หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1398
รัศมีศพลอยอ้อยอิ่งในโลกมืดมิด
ทันใดนั้นร่างเงาปีศาจบนบัลลังก์ก็สั่นสะท้าน ดวงตาเบิกโพลงด้วยความโกรธ
“ไอ้เทพจักรพรรดิสงคราม!”
เขาร้องโหยหวนก่อนที่รัศมีศพไม่มีที่สิ้นสุดจะแผ่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ทำให้สิ่งมีชีวิตสั่นสะท้านภายใต้ความกลัว
ความโกรธเกิดขึ้นยาวนาน ก่อนที่จอมปีศาจเทียนเฮยซือจะค่อยๆ สงบลง เขามองไปที่มือซ้ายซึ่งตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่ตอ
รัศมีศพพรั่งพรูออกมา กลายเป็นมือใหม่สีดำ แต่ใบหน้าของจอมปีศาจเทียนเฮยซือกลับไม่น่าดู เขาปรับแต่งร่างกายมาทุกตารางนิ้วผ่านช่วงเวลานับไม่ถ้วน ดังนั้นแม้ว่าเขาจะสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่พลังก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิม
สิ่งนี้จะสร้างข้อบกพร่องให้กับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ในอนาคตเมื่อเขาต่อสู้มือซ้ายก็จะเป็นจุดอ่อน…
จอมปีศาจเทียนเฮยซือกำมือด้วยสีหน้าเย็นเยือก จากนั้นก็มองไปในมิติห่างไกล ราวกับว่าเห็นผ่านมิติ สายตาจับจ้องไปที่ทิศทางของเทพจักรพรรดิสงครามเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะละสายตาออกมา
“เทพจักรพรรดิสงคราม…น่าเกรงขามแท้จริง”
หลังจากหายหัวร้อนแล้ว ความกลัวหนาแน่นก็ปรากฏขึ้นในดวงตาจอมปีศาจเทียนเฮยซือ แม้ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าสั้นๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าถูกคุกคามโดยเทพจักรพรรดิสงคราม
“เทพจักรพรรดิสงครามประจำการที่ชายแดนระหว่างมหาพันภพและจักรวรรดิปีศาจ จอมปีศาจระดับเทียนมากมายต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้เงื้อมมือของมัน ในอดีตข้ายังไม่ค่อยเชื่อ แต่ตอนนี้ข้ารู้ซึ้งแล้วว่ามันน่าเกรงขามขนาดไหน”
“เทพจักรพรรดิสงครามน่าจะเป็นชนชั้นนำของมหาพันภพ ซึ่งมีเพียงไม่กี่คน… แต่ตามข่าวลือเทพจักรพรรดิอัคคีแคว้นหวู่จิ้งฮั่วก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากัน จากข้อมูล…ศักยภาพของพวกเขาอาจเทียบได้กับเทพจักรพรรดินิรันดร์ในมหาพันภพยุคโบราณ”
จอมปีศาจเทียนเฮยซือหรี่ตา หากเป็นเช่นนั้นทั้งสองคนก็คือศัตรูตัวฉกาจของจักรวรรดิปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย ในอนาคตถ้าสงครามอุบัติขึ้น พวกเขาก็จะเป็นผู้ขัดขวางเส้นทางของเผ่าปีศาจต่างๆ แน่นอน
“แต่โชคดีที่พลังทั้งหมดของเผ่าปีศาจน้อยใหญ่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามหาพันภพ ยิ่งกว่านั้น…” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ แววเยาะเย้ยเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าจอมปีศาจเทียนเฮยซือ
“จักรวรรดิปีศาจวางแผนมานานหลายหมื่นปี ช่วงเวลาที่เราประสบความสำเร็จ… แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถขัดขวางพวกข้าได้”
“หึ ตอนนี้ปล่อยให้พวกแกมีความสุขไปก่อน เมื่อแผนการของพวกข้าเสร็จสมบูรณ์ ข้าจะไปหาแกคิดทั้งต้นและดอกให้มือของข้าอย่างแน่นอน!”
