หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1237
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1237 แปดสิบล้านต่อหมัด
เสียงของมู่เฉินดังก้อง
ทั้งอาคารก็เงียบกริบขณะสายตาอึ้งทึ่งมากมายจ้องไปที่เขา
ไม่มีใครคิดว่าชายหนุ่มที่ดูอ่อนโยนคนนี้จะกล้าพูดไม่ไว้หน้าสงป้าออกมา
นั่นเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายนะ!
นอกจากนี้สงป้ายังมีชื่อเสียงในทวีปซีเทียน ซึ่งรู้จักกันในฉายาราชาหมี เขาเป็นคนโหดเหี้ยมและเผด็จการมาก มีข่าวลือว่าเขาได้ฉีกร่างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสองคนให้กลายเป็นแอ่งเลือดเมื่อในอดีต
แต่ถึงกระนั้นมู่เฉินยังกล้าสร้างความอับอายให้เขา
คำอุทานมากมายดังก้องอยู่ในอาคาร ดวงตาของสงป้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอัดด้วยไอสังหาร ขณะที่เขาจ้องมองมู่เฉินก็แสยะฟันขาวออกมา “ไอ้หนู กล้าพูดแบบนี้กับข้าคิดหาที่ตายรึ?”
เผชิญหน้ากับสงป้าที่โกรธแค้น มู่เฉินก็ยังคงยิ้มเฉยเมย “ข้าเป็นประมุขตำหนักมู่ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า เจ้าเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ข้าพูดแบบนี้ด้วยแล้วจะทำไม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ทุกคนก็อึ้งไปก่อนจะจำได้ว่ามู่เฉินไม่เพียงแต่เป็นประมุขสำนักเท่านั้น เขายังมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา การรวมตัวเช่นนี้เทียบเท่ากับขั้วอำนาจชั้นยอดในทวีปซีเทียนเลยทีเดียว
ด้วยภูมิหลังสนับสนุนเช่นนี้ เขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับสงป้า
สงป้าหวนนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะเค้นเสียงเย็น “แล้วไง? แกคิดจะร้องแรกแหกกระเฌอให้ทุกคนช่วยรุมข้าไง? มาดูกันว่าตำหนักซีเทียนจะยอมให้เจ้าทำเช่นนั้นไหม!”
แม้ว่าจะพูดอย่างเกี้ยวกราด ทุกคนก็สามารถบอกได้ว่าน้ำเสียงของเขาไม่ได้บีบคั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“เชอะ แม้ว่าแกจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่แกจะให้นางเข้าไปที่สมรภูมิแทนรึไง?” เสี่ยหลิงจื่อช่วยสงป้าสาดโคลนทันที
ทันใดนั้นดวงตาของสงป้าก็เป็นประกายขณะยิ้ม “ใช่สิ แกมันฉลาดแกมโกงจริงๆ ข้าแค่มีข้อกังขากับคุณสมบัติของแกที่จะเข้าร่วมสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผู้ใต้บังคับบัญชาเลย”
“ข้าว่าแกคงกลัวจนบ้าไปแล้ว ถึงได้หาข้ออ้างแบบนี้ หากมีความสามารถพอก็รับกำปั้นข้าสักครั้ง หากรับได้ไม่เพียงแต่ข้าจะขอโทษเท่านั้น นอกจากนี้ยังไม่สร้างเรื่องยุ่งยากให้ในอนาคตอีกด้วย… แต่หากไม่ก็ส่งสิทธิ์ของแกมา จะได้ไม่ต้องไปตายในสมรภูมิ” สงป้ายิ้มกว้าง แม้ว่าเขาจะมีร่างกำยำ แต่ในสมองก็ไม่ได้มีแค่กล้ามเนื้อจึงเอ่ยกล่าวออกมาโดยไม่หวังดี
เขามีวัตถุประสงค์ชัดเจนก็คือสิทธิ์ของมู่เฉิน นั่นเพราะการตัดสินจากทัศนคติที่ไม่พึงพอใจของจักรพรรดิสัประยุทธ์ที่มีต่อมู่เฉิน ถ้าเขาแย่งสิทธิ์ของมู่เฉินมาได้ จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็จะต้องยอมรับในสิ่งนี้ ต่อให้เขาไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าร่วมในตอนแรก มิหนำซ้ำอาจจะยังชื่นชมเขาอีกด้วย
เขาพิจารณาเรื่องนี้มานานแล้ว นั่นคือเหตุผลที่เขาร่วมมือกับเสี่ยหลิงจื่อเพื่อมาหาเรื่องมู่เฉิน
“ไอ้หนู แกกล้าไหม?”
