หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1395
แสงกระจายออกไปบนท้องฟ้า
ภาพเงาอ่อนเยาว์ยืนอหังการพร้อมกับเสื้อผ้าโบกสะบัดไปในสายลมขณะที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงคล้ายกับหยก ดวงตาของเขาราวกับดวงดาวที่สามารถดึงดูดให้ผู้คนจมอยู่ภายใน
ไป๋ซู่ซู่และจอมยุทธ์มังกรขาวอดไม่ได้ที่จะจ้องมองภาพเงานั้น พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างที่แตกต่างเกี่ยวกับมู่เฉิน
ในอดีตคลื่นหลิงของมู่เฉินไร้ขอบเขต แม้ว่าจะไม่ได้หมุนเวียน แต่ก็ยังคงปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวออกมา
แต่มู่เฉินคนนี้ไม่มีความกดดันนั้นอีกต่อไป เขายืนอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับรอยยิ้ม หากทำการสัมผัสก็รู้สึกได้ราวกับว่าเขาไม่มีริ้วพลังงานหลิงอีกต่อไปแล้ว
นอกจากนี้แม้พวกเขาจะเห็นมู่เฉินยืนอยู่ที่นั่น แต่ในเรื่องรัศมีไป๋ซู่ซู่และคนอื่นๆ ก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของเขา
ดังนั้นต่อให้พวกเขาพยายามเปิดการโจมตี การโจมตีก็อาจแตะไม่ได้กระทั่งมุมเสื้อผ้าของมู่เฉิน…
ไป๋ซู่ซู่และจอมยุทธ์มังกรขาวมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่ามู่เฉินได้สูญเสียคลื่นหลิงทั้งหมดไป ดังนั้นจึงมีเพียงคำอธิบายเดียวว่าทำไมพวกเขาถึงไม่รู้สึกถึงการปรากฏตัวของเขา ซึ่งก็คือช่องว่างระหว่างพวกเขาและมู่เฉินมาถึงระดับที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้!
และเหตุผลหนึ่งเดียวคือ…มู่เฉินก้าวผ่านภัยพิบัติเทียนจุนเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้สำเร็จ!
“ท่านเทพ…ประสบความสำเร็จจริงหรือเนี่ย?”
ไป๋ซู่ซู่พึมพำด้วยความตกตะลึงในดวงตา แม้ว่านางจะไม่คุ้นเคยกับระดับเทียนจื้อจุน แต่นางก็สามารถอนุมานได้จากช่องว่างระหว่างผู้บัญชาการปีศาจโลหิตและจอมปีศาจโลหิต
เหตุผลที่นางเชื่อมั่นในตัวมู่เฉินมาตลอดก็เนื่องจากไม่มีทางเลือกอีกแล้ว มู่เฉินเป็นความหวังสุดท้ายและนางก็ยึดมั่นกับความหวังอย่างแน่นหนา เพื่อที่ตนเองจะไม่แหลกสลาย บังคับตัวเองให้คิดว่ามู่เฉินสามารถช่วยพวกนางจากทุกข์ระทมนี้ได้
ทว่าตามความคิดจริงนางไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้… ดังนั้นเมื่อนางเห็นมู่เฉินในตอนนี้ นางถึงได้รู้สึกตกตะลึงอย่างไม่อาจจินตนาการได้
“อัจฉริยะแท้จริง…” จอมยุทธ์มังกรขาวถอนหายใจลึกๆ ในฐานะคนที่เข้าใจมหาพันภพ เขารู้ว่าความสำเร็จของมู่เฉินน่าตกใจเพียงใด อัจฉริยภาพของชายหนุ่มประหนึ่งสิ่งที่ได้รับพรจากสวรรค์เลยทีเดียว
ขณะเดียวกันเขาก็ชื่นชมยินดีในใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่สร้างไว้ในตอนนั้นจะทำให้ความปรารถนาของเขาสมหวังในตอนนี้…
ขณะที่ไป๋ซู่ซู่และคนอื่นๆ ตกตะลึงกับความสำเร็จของมู่เฉิน ใบหน้าของจอมปีศาจโลหิตก็ดูเคร่งขรึมท่าทางเยาะเย้ยหายไปสิ้นเชิง
การปรากฏตัวของมู่เฉินครั้งนี้ จอมปีศาจโลหิตรู้ว่าข้อได้เปรียบของตนอันตรธานหายไปแล้ว
“บ้าเอ๊ย! ถ้ารู้แต่แรก ข้าก็ไม่ยั้งมือไว้แล้ว!”
