หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1234
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1234 เจดีย์ผลึกใสทรงพลัง
บนภูเขาด้านหลังของวังลั่วเสิน
มู่เฉินที่นั่งอยู่บนยอดเขาสูงสุดก็ลืมตาขึ้นหลังจากเข้าสมาธิมาสิบวัน แต่ขณะนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวที่กวนตัว
“เส้นยาแดงผ่าแปด…”
มู่เฉินปาดเหงื่อบนหน้าผากออก สถานการณ์เมื่อครู่อันตรายมาก แม้ว่าจะเป็นเสี้ยวหนึ่งของเขาที่แอบเข้าไปในดินแดนโบราณของเผ่าฝูถู แต่ถ้าถูกจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจับได้ก็จะสามารถสัมผัสตำแหน่งของเขา เวลานั้นเขาจะไม่มีทางหนีรอดไปได้เลย
แต่โชคดีที่มารดาออกมาช่วยในช่วงเวลาสำคัญ มิฉะนั้นเขาคงตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
“ท่านแม่”
หวนคิดถึงการเปลี่ยนแปลงในค่ายกลที่ปกป้องเขา ความรู้สึกอบอุ่นก็ไหลเวียนอยู่ในใจ แม้ว่าครั้งนี้เราแม่ลูกจะไม่ได้พบกัน แต่มู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงความผูกพันทางสายเลือด
บางทีมารดาคงคาดว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ตั้งแต่นางมอบคัมภีร์ต้าฝูถูไว้ให้ ดังนั้นจึงได้สร้างช่องโหว่ในค่ายกลเอาไว้ ซึ่งเป็นบางสิ่งที่สามารถให้ความคุ้มครองมู่เฉิน เมื่อสัมผัสถึงรัศมีของเขา
เห็นได้ชัดว่าชิงเหยี่ยนจิ้งไตร่ตรองไว้อย่างรัดกุม
“ท่านแม่วางใจเถอะ ข้าไม่ใช่เด็กอ่อนแอเหมือนแต่ก่อนแล้ว” มู่เฉินพึมพำพร้อมกับมือกำแน่น ในเวลานี้ไม่เพียงแต่เขาบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุน เขายังสร้างขั้วอำนาจของตนเองและมีความเชื่อมโยงที่ทรงพลังเช่นกัน
มิหนำซ้ำยังมีหินสลักจากเทพจักรพรรดิสงคราม ดังนั้นต่อให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเผ่าฝูถูมาตามจับเขา เขาก็ไม่ได้หมดหนทางแท้จริง
นอกจากนี้เขายังพยายามเต็มที่ที่จะเสริมพัฒนาการ เขาเชื่อว่าต้องมีสักวันที่เผ่าฝูถูไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ต่อให้เขาจะไม่พึ่งความช่วยเหลือจากภายนอก
หลังจากความคิดเดือดพล่านในใจครู่หนึ่ง มู่เฉินก็ค่อยๆ สงบลงและเริ่มมองย้อนกลับไปถึงการเก็บเกี่ยวครั้งนี้จากดินแดนโบราณของเผ่าฝูถู
เขาสามารถสัมผัสเจดีย์ผลึกใสที่ลอยอยู่ในร่างกาย
เมื่อเปรียบเทียบกับเจดีย์ก่อนหน้าก็งดงามยิ่งกว่าเดิม ซ้ำยังเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์และลึกลับออกมาอีกด้วย
มู่เฉินไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเร้าเจดีย์ผลึกใส จากนั้นเขาก็เห็นร่องรอยของเพลิงที่ปรากฏภายในเริ่มลุกโชน
ช่างเป็นเพลิงผลึกงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ ทว่ามู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนอันตรายอย่างยิ่งที่มาจากมัน
ในอดีตแม้ว่าเจดีย์ของเขาจะสร้างเพลิงพุทธะที่ทำลายร่างเทห์สวรรค์ของศัตรูได้ ทว่าเพลิงผลึกนี้ก็มีผลเช่นเดียวกัน มิหนำซ้ำยังทรงพลังมากกว่า
มู่เฉินสัมผัสได้ถึงพลังของเพลิงผลึกก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว กระแสคลื่นหลิงในร่างกายกวาดออกมาเทลงไปในเจดีย์ผลึกใส