จอมปีศาจเทียนเฮยซือตะเบ็งเสียงพลางโบกมือ รัศมีศพไม่มีที่สิ้นสุดแผ่กระจายไป ก่อนที่จะค่อยๆ ห่อหุ้มร่างเขาอันตรธานหายไป
ในพิภพเขตล่าง
มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อเห็นผลของการต่อสู้ ความเคารพนับถือวาบขึ้นในดวงตา แม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ความแตกต่างในด้านพลังของพวกเขาก็เผยให้เห็นทันทีที่ต่อสู้ แม้ว่าจอมปีศาจเทียนเฮยซือจะเทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แต่ก็ยังอ่อนกว่ากับหลินต้ง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนที่เขาโหยหา แต่เขาก็รู้ว่ายังมีหนทางข้างหน้าอีกยาวไกล…
“สมกับเป็นท่านเทพจักรพรรดิสงครามในตำนานจริงๆ”
จอมยุทธ์มังกรขาวฟื้นจากอาการตกตะลึง ร่างกายถึงกับสั่นสะท้าน
มู่เฉินยิ้มก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขามองไปที่จอมปีศาจโลหิตอย่างไม่แยแส “มีไพ่ตายอะไรอีกไหม?”
จอมปีศาจโลหิตตัวสั่นสะท้าน ก่อนจะถอยหนีจ้าละหวั่น ร่างเขากลายเป็นลำแสงสีแดงเข้มพยายามที่จะหลบหนีไป เขาหมดกำลังใจที่จะต่อสู้แล้ว เขาไม่มีความหวังที่จะรักษาเผ่าพันธุ์ตนเองไว้ต่อไป ตอนนี้เขาหวังแค่ว่าจะพาชีวิตน้อยๆ ของตัวเองรอดไปได้
“ต้องการความช่วยเหลือไหม?”
เสียงสง่างามดังขึ้นก่อนที่แสงจะพลิ้วลงมาข้างมู่เฉิน นี่ก็คือหลินต้งนั่นเอง
“สำหรับไอ้ตัวนั้น ไม่ต้องรบกวนผู้อาวุโสหรอก ข้าจัดการมันเองได้ขอรับ”
ขณะที่พูดร่างรองของเขาก็ทะยานขึ้นไล่ล่าจอมปีศาจโลหิตไป
“วิชาสามพิสุทธิ์ สมกับเป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่า…ดูเหมือนว่าเจ้าจะฝึกฝนจนสำเร็จแล้ว” หลินต้งมองไปที่ร่างรองของมู่เฉินพลางพยักหน้าชื่นชม
“ข้าแค่สืบทอดวิชามาเท่านั้น เป็นเพียงโชคดี” มู่เฉินส่ายหัวไม่ได้อิ่มเอมใจอะไร
“ทำไมต้องถ่อมตัว… แม้แต่ในมหาพันภพนี่ก็น่าตกใจที่เจ้าบรรลุระดับเทียนจื้อจุนตั้งแต่อายุเท่านี้” หลินต้งยิ้มมองไปที่มู่เฉินด้วยความชื่นชม ครั้งก่อนที่เขาได้พบกับมู่เฉิน อีกฝ่ายยังไม่ได้ก้าวเข้าไปในระดับตี้จื้อจุนเลย แต่เวลาไม่ถึงสิบปีมู่เฉินกลับก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนแล้ว
ความเร็วและความสามารถในการฝึกฝนของเขาถือว่าไม่ธรรมดา
มู่เฉินเกาหัวแกรกกรากแก้เก้อจากคำชมของหลินต้ง เขาได้รับการฝึกฝนในมิติพิเศษซึ่งทำให้เวลาช้าลง ดังนั้นแม้ว่าเขาจะบรรลุเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนก็เหมือนใช้เวลาเพียงครึ่งวัน แต่เขากลับมีประสบการณ์หลายร้อยปีในมิตินั้น …
“นี่ถ้ายัยหนูน้อยของข้าสามารถทำงานหนักได้สักครึ่งหนึ่งของเจ้าในการเพาะบ่มขุมพลังของนาง ข้าคงต้องตั้งโต๊ะกราบไหว้เพื่อขอบคุณสวรรค์” เมื่อคิดถึงลูกสาวแม้แต่ตำนานวีรบุรุษอย่างหลินต้งก็ยังรู้สึกปวดหัว
เมื่อนึกถึงนิสัยของหลินจิ้ง ซึ่งมักจะหนีออกจากบ้านตามที่ใจต้องการ แม้แต่มู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ถ้าหลินจิ้งรู้ว่าเขานินทานางต่อหน้าบิดาของนางละก็ งานนี้นางบุกมาจัดการเขาแน่นอน
แต่โชคดีที่หลินต้งไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ เขากวาดมองพิภพเขตล่างจากนั้นก็ยิ้ม “ไม่คิดว่าที่นี่จะมีดวงจิตแห่งพิภพ เจ้าโชคดีจริงๆ”
