หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1161
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1161 ร่วมมือกัน
คลื่นหลิงป่าเถื่อนสร้างหายนะในห้องโถง
ลวดลายแสงถักทอเป็นร่างมังกรอย่างคลุมเครือ ปลดปล่อยเสียงคำรามรุนแรงจนโถงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด
“ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร…”
เมื่อมู่เฉินมองไปที่ค่ายกลที่คุ้นเคย ดวงตาก็กะพริบด้วยความตกใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอกับค่ายกลนี้ในหอสองแห่งนี้
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นฉบับสมบูรณ์แบบอีกด้วย!
มู่เฉินมองไปที่ค่ายกลขนาดใหญ่ที่แผ่ออกเต็มโถงก็ถอนหายใจในใจ เมื่อเทียบกับค่ายกลที่เขาสร้างขึ้น ก็ไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูดเลย!
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนับหมื่นปีเส้นสายแสงในค่ายกลก็ยังคงโชติช่วง เอิบอาบด้วยระลอกคลื่นพลังงานอันน่าสะพรึงกลัว
“กลัวว่าแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็คงติดแหง็กอยู่ในค่ายกลนี้ หนีไปไม่ได้” มู่เฉินเลียริมฝีปาก ดูเหมือนค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารที่สมบูรณ์นี้น่าจะใกล้เคียงกับค่ายกลระดับจงซือขั้นสูง
โดยทั่วไปแล้วค่ายกลขั้นจงซือขั้นกลางก็จะมีพลังมากพอที่จะจัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นปลายได้
จอมพลสองยืนอยู่กึ่งกลางของค่ายกล ด้วยความแข็งแกร่งของเขาและความช่วยเหลือจากค่ายกล แม้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มที่คล้ายคลึงกับเขาก็จะถูกปราบปรามหากหลงเข้ามาในนี้
แต่น่าเสียดายที่การเตรียมการทั้งหมดไร้ประโยชน์เมื่อนักรบราชันปีศาจมาถึง
ขณะที่มู่เฉินถอนหายใจต่อหน้าค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารที่สมบูรณ์ สายตาของซูชิงหยิงที่ด้านข้างก็จับจ้องมาก่อนที่จะถามอย่างใจจดใจจ่อ “เป็นยังไงบ้าง?”
มู่เฉินเหลือบมองนางย้อนถาม “เจ้าหมายถึงอะไร? เจ้าคงไม่คิดจริงๆ ว่าข้าสามารถทำลายค่ายกลระดับนี้ได้หรอกมั้ง?”
“การทำลายเป็นไปไม่ได้แน่นอน” ซูชิงหยิงไม่ได้เพ้อฝันเช่นนี้ เพราะค่ายกลระดับจงซือเป็นอะไรที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายยังไม่กล้าเข้าไปง่ายๆ
“แต่แม้ว่าค่ายกลจะทรงพลังก็ไม่มีคนควบคุมแล้วและเจ้าก็เป็นหลิงเจิ้นซือ ดังนั้นข้าอยากให้เจ้าลองดูว่าจะสามารถเปิดช่องเพื่อให้ข้านำแมลงหงส์ออกมาได้หรือไม่”
มู่เฉินดีดนิ้วเบาๆ ขณะครุ่นคิดก่อนจะพูด “ถ้าแบบนั้นก็ใช่ว่าไม่ได้”
เนื่องจากเขามีความเข้าใจถ่องแท้กับค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร จึงเป็นไปได้ที่จะเปิดทางได้
“จริงเหรอ?” ซูชิงหยิงเผยความสุขบนใบหน้า ตอนแรกนางแค่หยั่งเชิงถามดูว่ามู่เฉินสามารถเปิดทางได้หรือไม่ ดังนั้นนางจึงไม่คาดหวังมากเกินไป เพราะว่าค่ายกลระดับจงซือเหนือชั้นเกินไป แม้กระทั่งสำหรับความเข้าใจของมู่เฉินที่มีต่อค่ายกล
แต่เห็นได้ชัดว่าคำตอบของมู่เฉินทำให้นางมีความสุขมาก
“ลองดูได้” มู่เฉินพยักหน้าจากนั้นก็มองไปที่ซูชิงหยิง “แต่ทำใมข้าต้องเชื่อใจเจ้าด้วยล่ะ”
หากนางได้รับแมลงหงส์มาจริงๆ นางจะสามารถฟื้นกองทัพสังหารวิญญาณได้จริงเหรอ? ถ้าซูชิงหยิงกลับคำ มู่เฉินจะไม่ทำงานเก้อเหรอ?