วูบ วูบ
คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาในเจดีย์ มู่เฉินก็สัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงกำลังเปลี่ยนเป็นเหมือนแก้วใส
ในอดีตคลื่นหลิงของมู่เฉินมีสีม่วงเนื่องจากการหลอมรวมกับเพลิงอมตะ แต่เมื่อผ่านเจดีย์ผลึกใสก็ราวกับเปลี่ยนเป็นคลื่นหลิงลึกซึ้งอีกชนิด
เมื่อสัมผัสคลื่นหลิงที่เปลี่ยนเป็นแก้วใส มู่เฉินก็ลังเลครู่หนึ่งแล้วหมุนเวียนพลังทั้งหมดภายในร่างกายเข้าสู่เจดีย์
ในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจร่างของมู่เฉินก็เต็มไปด้วยคลื่นหลิงสีแก้วใส
มู่เฉินลุกขึ้นยืน ร่างของเขาเปล่งความแวววาวออกมา เมื่อยกมือขึ้นคลื่นหลิงที่ราวกับแก้วใสก็รวมตัวกันไหลเวียนอย่างช้าๆ
“คลื่นหลิงแข็งแกร่งขึ้นแล้ว!”
รู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ในร่างกาย แม้แต่มู่เฉินที่ใจเย็นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง นั่นเป็นเพราะจากการคาดการณ์คลื่นหลิงในร่างกายของเขาได้รับการเสริมสร้างขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว
ตัดสินจากคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขต เขาเทียบเท่าระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นระยะปลายสุดเลยทีเดียว!
“เจดีย์ผลึกใสมีความสามารถที่ทรงพลังสองอย่างคือการแปลงและเสริมความแข็งแกร่ง” มู่เฉินตะลึงไม่หยุด ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ถูกล่อลวงจากความสามารถทั้งสองนี้
ทว่าตอนนี้มู่เฉินกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยกับคลื่นหลิงแก้วใส ถ้าคลื่นหลิงที่หลอมรวมกับเพลิงอมตะในอดีต สามารถเผาผลาญไม่รู้จบ งั้นคลื่นหลิงนี้ก็เพิ่มรัศมีศักดิ์สิทธิ์และลึกลับเข้ามา
ฟิ้ว!
ขณะที่มู่เฉินเพ่งสมาธิไปที่คลื่นหลิงแก้วใสที่ไม่คุ้นเคย เสียงลมอัดอากาศหวีดหวิวก็ดังขึ้นที่เบื้องหน้า ก่อนที่ลั่วหลี ลั่วเทียนเสินและลั่วเทียนหลงจะพุ่งตัวมาปรากฏขึ้น
พวกเขาอึ้งไปเมื่อมองมู่เฉิน พวกเขารู้สึกว่าคลื่นหลิงของชายหนุ่มไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“เจ้า…ทำไมคลื่นหลิงถึงทรงพลังมากขึ้นขนาดนี้!” ลั่วเทียนเสินพูดขึ้นเป็นคนแรกขณะที่มองมู่เฉินด้วยความตกตะลึง เขารู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งคลื่นหลิงของมู่เฉินทรงพลังมากกว่าเมื่อสิบวันก่อนหลายเท่า
ความเร็วในการเสริมความแข็งแกร่งนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ!
ลั่วเทียนหลงก็มองมู่เฉินด้วยความประหลาดใจ ส่วนลั่วหลีกลับมองด้วยความสนใจ ชัดว่านางไม่แปลกใจอะไรกับสิ่งใดที่เกิดขึ้นกับมู่เฉิน
“ทำไมคลื่นหลิงของเจ้าถึงเปลี่ยนไป?” ลั่วเทียนเสินมองมู่เฉินด้วยความไม่เชื่อ เนื่องจากเขาตระหนักได้ว่าคลื่นหลิงภายในร่างกายชายหนุ่มแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ต้องรู้ว่ายากแค่ไหนที่จะปลูกฝังใหม่ ทว่ามู่เฉินแค่เข้าสมาธิไปสิบวัน ทำไมคลื่นหลิงถึงเปลี่ยนไปหมด?
