หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1406
เจดีย์บนภูเขาพราวแสงกะทันหัน
ร่างเงาสองร่างทะยานออกมา พวกเขาคือมู่เฉินและเฉวียนเทียนนั่นเอง
ฮา
เมื่อเห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง เฉวียนเทียนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ อัดอากาศที่เต็มไปด้วยคลื่นหลิงเข้าไป ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีเลยที่ถูกปราบปรามไว้ในเจดีย์นั้น
“ผู้อาวุโสเฉวียนเทียน จากนี้ไปเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยดูแลกันด้วยล่ะ” มู่เฉินหัวเราะเบาๆ พลางประสานมือคารวะ
เฉวียนเทียนหัวเราะเสียงหดหู่ในใจ ตอนแรกเขามั่นใจในงานนี้มาก แต่ไม่คิดว่าตัวเองต้องตกเป็นเชลยของมู่เฉิน มิหนำซ้ำตอนนี้เขายังถูกขู่จนต้องรับตำแหน่งผู้อาวุโสตำหนักมู่ด้วย…
แม้จะเป็นเวลาเพียงสามสิบปี แต่เสรีภาพของเขาก็ถูกจำกัด สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน นี่ก็เป็นเรื่องน่าสังเวชใจนัก ต้องรู้ว่าด้วยตัวตนของเขาสามารถเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงของขั้วอำนาจสุดยอดเหล่านั้นและได้รับผลประโยชน์มากมาย
แต่ในมือของมู่เฉิน ไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์ต่างๆ เลย ได้แต่ยอมเป็นทาสถึงสามสิบปี
เรื่องนี้ทั้งสองได้ทำสัญญาใจแล้วในเจดีย์ สัญญาเช่นนี้ไม่เป็นอะไรต่อคนอื่นๆ แต่สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนนี่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากถ้าไม่ทำตามสัญญาก็ถือเป็นการทำผิดจากใจและทิ้งภัยที่แฝงไว้ ซึ่งจะส่งผลต่อการเพาะบ่มพลังของพวกเขาในอนาคต
ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่กังวลว่าเฉวียนเทียนจะวิ่งหนี ส่วนเฉวียนเทียนก็ไม่กังวลว่ามู่เฉินจะขัดคำพูดของเขาในอนาคต
“ผู้อาวุโสเฉวียนเทียนสามารถไขข้อสงสัยของข้าได้หรือไม่?” มู่เฉินนั่งลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
เมื่อมองไปเฉวียนเทียนก็ถามว่า “เจ้าหมายถึงวิธีที่จะทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบใช่หรือไม่?”
มู่เฉินพยักหน้า จากการปะทะก่อนหน้าเขารู้วิธีที่ทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ทว่ารายละเอียดยังคงต้องถาม เพื่อจะได้ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
เฉวียนเทียนนั่งลง เขาคิดไปครู่หนึ่งก็ไม่ปฏิเสธ เนื่องจากนี่ไม่ใช่ความลับในการฝึก แม้เขาจะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ มู่เฉินก็ยังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จากแหล่งอื่น
“ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้วิธีที่จะทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบแล้ว…” เฉวียนเทียนสะบัดแขนเสื้อขณะที่พูดต่อ “กายาหลิงเทียนจุนเป็นสัญลักษณ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน เนื่องจากร่างกายของจอมยุทธ์สามารถเปลี่ยนเป็นคลื่นหลิงบริสุทธิ์ได้ ซึ่งจะมอบความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาให้จอมยุทธ์ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลก ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายแทบจะไม่มีสิ้นสุด”
“แต่นั่นเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของกายาหลิงเทียนจุนเท่านั้น โดยการปรับแต่งเส้นหลิงที่อยู่ลึกไปในร่างกายด้วยกายาหลิงเทียนจุนถึงจะทำให้สมบูรณ์ได้”
“ไม่เพียงแต่กายาหลิงเทียนจุนจะทรงพลังมากขึ้น แต่ยังก่อให้เกิดทักษะหลิงไม่เสินทงอีกด้วย”
“ทักษะหลิงไม่เสินทง?” มู่เฉินหดดวงตาขณะที่พูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นแผนภาพที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่เจ้าออกกระบวนท่า ก็เป็นทักษะหลิงไม่เสินทงใช่ไหม?