เพราะยังไงซูชิงหยิงก็ไม่ใช่เซียวเซียวหรือหลินจิ้ง ดังนั้นเขาจึงมีข้อสงสัยในตัวนาง
ซูชิงหยิงไม่ได้โกรธกับข้อสงสัยของมู่เฉิน “อาจารย์ของข้าเป็นศิษย์สำนักโบราณแห่งหนึ่งและแมลงหงส์ของจอมพลสองก็มาจากสำนักนั้น ดังนั้นข้าถึงรู้เกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้”
“นอกจากนี้ที่ข้าพูดมาทั้งหมดก็ไม่ได้เป็นเรื่องเท็จ หากเจ้าต้องการฟื้นฟูกองทัพสังหารวิญญาณจริงๆ ก็จะต้องใช้แมลงหงส์เพื่อบีบให้พลังออกมา ดังนั้นเจ้าต้องพึ่งพาข้า”
“ดังนั้นข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธความร่วมมือนี้”
ซูชิงหยิงมองไปที่มู่เฉิน ทั้งสองคนสบตากันทำให้แม้แต่อากาศก็แข็งค้างเล็กน้อย ก่อนที่มู่เฉินจะยิ้มบางจากนั้นครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ตกลง”
เช่นเดียวกับที่ซูชิงหยิงกล่าว ถ้าเขาต้องการฟื้นฟูกองทัพสังหารวิญญาณก็ต้องร่วมมือกับนาง ส่วนซูชิงหยิงจะรักษาสัญญาหรือไม่ ก็ค่อยดูไปทีละเปลาะก็แล้วกัน
“ถ้างั้นก็สนุกกับความร่วมมือกันนะ” ซูชิงหยิงยิ้ม เห็นได้ชัดว่านางไม่กลัวที่มู่เฉินจะปฏิเสธ
“ข้าต้องการเวลาสักหน่อย” มู่เฉินไม่รอช้า เขาหันหลังเดินไปทางค่ายกลก่อนจะหลับตาลง แสงหลิงเปล่งประกายบนปลายนิ้วก่อนที่สัญลักษณ์หลิงยิ่งจะบินฉวัดเฉวียนออกมา รวมเข้ากับค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารอย่างระมัดระวัง
ด้วยความเข้าใจต่อค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารในปัจจุบันของเขาการเปิดทางในค่ายกลที่ไม่มีใครควบคุมนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ชัดว่าเขาไม่โง่พอที่จะเปิดเผยเรื่องนี้
การเปิดเผยไพ่ตายโดยไม่มีจุดประสงค์ใดๆ ไม่ใช่นิสัยของมู่เฉิน
“ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” ซูชิงหยิงเอ่ยพลางถอยห่างออกไประยะหนึ่งไปยืนอยู่หน้าประตู เพื่อกั้นพวกหน้าแหลมที่จะเข้ามาขัดขวางมู่เฉิน
ซูชิงหยิงไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความช้าของมู่เฉิน เพราะนี่เป็นค่ายกลระดับจงซือ ถ้ามู่เฉินสามารถเปิดได้อย่างง่ายดาย ก็จะเป็นซูชิงหยิงเองที่จะสงสัย
ซูชิงหยิงนั่งอยู่บริเวณประตูสัมฤทธิ์เขียว มองไปที่ภาพเงาของมู่เฉินก่อนที่จะจ้องมองไปยังร่างสง่างามของจอมพลสอง
“แมลงหงส์…” สายตานางกะพริบเล็กน้อยขณะที่ยิ้มบางพร้อมกับดวงตาลุกโชน หากนางได้รับแมลงตัวนี้มาได้ ด้วยวิธีการชำระของสำนัก นางก็มีความมั่นใจในการเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน
โถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบ เวลาก็เคลื่อนผ่านไป
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมามู่เฉินก็ลืมตาขึ้นในที่สุด ซูชิงหยิงเดินขึ้นไปหาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะถามอย่างใจจดใจจ่อ “เป็นยังไงบ้าง?”