เขาบอกได้ว่ามู่เฉินคือเจ้าพิภพนี้และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้ เขายืมพลังงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ดวงจิตแห่งพิภพในพิภพเขตล่างหายากมาก แม้แต่ในมหาพันภพกระทั่งเผ่าโบราณยังถูกล่อลวง หากพวกเขาสามารถยืมพลังของดวงจิตแห่งพิภพได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะสามารถสร้างจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้อีกคน
“ผู้อาวุโสก็เป็นเจ้าพิภพด้วยใช่ไหมขอรับ? ข้าสงสัยประโยชน์ของมันคืออะไร…และข้าต้องทำยังไง?” มู่เฉินตกอยู่ในความลังเลและแสวงหาคำแนะนำ แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าพิภพ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่โชคดีที่หลินต้งอยู่ที่นี่ ซึ่งคล้ายกับเจ้าพิภพรุ่นพี่
หลินต้งยิ้ม “มีประโยชน์มากมายในฐานะเจ้าพิภพ ในอนาคตเมื่อเจ้าต่อสู้กับคนอื่น แค่คิดในการเชื่อมต่อกับโลกที่นี่ ก็จะสามารถดึงพลังงานออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นเจ้าจะมีความได้เปรียบโดยธรรมชาติเมื่อต่อสู้กับผู้อื่น”
เมื่อมู่เฉินได้ยินหัวใจก็สั่นสะท้าน หากเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถใช้พิภพนี้เพื่อเติมเต็มคลื่นหลิงทุกครั้งที่ต้องการเมื่อใช้วิชาเจดีย์แปดองค์และกองทัพมังกรดำ ซึ่งช่วยประหยัดปัญหาได้ไม่น้อย
“แต่เจ้าต้องควบคุมให้ดี ที่นี่เป็นเพียงพิภพเขตล่าง ถ้าเจ้าสกัดพลังออกมามากเกินไป โลกใบนี้ก็จะพังทลายลง สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนก็จะพินาศไปด้วย” หลินต้งเตือน
มู่เฉินพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าพิภพนี้แล้ว เขาสามารถชี้เป็นชี้ตายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่นี่ได้อย่างง่ายดาย หากเขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เขาอาจนำความพินาศมาสู่ที่นี่เอง
“ข้าสัญญากับดวงจิตแห่งพิภพว่าจะปกป้องโลกใบนี้ ไม่ยอมให้ถูกรุกรานจากเผ่าปีศาจ แต่ในเมื่อเผ่าเสี่ยเสียสามารถเข้ามาได้ หมายความว่าจักรวรรดิปีศาจมีพิกัดพื้นที่พิเศษ หากไม่จัดการให้ดีก็อาจมีเผ่าอื่นบุกเข้ามาในระนาบนี้อีก” มู่เฉินกล่าว
เมื่อหลินต้งได้ยินคำพูดนั่นก็ตอบว่า “นั่นง่ายมาก ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้าพิภพของพิภพเขตล่างแห่งนี้ เจ้าก็จะมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายมิตินี้ได้โดยธรรมชาติ เพียงแค่ย้ายไปไว้ในที่ปลอดภัย พิกัดพื้นที่ก็จะเปลี่ยนไปเอง”
ดวงตาของมู่เฉินเป็นประกาย หากเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถย้ายพิภพนี้ไปไว้ที่ทวีปเทียนหลัวและคิดวิธีเชื่อมโยงกับมหาพันภพ ในอนาคตจอมยุทธ์ที่สามารถผ่านระนาบมิตินี้ไปได้ก็สามารถเข้าร่วมกับตำหนักมู่ของเขาได้
ผู้ที่สามารถบรรลุสิ่งนี้ได้นั้นเป็นอัจฉริยะโดยธรรมชาติ พวกเขาอาจเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในอนาคตซึ่งขั้วอำนาจน้อยใหญ่ในมหาพันภพโหยหานัก ก็เป็นธรรมดาที่ตำหนักมู่จะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มู่เฉินก็หันไปมองไปที่ไป๋ซู่ซู่และคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะเชื่อมต่อที่นี่กับมหาพันภพในอนาคตเพื่อเพิ่มคุณภาพพลังงานของพิภพนี้ ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถข้ามระนาบมิติของพิภพนี้ไปได้ ตำหนักมู่ของข้ารอต้อนรับพวกเจ้าทุกคนเสมอ”