สงป้ามองมู่เฉินพลางตะแบงเสียง
เสียงสะท้อนก้องในอาคาร มีหลายคนที่สนับสนุนความคิดสงป้า ถึงยังไงมู่เฉินก็เป็นคนนอก ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ของสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายรู้สึกอับอายใจที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสามารถเข้าร่วมกับพวกเขาได้
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกมีความสุขที่จะได้เห็นมู่เฉินเสียสิทธิ์นี้ไป
เมื่อลั่วเทียนเสินและลั่วหลีรู้สึกถึงความคิดของคนอื่น ทั้งสองก็ขมวดคิ้ว พวกเขาประเมินการไม่ต้อนรับมู่เฉินของทวีปซีเทียนต่ำเกินไป
ทั้งหมดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเพราะจักรพรรดิสัประยุทธ์
มู่เฉินคงไม่มีความสงบสุขตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจกับสงป้า แต่ก็ต้องมีบางคนที่มีความคิดคล้ายกันมาหาเรื่องเขาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลต่อพลังงานของเขา
มู่เฉินสัมผัสกับสิ่งนี้ได้เช่นกัน เขาจึงหรี่ตาลงจ้องมองสงป้าพลางตอบด้วยเสียงสงบ “เจ้าจะวัดกำปั้นกับข้าเหรอ?”
พอได้ยินคำตอบที่เหมือนจะมีแววรับคำท้า ดวงตาของสงป้าก็วูบไหวด้วยความดีใจ “เจ้าตอบตกลงเรอะ?”
มู่เฉินยิ้ม “เจ้าคำนวณเข้าข้างตัวเองไปไหม ถ้าข้าแพ้ก็ต้องส่งสิทธิ์ แต่เจ้ากลับแค่ขอโทษเท่านั้น คำขอโทษของเจ้ามีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
สงป้าขมวดคิ้ว “แล้วเจ้าต้องการอะไร?”
มู่เฉินยักคิ้วยิ้ม “ข้าจะยอมรับเงื่อนไขของเจ้าก็ได้ แต่ในราคา…ของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านต่อหนึ่งหมัด”
หนังตาสงป้ากระตุกไม่หยุดพลางคำราม “ของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านต่อหนึ่งหมัด? แกคุ้มกับราคานี่เรอะ?!”
หลายคนกลั้นเสียงหัวเราะ นี่เป็นราคาที่สามารถซื้ออาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำได้เลย ราคาที่มู่เฉินเสนอเอาเรื่องน่าดู
“ข้าไม่คุ้มหรอก แต่สิทธิ์เข้าร่วมศึกนักรบทวีปคุ้มกับราคานี้” มู่เฉินยิ้ม อึดใจสายตาก็เย็นเยือกลง “ถ้าเจ้าไม่สามารถจ่ายได้ราคานี้ ก็ไสหัวไป หยุดสร้างความอายให้ตัวเองซะ!”
ดวงตาของสงป้าเปลี่ยนเป็นแดงฉาน รัศมีร้ายกาจปกคลุมรอบตัว ของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยดไม่ใช่ปริมาณเล็กน้อย กำลังทรัพย์ของเขาก็ไม่ได้ดีนัก ทำให้ไม่สามารถจ่ายได้ในเวลานี้
สงป้ามองเสี่ยหลิงจื่อก็สังเกตเห็นท่าทางอึดอัดใจของอีกฝ่าย ตระกูลเสี่ยเสินจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อจัดการตระกูลลั่วเสิน ดังนั้นแม้ว่าเขาจะพอจ่ายของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยดได้ แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะใช้กับสงป้า เรื่องนี้สิ้นเปลืองเกินไป มิหนำซ้ำเสี่ยหลิงจื่อก็มีประสบการณ์ตรงกับความแปลกประหลาดของมู่เฉิน ในเมื่อมู่เฉินกล้าที่จะรับการท้าทาย ดังนั้นเสี่ยหลิงจื่อก็ต้องระมัดระวังเพื่อที่จะไม่ต้องเสียของเหลวจื้อจุนไปโดยเปล่าประโยชน์
พอเห็นท่าทางอึกอักของเสี่ยหลิงจื่อ สงป้าก็รู้สึกโกรธมาก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาไม่คิดว่าตนเองจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้จากการตอกกลับของมู่เฉิน
เมื่อเห็นท่าทางอับอายของสงป้า มู่เฉินก็ยิ้มบาง เหตุผลที่เขาเรียกราคาสูงเช่นนั้นก็เพื่อทำให้เกิดปัญหากับสงป้าพร้อมกับสร้างกำแพงรอบตัวในเวลาเดียวกัน เขาต้องการให้คนอื่นรู้ว่าถ้าพวกเขาตั้งใจจะมาชิงสิทธิ์จากเขาจริงๆ ละก็ พวกเขาจำเป็นต้องเตรียมพร้อมที่จะจ่ายของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยด มิฉะนั้นถ้ามีคนมาท้าไม่หยุด แม้แต่จอมยุทธ์ไร้เทียมทานก็คงเอาไม่อยู่
ทุกคนรู้สึกผิดหวังกับท่าทางของสงป้า เนื่องจากตอนแรกพวกเขาต้องการใช้สงป้าเพื่อทดสอบมู่เฉิน แต่ดูเหมือนตอนนี้สงป้าจะไม่สามารถทำตามความคาดหวังของพวกเขาได้
“ฮ่าๆ ของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยดใช่ไหม? เรียกราคาสูงจริงๆ เลย แต่ช่างเถอะ ข้าจะจ่ายให้เอง”
ทว่าขณะที่ทุกคนคิดว่าเรื่องจะจบลงเท่านี้ เสียงหัวเราะเร้าใจก็ดังขึ้น สายตาทุกคนยกขึ้นไปบนชั้นสาม เงาร่างอรชรเดินออกมาเบื้องหหน้าครรลองสายตาทุกคน
“เทพจอมยุทธ์สี่—หลิงเฟยจื่อ!”