ด้วยการรับรู้ของลั่วเทียนเสินในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าคุณลักษณะคลื่นหลิงของมู่เฉินในตอนนี้แตกต่างจากที่เคยเป็นมาก่อน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ทั้งสาม ก่อนที่จะหันไปหาลั่วเทียนหลง “ท่านลุงเทียนหลงช่วยข้าทดสอบคลื่นหลิงใหม่หน่อยได้ไหมขอรับ”
ลั่วเทียนหลงรู้ว่ามู่เฉินกำลังขอใช้เขาเป็นผู้ทดสอบ ทว่าเขาก็เดินหน้าขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจพลางพูดเสียงดังว่า “ไหนขอข้าดูหน่อยว่าคลื่นหลิงของเจ้าพิเศษเพียงใด”
มู่เฉินยิ้มพลางเหยียดมือจับข้อมือของลั่วเทียนหลง จากนั้นก็เทคลื่นหลิงแก้วใสของตนเองใส่ร่างกายของอีกฝ่าย
ลั่วเทียนหลงปล่อยให้คลื่นหลิงของมู่เฉินเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นก็ตั้งท่าจะขับไล่ ทว่าทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าคลื่นหลิงตนเองแข็งค้างเมื่อสัมผัสกับคลื่นหลิงของมู่เฉิน แม้ว่าเขาจะพยายามหมุนเวียนก็ไร้ประโยชน์นัก
ในเวลาสิบกว่าลมหายใจคลื่นหลิงทรงพลังภายในร่างกายเขาก็หยุดชะงักลง ไม่มีความผันผวนใดๆ เกิดขึ้นเลย ราวกับว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน
ลั่วเทียนหลงที่สูญเสียการควบคุมพลังงานของตนเองก็รู้สึกตะลึงขณะมองมู่เฉินด้วยความอึ้งทึ่ง
ลั่วเทียนเสินสังเกตเห็นเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเหยียดมือวางไหล่ของลั่วเทียนหลงสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ครู่หนึ่งเมื่อสัมผัสถึงได้เขาก็อุทานลั่น “พลังงานของเจ้าถูกผนึก!”
“ผนึก?” คราวนี้แม้แต่มู่เฉินก็ออกเสียงอย่างประหลาดใจ
ลั่วเทียนเสินพยักหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่คลื่นหลิงทรงพลังของเขาจะพุ่งเข้าสู่ร่างกายของลั่วเทียนหลงเพื่อช่วยละลายคลื่นหลิงแก้วใสออกไป ไม่นานคลื่นหลิงที่ทรงประสิทธิภาพของลั่วเทียนหลงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ทว่าแม้จะได้รับการแก้ไขแต่ลั่วเทียนหลงก็ยังคงมองมู่เฉินอย่างตกตะลึงพร้อมกับใบหน้าซีดลง เขารู้สึกผวาหน่อยๆ จากความรู้สึกที่เหมือนกลายเป็นคนพิการ
“ไม่เพียงแต่เจดีย์ผลึกใสจะปรับเปลี่ยนและเสริมสร้างคลื่นหลิงของข้าเท่านั้น แต่ยังมอบพลังผนึกให้อีกด้วย”
มู่เฉินตกตะลึงไป เขาไม่คิดเลยว่าเจดีย์จะมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงการเปลี่ยนแปลงและการยกระดับ แม้จะเป็นเพียงตัวช่วยเสริม แต่ก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง ส่วนความสามารถในการผนึกนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าอีก เพราะแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังถูกผนึกคลื่นหลิงไว้ถ้าโดนคลื่นหลิงเขาบุกเข้าไปในร่าง เวลานั้นพวกเขาจะกลายเป็นลูกแกะให้เขาสังหารโดยง่าย
“มีคลื่นหลิงประเภทที่มีความสามารถในการผนึกในมหาพันภพด้วยหรือ?” ลั่วเทียนหลงพูดด้วยความไม่เชื่อ
ลั่วเทียนเสินครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนที่จะมองมู่เฉินด้วยสายตาผิดแผก “จากที่ข้ารู้… มีข่าวลือว่าเผ่าฝูถูโบราณเก่งกาจในการผนึก… คลื่นหลิงของพวกเขามีผลต่อการผนึก ทำให้ยากที่จะจัดการ”
เมื่อได้ยินคำพูดนั่น ลั่วเทียนหลงก็ตกตะลึงพลางมองมู่เฉิน หรือว่าชายหนุ่มจะมีความสัมพันธ์กับเผ่าฝูถูโบราณ?