ตอนที่เขาต่อสู้กับเฉวียนเทียน อีกฝ่ายอาศัยสิ่งนั้นเพื่อต้านทานการโจมตีของร่างรองทั้งสองของเขาได้เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการป้องกันที่น่าอัศจรรย์มาก
“แผนภาพเคลื่อนดาวทรงพลังมากกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมทั่วไป ถ้าข้าไม่ได้ปะทะกับเจ้า ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครคนอื่นในระดับเดียวกันจะทำลายได้” ขณะที่พูดเฉวียนเทียนก็มองไปที่มู่เฉินด้วยแสงประหลาด เขาสงสัยว่าทำไมตนเองถึงโชคร้ายที่ต้องมาเจอกับสัตว์ประหลาดด้วย
วิชาสามพิสุทธ์เป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ยังปรารถนา ดังนั้นจินตนาการได้เลยว่ามู่เฉินโชคดีเพียงใดที่ได้รับมา
มู่เฉินยิ้ม “มีกฎใดบ้างที่ทำให้ทักษะหลิงไม่เสินทงเกิดขึ้น?”
“นี่เกี่ยวข้องกับทักษะการเพาะบ่มของเจ้าอย่างมาก” เฉวียนเทียนกล่าวต่อว่า “สำหรับชั้นของทักษะเชื่อมโยงกับความแข็งแกร่งของเส้นหลิงของเจ้า”
“โอ้?” มู่เฉินมองไปที่เฉวียนเทียน
“ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนเริ่มฝึกยุทธ์แล้วว่าเส้นหลิงแบ่งออกเป็นขั้นเหยิน-ตี้-เทียน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเหนือเส้นหลิงขั้นเทียนมีขั้นที่หายากที่เรียกว่าเส้นหลิงขั้นเสิน มีจอมยุทธ์หนึ่งในร้อยล้านเท่านั้นที่มีในครอบครอง”
“แต่ละขั้นแบ่งโดยจำนวน หนึ่งถึงสองคือขั้นเหยิน สามถึงสี่คือขั้นตี้ ห้าถึงหกคือขั้นเทียน… และจากเจ็ดถึงเก้าจะเป็นเส้นหลิงขั้นเสิน”
“ตอนนั้นเมื่อข้าปรับแต่งโดยเส้นหลิงก็มีดาวหกดวงอยู่ในนั้น นี่ก็คือเส้นหลิงขั้นเทียน”
เฉวียนเทียนถอนหายใจด้วยความอิจฉาในน้ำเสียง “ว่ากันว่าทักษะหลิงไม่เสินทงของเส้นหลิงขั้นเสินบางอย่างถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดของยอด แม้จะเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยม มากจนพลังอำนาจอาจเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเลยทีเดียว”
เมื่อมู่เฉินได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เขาครอบครองวิชาสามพิสุทธิ์และเจดีย์แปดองค์ ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงพลังอำนาจของวิชาในตำนานและพึ่งพาวิชาเหล่านี้เขาจึงอยู่ยงคงกระพันในหมู่จอมยุทธ์ระดับเดียวกัน
ทว่าวิทยายุทธระดับเสินทงสามสิบหกกระบวนท่าในตำนานหายากยิ่ง ซ้ำมู่เฉินก็รู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะโชคชะตา การพยายามให้ได้มาก็คล้ายกับการขึ้นสวรรค์
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเฉวียนเทียน เขาก็รู้สึกตกใจที่ทักษะหลิงไม่เสินทงของเส้นหลิงขั้นเสินสามารถเทียบเคียงได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน
“เส้นหลิงขั้นเสิน?”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเองพร้อมกับดวงตาวูบไหว ตอนที่เขาเริ่มฝึกวิทยายุทธเขาไม่แน่ใจในขั้นเส้นหลิงที่มี เนื่องสิ่งนี้ถูกซ่อนไว้มิดชิดจนเขาไม่สามารถรับรู้ได้ ทว่าจีเฉวียนมีเส้นหลิงขั้นเทียน แต่มู่เฉินก็ไม่รู้สึกว่านั่นมีพลังอะไรต่อหน้าเขา
“เวลานี้เส้นหลิงในร่างกายไม่สามารถซ่อนจากประสาทสัมผัสของข้าได้อีกต่อไป” มู่เฉินหายใจเข้าลึก ไม่ว่าเส้นหลิงจะซ่อนอยู่ลึกแค่ไหน เขาก็จะสัมผัสให้ชัดเจนในครั้งนี้
“ข้าต้องรบกวนผู้อาวุโสเฉวียนเทียนคุ้มกันสักหน่อย” มู่เฉินยิ้มให้เฉวียนเทียน
ตอนนี้เรื่องต่างๆ ในตำหนักมู่เริ่มเข้าที่เข้าทาง เขาก็ต้องการเวลาเพื่อฝึกฝนกายาหลิงเทียนจุนให้บรรลุความสมบูรณ์แบบ