หากมู่เฉินทำไม่สำเร็จนางก็ต้องยอมแพ้กับแมลงหงส์นี้ เพราะด้วยพลังที่นางมีเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านค่ายกลไปได้
ภายใต้สายตากังวลของนาง มู่เฉินก็ยิ้มบางก่อนที่จะพลิกนิ้ว คลื่นหลิงผันผวนมาจากค่ายกลขนาดใหญ่ก่อนที่ทางจะค่อยๆ เปิดออกเป็นรอยแยกครึ่งจั้ง
“โชคดีที่ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง” มู่เฉินยิ้ม
ซูชิงหยิงฉายความสุขบนใบหน้าด้วยความตื่นเต้นในสายตา ขณะที่หน้าอกอวบอิ่มสะท้อนขึ้นลง
“ข้าจำเป็นต้องควบคุมเส้นทาง ดังนั้นเจ้าต้องพึ่งพาตัวเองที่จะเข้าไปรับแมลงหงส์” มู่เฉินยิ้มให้ซูชิงหยิง
อาจมีกับดักอื่นๆ ในห้องโถงที่มู่เฉินไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดที่จะทดสอบและทิ้งปัญหาไปให้ซูชิงหยิง
ซูชิงหยิงรู้เรื่องนี้ดี แต่นางก็ไม่ปฏิเสธเนื่องจากมู่เฉินทำสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว ต่อไปนางจะต้องรับผิดชอบในการเรียกแมลงหงส์
“ถ้างั้นข้าก็รบกวนพี่มู่ด้วย” ซูชิงหยิงพยักหน้าอย่างแน่วแน่ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ค่ายกลโดยไม่ลังเลใดๆ
เมื่อนางเดินเข้าไปค่ายกลก็เกิดการพลิกผันเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ปล่อยการโจมตีใดๆ
ซูชิงหยิงก้าวเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นหลังจากที่เข้ามานางก็เดินไปที่หน้าบัลลังก์อย่างราบรื่น
นางมองร่างสง่างามก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจ จากนั้นใบหน้านางก็จริงจังขึ้นก่อนจะวาดตราประทับเร็วรี่
อ็อก
ในเวลาเดียวกันนางก็กัดลิ้นตัวเอง เลือดไหลออกมาจากปากกลายเป็นเม็ดสีแดงเข้มพร้อมกับกลิ่นหอมเปล่งออกมา
เมื่อกลิ่นหอมกระจายออกไป จุดสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนศีรษะของจอมพลสองขยับขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งออกมาทางรูโลหิต
นี่เป็นแมลงสีแดงเข้มที่มีปีกสวยงามราวกับหงส์ ทว่ามันตัวเล็กมากทำให้ดูแปลกพิกลนัก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ดวงตามันปิดอยู่และโอบตัวไว้ราวกับว่าอยู่ในห้วงนิทรา แต่ก็บินออกมาตามสัญชาตญาณพุ่งไปยังเม็ดเลือดและกลืนกิน
ซูชิงหยิงแบมือ แสงสีแดงก็ตกลงมา นางมองไปที่แมลงน่าหลงใหลด้วยความตื่นเต้นบนใบหน้า
นางคว้าแมลงหงส์ล้ำค่ามาได้อย่างง่ายดาย!
แม้ว่ามันจะตกอยู่ในห้วงนิทรา แต่นางก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่มีอยู่ภายในร่างกายเล็กจ้อยนี้
ซูชิงหยิงหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะจับแมลงหงส์อย่างระมัดระวังจากนั้นก็หันกลับมาเตรียมจากไป
“แม่นางซูกรุณารอสักครู่” ทว่าขณะที่นางกำลังจะออกจากค่ายกลเสียงของมู่เฉินก็ดังก้องขึ้นจากนอกค่ายกล
ซูชิงหยิงเงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่เฉินพลางยิ้ม “พี่มู่ ข้าจะช่วยเจ้าฟื้นฟูกองทัพสังหารวิญญาณอย่างแน่นอนหลังจากที่ข้าออกไป”
ขณะที่นางพูดก็ไม่หยุดเดิน ใบหน้าดูสบายใจขึ้นมาก ด้วยแมลงหงส์นางจะไม่มีคู่ต่อสู้ใดๆ ภายใต้ระดับตี้จื้อจุน ตราบเท่าที่นางใช้พลังเพียงเล็กน้อยแม้ว่าแมลงจะหลับอยู่ก็ตาม
ถ้านางหวาดกลัวมู่เฉินมาก่อนหน้า ความกลัวก็ไม่มีอีกแล้วในตอนนี้
มู่เฉินมองไปที่ซูชิงหยิงที่เดินเข้ามาก็อดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็โบกมือ ทางเดินในค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารหายไปอย่างช้าๆ
เวลาเดียวกันคลื่นหลิงรุนแรงก็กวาดขึ้นในค่ายกล มังกรที่สร้างขึ้นมาจากคลื่นหลิงจ้องมองไปที่ซูชิงหยิง
ฝีเท้าของซูชิงหยิงหยุดกึกชั่วขณะ นางมองไปที่ค่ายกลที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยความหวาดผวาและตกใจบนใบหน้า
“จะ…เจ้าควบคุมค่ายกลนี้ได้อย่างไร” สายตาของซูชิงหยิงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เห็นชัดว่าค่ายกลเก้าเทพมังกประหารถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว
ซึ่งทั้งหมดเกิดโดยฝีมือมู่เฉิน ขณะนี้ซูชิงหยิงเข้าใจว่าก่อนหน้านี้มู่เฉินแสดงละครฉากใหญ่
อันที่จริงตอนที่มู่เฉินเปิดทางเขาก็ได้ควบคุมค่ายกลนี้แล้วโดยที่นางไม่รู้ตัว
มู่เฉินไม่ตอบกับต่อความตกใจของซูชิงหยิง แต่มองไปที่นางด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาดังขึ้นช้าๆ
“แม่นางซู ไม่รู้ว่าเจ้าสามารถช่วยข้าฟื้นฟูกองทัพสังหารวิญญาณตอนนี้ได้หรือยัง?”