“ทำไมนางถึงมายุ่งเรื่องนี้”
“ฮ่าๆ หลิงเฟยจื่อเล็งเป้ามาที่ลั่วหลีแน่ คึๆ การแข่งขันของอิสตรี บางครั้งโหดยิ่งกว่าบุรุษซะอีก”
“…”
พร้อมกับการปรากฏตัวของร่างทรงเสน่ห์ เสียงกระซิบก็กระจายไปในอาคาร
หลิงเฟยจื่อจ้องมองไปที่ลั่วหลีขณะที่ปรากฏตัว เมื่อรู้สึกถึงแววตาท้าทายลั่วหลีก็เงยหน้าขึ้น ประกายไฟแล่นแปลบปลาบจากการจ้องมองของพวกนาง
เมื่อเห็นท่าทางของหญิงทั้งสอง ทุกคนก็รู้ซึ้งทันทีว่าการแข่งขันของจอมยุทธ์หญิงยอดนิยมทั้งสองในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นได้เริ่มขึ้นแล้ว
หลิงเฟยจื่อโบกมือ ขวดหยกก็บินไปหาสงป้า ก่อนที่นางจะหัวเราะเสียงพลิ้ว “นี่คือของเหลวแปดสิบล้านหยด หวังว่าราชาหมีจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังใช่ไหม?”
สงป้าคว้าขวดด้วยความปีติยินดีบนใบหน้าจากนั้นก็หัวเราะ “แม่นางหลิงเฟยจื่อโปรดวางใจ ข้าจะทำให้มันซึ้งจนกระอักที่เข้ามาในทวีปซีเทียนของเรา!”
หลิงเฟยจื่อหัวเราะ ของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยดไม่ใช่ปริมาณเล็กน้อยสำหรับนางเช่นกัน แต่ถ้านางสามารถใช้เพื่อกำจัดมู่เฉินได้ นางก็จะได้ช่วยองค์จักรพรรดิของนางระบายความโกรธที่มี มิหนำซ้ำยังสามารถทำให้ลั่วหลีอับอาย ดังนั้นถือว่าคุ้มค่าสำหรับนางนัก
นางยิ้มมองไปที่ลั่วหลี ทว่าความสงบที่อีกฝ่ายแสดงออกทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจก่อนที่จะเค้นเสียงเยาะเย้ย นางจะรอดูว่าลั่วหลีจะรักษาหน้ายังไงหลังจากที่มู่เฉินแพ้!
สงป้าคว้าขวดหยกมองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ไอ้หนูมาดูสิว่าแกจะหาข้อแก้ตัวครั้งนี้ได้อย่างไร!”
ในความคิดของเขา มู่เฉินแค่พยายามทำให้เรื่องต่างๆ ยุ่งยากไปเท่านั้น
มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะมองหลิงเฟยจื่อ ด้วยสายตาเฉียบแหลมเขาสามารถบอกได้ว่าหลิงเฟยจื่อตั้งใจมาหาเรื่องลั่วหลีโดยเฉพาะ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ไม่มีเหตุผลที่ถอยแล้ว
ดังนั้นภายใต้สายตาจอมยุทธ์มากมาย มู่เฉินก็ก้าวออกมายื่นมือท้าทายสงป้า สิ่งที่พูดออกมาทำให้ผู้คนตกตะลึงไปอีกครั้ง
“ในเมื่อมีคนรวยขนาดนี้… ข้าจะยืนอยู่ที่นี่ รับกำปั้นโดยไม่หลบเลย”