จอมปีศาจโลหิตรู้สึกเสียใจในใจ แม้ว่าก่อนหน้าเขาจะไม่ได้ยั้งพลัง แต่เขาก็ไม่ได้ใช้ทักษะทั้งหมดที่มี มิฉะนั้นต่อให้มู่เฉินจะเก่งกาจขนาดไหนก็ไม่สามารถได้เปรียบใดๆ แน่
ไม่ต้องพูดถึงการดักจับเขาและสร้างความก้าวหน้าเลย
“สายไปแล้วที่จะเสียใจตอนนี้” มู่เฉินยิ้ม จากสีหน้ามืดครึ้มของอีกฝ่ายเขาก็รู้ว่าจอมปีศาจโลหิตกำลังคิดอะไรอยู่ในใจตอนนี้
ดวงตาของจอมปีศาจโลหิตกระตุก ก่อนที่จะหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์จากนั้นก็ตอบว่า “ต่อให้เจ้าบรรลุระดับเทียนจื้อจุน แต่ก็ใช่ว่าเอาชนะข้าได้!
“แต่ตอนนี้แกมีคุณสมบัติพอที่จะคุยกับข้าในระดับเดียวกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเจ้าตกลง ข้าจะนำคนออกไปจากโลกนี้”
มู่เฉินยิ้ม “ไม่สายไปเหรอที่คิดจะไปตอนนี้?”
ขณะที่พูดเขาก็ยกเปลือกตาขึ้นพร้อมกับความเย็นชาวูบไหวในดวงตา “นอกจากนี้แกคิดจะเปิดตูดทั้งที่ก่อหายนะมากมายในโลกนี้นะเหรอ?”
สายตาของจอมปีศาจโลหิตวูบไหวขณะที่มองมู่เฉินอย่างอาฆาต “ข้าแค่ไม่ต้องการสู้กับเจ้าจนถึงจุดที่ไม่มีใครชนะ นั่นคือเหตุผลที่ข้าเสนอที่จะถอย เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึไง!”
เมื่อมองไปที่จอมปีศาจโลหิตมู่เฉินก็ยิ้มบาง จากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือเดียว มิติผันผวน ร่างรองสองร่างปรากฏขึ้น
“งั้นก็ชี้แนะข้าด้วย”
มู่เฉินทั้งสามมองไปที่จอมปีศาจโลหิตอย่างไม่แยแส มิติรอบตัวผันผวน ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน
จอมยุทธ์มังกรขาวและไป๋ซู่ซู่กลืนน้ำลายก่อนที่จะสูดเอาอากาศเย็นเข้าไปในปอด พูดด้วยความตะลึงลาน “ช่างเป็นทักษะเทพที่น่ากลัวจริงๆ!”
แม้ก่อนหน้านี้วิชาสามพิสุทธิ์ของมู่เฉินจะทรงพลังเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตะลึงสักเท่าไร ทว่าเมื่อเขาก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนแล้ว ก็สร้างความตกตะลึงเมื่อเขาแสดงออกมา
นั่นเป็นเพราะนี่เทียบเท่ากับสามจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน!
กระทั่งจอมปีศาจโลหิตยังอดไม่ได้ที่จะมีริ้วความกลัวในดวงตา ตอนแรกเขาคิดว่าร่างดวงจิตของมู่เฉินสามารถเข้าถึงระดับตี้จื้อจุนได้เท่านั้น ดังนั้นฉากนี้จึงทำให้เขาตกใจมาก
ถ้าเขาต่อสู้ก็ต้องเผชิญหน้ากับสามจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน!
ไม่ต้องคิดให้เหนื่อย เขารู้ว่าตนเองจะแพ้การต่อสู้ครั้งนี้แน่นอน
ฟิ้ว!
ดังนั้นเขาจึงโบกมือ มหาสมุทรเลือดเชี่ยวกรากกวาดไปทางมู่เฉิน ก่อนที่เขาจะกลายเป็นริ้วแสงถอยกรูดกลับไป
ท่าทางตั้งใจจะหนีโดยไม่สู้เลย
มู่เฉินยิ้มมองไปที่จอมปีศาจโลหิตที่ถอยกลับโดยไม่ลังเลใดๆ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาแล้วทำท่ากำมือไปทางมหาสมุทรเลือด รัศมีระเบิดออกมิติฉีกขาดจากกันกลืนกินมหาสมุทรเชี่ยวกรากเข้าไป
ในเวลาเดียวกันเขาก็ยื่นมืออีกข้างไปทางจอมปีศาจโลหิต
ปัง!
สวรรค์และโลกแตกสลาย ก่อตัวเป็นหลุมดำนับไม่ถ้วนพร้อมกับเศษมิติก่อร่างเป็นมือขนาดใหญ่คว้าร่างจอมปีศาจโลหิตไว้
ตู้ม!
แสงสีแดงเข้มที่ไม่มีที่สิ้นสุดพวยพุ่ง อึดใจถัดมาร่างปีศาจขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นทำลายมือนั้นก่อนที่จะหนีไป
วาบ!