เมื่อไป๋ซู่ซู่และเหล่าชาวโลกได้ยินเช่นนั้นก็พากันดีใจ พวกเขารู้ชัดเจนว่านี่เป็นโอกาสสำหรับพิภพของพวกเขา ด้วยเจ้าพิภพมู่เฉินพวกเขาก็ไม่ต้องกลัวเผ่าปีศาจน้อยใหญ่ในอนาคต มิหนำซ้ำยังสามารถแสวงหาระดับที่สูงขึ้นในการฝึกฝน
มู่เฉินยิ้มจากนั้นก็เห็นร่างแสงสองร่างพาดผ่านขอบฟ้า พวกเขาก็คือร่างรองของเขานั่นเอง
ไข่มุกสีแดงเข้มลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขา สามารถมองเห็นใบหน้าน่ากลัวของจอมปีศาจโลหิต
เห็นได้ชัดว่าจอมปีศาจโลหิตไม่สามารถหลบหนีร่างรองของเขาได้ ในที่สุดก็ถูกผนึกไว้
มู่เฉินโบกมือ มุกสีแดงถูกเก็บไว้ในเจดีย์เพื่อปราบปราม ก่อนที่เขาจะประสานมือคารวะหลินต้ง “ข้าขอขอบคุณท่านหลินต้งสำหรับความช่วยเหลือในวันนี้”
หลินต้งโบกมือตอบ “การลบล้างปีศาจเป็นหน้าที่ของเราในมหาพันภพ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถสังหารจอมปีศาจเทียนเฮยซือได้ที่นี่”
เหงื่อผุดบนหัวของมู่เฉิน หลินต้งช่างเหี้ยมหาญแท้จริง จอมปีศาจเทียนเฮยซือเป็นนักรบราชันปีศาจชั้นสูง ถ้าเขาถูกฆ่าที่นี่ก็จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของจักรวรรดิปีศาจ
แต่เขารู้ว่าหลินต้งสามารถบรรลุสิ่งนั้นได้ด้วยความสามารถที่มี
“ผู้อาวุโสหากมีสิ่งใดที่ต้องการจากข้าในอนาคตบอกมาได้เลยนะขอรับ” มู่เฉินกล่าวอย่างจริงใจเนื่องจากหลินต้งและเซียวเหยียนมอบของให้กับเขาไว้เพื่อคุ้มครอง พูดแล้วพวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นผู้ปกครองในเส้นทางยุทธ์ของเขา หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากพวกเขา เขาก็ต้องมีความรอบคอบมากขึ้นเมื่อเผชิญกับอันตรายและไม่กล้าห้าวมากเกินไป
ดังนั้นทั้งสองคนนับได้ว่าให้ความช่วยเหลือแก่เขาเป็นอย่างมาก
หลินต้งหัวเราะร่วน เสื้อผ้าโผขึ้นพร้อมกับเสน่ห์ฉายบนใบหน้าสง่างาม “เหตุผลที่เซียวเหยียนและข้าเต็มใจที่จะช่วยเจ้า เป็นเพราะศักยภาพของเจ้า พวกเราหวังว่าจะมีจอมยุทธ์มายึนเคียงข้างเพิ่มขึ้นเมื่อจักรวรรดิปีศาจบุกมหาพันภพอีกครั้ง”
หลินต้งไม่ได้พูดมากความ เขาสะบัดมือก่อนที่ภาพเงาจะค่อยๆ สลายไป
“มู่เฉินแม้ว่าเจ้าจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุน แต่ก็ยังไปไม่ถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทาง ดังนั้นจะประมาทไม่ได้ มิฉะนั้นเมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น เจ้าจะไม่สามารถรักษาสถานะไว้ได้…” เมื่อภาพเงาของหลินต้งสลายหายไป ก็ทิ้งเสียงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของมู่เฉิน
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งขรึมลง เขาได้ยินความเคร่งเครียดในคำพูดของหลินต้ง เผชิญหน้ากับจักรวรรดิปีศาจต่างมิติแม้แต่จอมยุทธ์ที่มีอำนาจพอๆ กับเทพจักรพรรดิสงครามก็ยังรู้สึกว่าถูกคุกคาม ดังนั้นสามารถเห็นได้ว่าพวกมันเป็นภัยคุกคามต่อมหาพันภพของพวกเขามากเพียงใด
“ข้าจะจำสิ่งนี้ไว้ในใจ”
มู่เฉินเงยหน้าขึ้น จักรวรรดิปีศาจคือวิกฤตสงครามแห่งอนาคต แต่ตอนนี้เขาควรจะทำสิ่งที่กดดันหัวใจมาตลอดหลายปีนี้ให้เสร็จแล้ว
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึก สายตาค่อยๆ คมชัดขึ้นขณะพึมพำกับตัวเอง
“เผ่าฝูถู…หลายปีแล้ว…ในที่สุดข้าก็รอคอยวันนี้มาถึง…”