขึ้นรังสีก็มารวมที่เบื้องหน้าพวกเขา ควบแน่นเป็นป้ายสามป้าย
ทุกสายตาพุ่งตรงไป จากนั้นเสียงโกลาหลก็ดังขึ้น
เจียวสีขาวขดตัวเป็นป้ายที่เบื้องหน้าหลิ่วกุยพร้อมกับความผันผวนทรงพลังกระจายออกมา
“ป้ายเจียวขาว! หลิ่วกุยได้รับการจัดอันดับเป็นศิษย์ระดับเจียวขาว!”
บางคนอุทานออกมา ในที่สุดก็มีคนได้รับการจัดอันดับเป็นศิษย์ระดับเจียวขาวจากการทดสอบของประตูมังกรทะยานสวรรค์แล้วเรอะ?
“หวังทงเสียนก็เป็นศิษย์ระดับเจียวขาวเช่นกัน!” มีคนสังเกตเห็นป้ายที่เบื้องหน้าหวังทงเสียนที่มีภาพเจียวขาวขดอยู่
“แล้วฉินจิงเจ๋อล่ะ?”
สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่ฉินจิงเจ๋อ ก่อนที่พวกเขาจะเห็นรังสีสีทองถักทอเป็นรูปร่างเจียวทองคำที่ดูเหี้ยมหาญที่เบื้องหน้าเขา
“นั่นคือ…” มู่เฉินมองไปที่ป้ายทองคำก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตา
“ป้ายเจียวทองคำ!”
แม้แต่คนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นแบบฉินจิงเจ๋อก็ได้รับเพียงป้ายเจียวทองคำ ไม่ใช่แม้แต่ป้ายมังกรขาว
กฎเกณฑ์การทดสอบของประตูมังกรทะยานสวรรค์ยากขนาดนี้เชียวหรือ?!