เนื่องจากภารกิจต่อไปคือการมุ่งหน้าไปยังเผ่าฝูถู ในเวลานั้นการต่อสู้ครั้งใหญ่คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเขาต้องทำให้พลังพร้อมรบมากสุดเท่าที่ทำได้
เฉวียนเทียนถอนหายใจเฮือกเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ประมุขคนนี้ไม่เกรงใจกันเลยจริงๆ สั่งใช้งานตั้งแต่เริ่ม
แต่เขาก็ผงกหัวรับทราบ จากนั้นก็นั่งลงห่างออกไปร้อยจั้งหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นหลิงบริสุทธิ์ในวังสวรรค์บรรพกาล
“ที่นี่คือวังสวรรค์บรรพกาลสินะ สมกับเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิฟ้าสร้างขึ้น” เฉวียนเทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาสามารถบอกได้ว่าพื้นที่ฝึกยุทธ์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ขั้วอำนาจสูงสุดทั่วไปในมหาพันภพสามารถครอบครองได้ มีเพียงขั้วอำนาจสูงสุดยอดเยี่ยมเท่านั้นที่มีรากฐานพอจะครอบครองมิติคล้ายกันแบบนี้
แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแบบเขา การฝึกฝนที่นี่ก็เป็นประโยชน์ เมื่อมองอย่างนี้สามสิบปีในตำหนักมู่ก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรมาก
มู่เฉินยิ้มค่อยๆ หลับตาลง
เขาจดจ่ออยู่กับร่างกาย ทุกอณูของเลือดเนื้อ กระดูกและเส้นเลือดที่บรรจุพลังไร้ขอบเขตซึ่งเขารู้สึกได้ในขณะที่หายใจ
มู่เฉินเริ่มค้นหาภายในร่างกาย ทว่าก็ยังไม่สามารถพบเส้นหลิงได้
จิตใต้สำนึกของเขาจมลึกลงไปในร่างกาย เริ่มรู้สึกถึงทุกส่วน แต่ในช่วงแรกเขาก็ไม่ได้พบอะไรเลย ทว่าเขาก็ไม่ได้ผิดหวัง ยังคงส่งกระแสจิตต่อไป
กระบวนการนี้กินเวลานานสองชั่วโมง ก่อนที่เขาจะพุ่งพรวดออกจากกำแพงไปและถูกนำตัวไปยังมิติอื่น
ที่นี่เป็นมิติว่างเปล่าปกคลุมไปด้วยหมอกลึกลับที่ระงับการตรวจจับทั้งหมด
“หมอก?” เมื่อมู่เฉินสัมผัสได้ถึงหมอกหัวใจเขาก็สั่นสะท้าน เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่ามีคนสร้างหมอกขึ้นมาโดยเจตนา
มีใครบางคนทำอะไรกับร่างกายของเขา?
หัวใจของมู่เฉินเต้นรัวก่อนจะค่อยๆ สงบลง เพื่อให้สิ่งนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์จะต้องทำก่อนที่เขาจะเริ่มรับคลื่นหลิงเข้าไปในร่างกาย ดังนั้นบอกได้เลยว่ามารดาของเขาเป็นคนที่ซ่อนเอาไว้ตั้งแต่เขาเกิด
ชัดเจนว่าเหตุผลที่มารดาทำเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการปิดกั้นไม่ให้เผ่าฝูถูพบเขา
นี่เป็นความพยายามอันขมขื่นของมารดา
“ท่านแม่ขอบคุณ”
มู่เฉินพึมพำรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจ
“แต่ลูกไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป ต่อให้หมอกนี้สลายไป ก็ไม่มีใครหน้าไหนทำอะไรข้าได้แล้ว”
เหมือนได้ยินเสียงพึมพำของมู่เฉิน หมอกลึกลับก็สั่นสะเทือนตอบรับก่อนที่จะสลายไป
เมื่อหมอกสลาย แสงก็แผ่กระจายก่อร่างเป็นพระจันทร์เสี้ยวภายใต้สายตาของมู่เฉิน
“พระจันทร์ม่วงหนึ่งดวง?” หัวใจของมู่เฉินเต้นระรัว ตามที่เฉวียนเทียนบอกแบ่งขั้นตามจำนวนหนึ่งถึงเก้า นี่ไม่ได้เป็นระยะต่ำสุดของเส้นหลิงขั้นเหยินเหรอ?
ขณะที่มู่เฉินกำลังหดหู่ พื้นที่รอบดวงจันทร์ก็ส่องแสง ดวงจันทร์ดวงอื่นก็ปรากฏขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงที่เบื้องหน้าเขาเปล่งแสงลึกลับออกมา
เมื่อดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงปรากฏขึ้น ร่างกายเขาก็เริ่มเปล่งประกาย ลวดลายดวงจันทร์พร่างพราวแปดดวงเผยขึ้นบนร่างกายเขา
พร้อมกันนั้นความยิ่งใหญ่ก็แผ่กระจายออกไปในทันที
เมื่อเฉวียนเทียนเห็นฉากนี้ ดวงตาก็หดลงและอดอุทานไม่ได้ “ดวงจันทร์แปดดวง?!
“เจ้าเด็กนี่มีเส้นหลิงขั้นเสินเหรอเนี่ย?!”