ทว่าจังหวะนั้นมู่เฉินชุดขาวก็ปรากฏอยู่ด้านบนและชี้กดนิ้วลงมา
ชี่!
พายุสร้างความหายนะระหว่างสวรรค์และโลก ก่อนจะก่อตัวเป็นเสายักษ์พุ่งเข้าหาร่างปีศาจ
เผชิญหน้าแบบนี้ ร่างปีศาจสีแดงเข้มก็เหวี่ยงหมัดออกปะทะกับเสา
ปัง!
แต่ทันทีที่สัมผัส เสาก็สลายไปกลายเป็นสายลมคมกริบนับไม่ถ้วนทิ้งบาดแผลไว้บนร่างปีศาจสีแดงเข้ม เสียงโหยหวนร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นออกมา
ตอนนี้มู่เฉินบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้ว การโจมตีของเขาน่ากลัวกว่าเมื่อก่อนที่ต้องทุ่มสุดกำลัง ดังนั้นจอมปีศาจโลหิตจึงไม่สามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว
วาบ!
เมื่อร่างปีศาจสีแดงเข้มถูกขัดขวางไว้โดยมู่เฉินชุดขาว มิติก็ผันผวน มู่เฉินชุดดำปรากฏตัวต่อหน้าร่างปีศาจ สาดสายตาไม่แยแส ทั่วร่างเปล่งรัศมีแสงออกมาราวกับผลึกแก้วใส ประหนึ่งว่าร่างกายของเขากลายเป็นหยกขาว
นี่คือพลังกายภาพระดับเทียนจื้อจุนที่แท้จริง ขณะที่เปิดใช้เขาก็สามารถควบคุมพลังงานที่ไร้ขอบเขตระหว่างสวรรค์และโลก ทำให้พื้นฟ้าแตกเป็นเสี่ยงๆ พื้นดินพังทลายลงด้วยการเคลื่อนไหวง่ายๆ
มู่เฉินชุดดำใช้พลังกายภาพระดับเทียนจื้อจุนฟาดฝ่ามือออกไป แม้ว่าจะดูเบาและไร้พลัง แต่เมื่อปรากฏก็เหมือนละออกจากมิติ กระแทกลงบนหน้าอกของร่างปีศาจสีแดงเข้มทันที
ตู้ม!
สวรรค์และโลกโยกคลอนจากกระบวนท่านี้ ก่อนที่ทุกคนจะได้เห็นร่างปีศาจสีแดงเข้มราวกับโดนผลกระทบครั้งใหญ่ ร่างกระเด็นออกไป ท่ามกลางเสียงโหยหวน ร่างก็แตกสลาย
อ็อก
เมื่อเกิดการแตก ร่างหนึ่งก็กระเด็นออกมาพร้อมกับกระอักเลือดเต็มปาก นี่ก็คือจอมปีศาจโลหิตนั่นเอง
จากการแลกกระบวนท่าสั้นๆ จอมปีศาจโลหิตตกอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบโดยไม่เหลือความสามารถในการต่อต้าน
ภาพเงาทั้งสามพลิ้วตัวมาจากท้องฟ้า ปิดล้อมสามทิศทางรอบตัวอีกฝ่าย พวกเขากวาดสายตาไม่แยแสออกไป ทำให้จอมปีศาจโลหิตรู้สึกถึงไปหนาวเยือกห่อหุ้มร่างกาย
เมื่อมองไปที่แววตาของมู่เฉินที่เต็มไปด้วยไอสังหาร จอมปีศาจโลหิตก็รู้ว่ามู่เฉินไม่มีทางปล่อยเขาไปในวันนี้แน่นอน ดังนั้นสายตาเขาจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างดุร้าย
“แกคิดว่าตัวเองชนะแล้วหรือ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุร้ายขณะมองมู่เฉินอย่างเย็นชา
มู่เฉินหรี่ตาลง แสงหลิงรวมตัวกันที่ปลายนิ้ว ไม่คิดที่จะเสวนาอีก เตรียมปิดฉากการต่อสู้ให้เร็วที่สุด
ฟิ้ว!
แต่ทันใดนั้นจอมปีศาจโลหิตก็กัดลิ้นตัวเอง เลือดกลั่นทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้ากลายเป็นอักขระสีแดงเข้ม ก่อนที่จะระเบิดสร้างช่องมิติ…
“อักขระปีศาจ ปีศาจยาตรา!”
พร้อมกับน้ำเสียง ช่องมืดลงราวกับว่าเป็นเส้นทางที่ไม่รู้เชื่อมไปที่ใด มีรัศมีร้ายกาจแผ่ออกมาจากภายใน
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ ดวงตาก็หดเกร็ง
ความรู้สึกนี้…ปลายทางของเส้นทางคือจักรวรรดิปีศาจ!