ดวงตามู่เฉินกะพริบวูบไหว เขาไม่คิดว่าลั่วเทียนเสินจะมีความรู้มาก ขนาดสามารถคาดเดาถึงเผ่าโบราณได้อย่างรวดเร็ว… แต่เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวของลั่วหลี เขาก็ไม่อยากโกหกอะไร ดังนั้นเขาจึงตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ดีล่ะ ในเมื่อมู่เฉินมีทักษะเพิ่มขึ้น ก็มีโอกาสในการแข่งขันนักรบทวีปมากขึ้น” ลั่วหลียิ้มบางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
มู่เฉินจ้องมองคนรักอย่างขอบคุณก่อนที่จะดึงคลื่นพลังกลับออกมา จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าเมื่อคลื่นหลิงออกจากเจดีย์ผลึกใสก็เปลี่ยนกลับสู่คลื่นหลิงชนิดเดิมของเขา
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์ มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะอุทานชื่นชม มิน่าล่ะเผ่าฝูถูที่ถึงเป็นหนึ่งในเผ่าโบราณแห่งมหาพันภพได้ วิธีการลึกซึ้งเช่นนี้น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
“อีกสิบวันก็จะถึงการเข้าร่วมการประลอง อีกสองสามวันเราก็จะเดินทางไปยังตำหนักซีเทียน” ลั่วหลียิ้มให้กับมู่เฉิน
เมื่อได้ยินคำพูดของนางหัวใจของมู่เฉินก็สั่นไหว “เจ้าจะเข้าร่วมด้วยเหรอ?”
ลั่วหลีหัวเราะเบาๆ “ตระกูลลั่วเสินอยู่ในทวีปซีเทียนนานยิ่งกว่าตำหนักซีเทียนอีกนะ ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติเข้าร่วมเป็นธรรมดา แต่ว่าข้าไม่ใช่คนโหดอะไรเหมือนเจ้า ดังนั้นข้าเข้าร่วมในสนามรบตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น”
มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ แม้ว่าลั่วหลีเพิ่งบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่นางมีร่างเทพวารีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ นางต้องเป็นคู่แข่งที่ทรงพลังสำหรับผู้ที่อยู่ในสนามรบเดียวกันแน่นอน
“ในเมื่อเป็นแบบนี้…”
มู่เฉินยิ้มให้ลั่วหลี “เราสองคนก็รับสิทธิ์นักรบทวีปทั้งสองตำแหน่งไปเลย ในเมื่อจักรพรรดิสัประยุทธ์ทำให้เราไม่มีความสุข เราก็จะทำแบบเดียวนี้กับเขาด้วย!”
“ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว” ลั่วหลีพยักหน้าขณะหัวเราะ
ลั่วเทียนเสินและลั่วเทียนหลงมองคู่รักที่มีความมั่นใจก็แลกเปลี่ยนสายตาพลางส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น ดูเหมือนว่าทั้งสองจะไปสร้างความโกลาหลในศึกนักรบทวีปของทวีปซีเทียนครั้งนี้แล้ว