หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1417 ตระกูลชิงแพ้
เมื่อทั้งสามประกาศขอประลองกับตระกูลชิง
ก็ก่อให้เกิดความปั่นป่วนระหว่างสวรรค์และโลก ทุกคนสามารถบอกได้จากฉากนี้ว่าทั้งตระกูลมั่วและเฉวียนเล็งเป้ามาจัดการตระกูลชิงแล้ว
บนยอดเขาแห่งหนึ่ง มีกลุ่มคนเผ่าฝูถูอยู่มากมาย พวกเขาคือจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของเผ่าโดยมีเฉวียนหลัวและมั่วซินอยู่ตรงด้านหน้าสุด
ขณะนี้พวกเขาเฝ้ามองฉากเบื้องหน้าด้วยสายตาเยาะเย้ย ทันทีที่เรื่องนี้เสร็จสิ้น ตระกูลชิงก็จะสูญเสียตำแหน่งในฐานะหนึ่งในสายเลือดหลัก เมื่อถึงเวลานั้นอำนาจในเผ่าฝูถูก็จะตกอยู่ในกำมือของตระกูลพวกเขาทั้งสอง
“ถ้าคิดจะโทษใครสักคนก็จงโทษว่ามีชิงเหยี่ยนจิ้งมาเกิดอยู่ในสายเลือดพวกแกเถอะ” เฉวียนหลัวสาดสายตาเยือกเย็นขณะที่หัวเราะเยาะ หากไม่มีชิงเหยี่ยนจิ้งทั้งสองตระกูลอาจไม่ได้เล็งเป้าไปที่ตระกูลชิงเนื่องจากหญิงผู้นั้นน่ากลัวเกินไป แม้ว่านางจะถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ก็จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลย่อยทันทีที่นางถูกปล่อยตัวออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นพวกเขาต้องทำลายตระกูลชิงให้สิ้นซากขณะที่ชิงเหยี่ยนจิ้งยังถูกคุมขัง เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้นางจะถูกปล่อยตัวก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่สามารถต่อกรกับทั้งสองตระกูลได้อีกตลอดกาล
“หึ และไอ้กาลกิณีนั่นอีก! เมื่อไรที่ตระกูลพวกเราได้ครอบครองอำนาจก็จะส่งคนออกไปจับตัว ให้มันต้องคุกเข่าเหมือนหมาและมอบวิชาเจดีย์แปดองค์มาดีๆ!” ใบหน้าของเฉวียนหลัวกำจายแววเย็นเยือก
ตอนแรกวิชาเจดีย์แปดองค์เกือบจะอยู่ในมือเขาตอนที่อยู่ในแดนเซิ่งยวน แต่มู่เฉินกลับคว้าไปต่อหน้า ดังนั้นคนนิสัยหยิ่งผยองอย่างเขาจะยอมรับได้อย่างไร?
เขาเหยียดหยามมู่เฉินในฐานะคนบาปที่ต่ำต้อยมาโดยตลอด ขณะที่ตัวเขาเป็นประมุขน้อยเผ่าโบราณ ตัวตนของพวกเขาห่างกันเป็นโยชน์ แต่มู่เฉินเอาชนะเขาได้ ดังนั้นความอัปยศอดสูจึงเลวร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาเสียอีก
ขณะที่สมาชิกทั้งสองตระกูลกำลังตื่นเต้น สมาชิกตระกูลชิงก็ใบหน้าไร้สีสัน พวกเขารู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่ดีแน่แล้ว
ขณะนี้บรรยากาศของตระกูลชิงดิ่งลงถึงจุดต่ำ ไม่ต้องพูดถึงเด็กๆ แม้แต่ผู้ใหญ่ก็มีสีหน้าเศร้าโศก
ในกลุ่มคนตระกูลชิง ชิงหลิงเฝ้าดูฉากนี้ด้วยสีหน้าไม่น่าดู แต่นางทำได้เพียงแค่ถอนหายใจในใจเท่านั้น
“ทำไมพี่ใหญ่ชิงซวงถึงอยู่ที่นั่น?”
ขณะที่นางถอนหายใจก็ได้ยินเสียงอุทานจากด้านหลัง
ชิงหลิงอึ้งไปก่อนที่จะมองไปทางนั้น นางเห็นภาพเงาของชิงซวง นอกจากนี้ยังเห็นร่างสูงโปร่งร่างหนึ่ง
เมื่อนางเห็นร่างนั้น ใบหน้าก็เปลี่ยนไปกะทันหัน แทบจะอุทานด้วยความตกใจ
นางจำได้นั่นคือมู่เฉิน
“เขามาทำอะไรที่เผ่าฝูถู? เขากล้าเกินไปแล้ว!” ความวิตกกังวลฉายแววในดวงตา นางรู้ชัดเจนเกี่ยวกับทัศนคติของเผ่ากับมู่เฉินในตอนนี้ ถ้าพบว่าเขาปรากฏตัวที่นี่ พวกเขาก็จะกลุ้มรุมจับกุมชายหนุ่มอย่างแน่นอน
“หืม? ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างพี่ชิงซวงคือใคร?” ขณะที่นางว้าวุ่นใจ ก็มีชายหนุ่มบางคนในตระกูลสังเกตเห็นมู่เฉิน เสียงสงสัยดังขึ้น
ในสายตาของคนอื่นๆ ชิงซวงมีตำแหน่งสูงในใจ แม้จะมีนางจะมีท่าทางเย็นชา แต่ก็ดึงดูดความรักใคร่จากผู้คนมากมาย ดังนั้นนางจึงเป็นจุดสนใจในทุกที่ที่ไป
ขณะนี้ชายหนุ่มตระกูลชิงทุกคนรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นว่าชิงซวงสนิทกับชายคนนั้นมากแค่ไหน
“ผู้ชายคนนั้นดูธรรมดามาก ทำไมพี่ใหญ่ชิงซวงถึงให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนี้?” มีคนพูดอย่างไม่พอใจ ดึงดูดเสียงสะท้อนผู้ที่อยู่รอบข้างได้ทันที ทันใดนั้นสายตาทั้งหมดที่พุ่งไปที่มู่เฉินแสดงความเป็นศัตรูให้เห็น
“เจ้าบรมโง่ พวกเจ้าเทียบกับเขาได้เรอะ?” เมื่อชิงหลิงได้ยินคำพูดของพวกเขา นางก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชาพลางโวยวายตำหนิทันที
“เมื่อเทียบกับเขาแล้ว พวกเจ้าก็เป็นแค่ฝุ่นละออง!”
ชิงหลิงเจ้าพยศและด่าเก่งตั้งแต่เกิด ดังนั้นคำพูดของนางจึงทำให้ใบหน้าของคนตระกูลชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“หึ เจ้ารู้เรอะว่าคนคนนั้นคือใคร? งั้นบอกมาว่าเขามีความสามารถเพียงใด ถึงให้พวกเราเป็นได้แค่ฝุ่นเมื่อเทียบกับเขา” มีคนหัวร้อนขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ชิงหลิงก็เบ้ปาก ไม่อยากสนใจคนพวกนี้ แม้แต่เฉวียนหลัวและมั่วซินยังเสียเปรียบในมือของเขา แล้วพวกเขาจะเทียบกับเขาได้อย่างไร?
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าทำไมมู่เฉินถึงมาปรากฏตัวที่นี่ แต่นางก็รู้ว่าเป็นเรื่องยุ่งแน่หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ดังนั้นนางไม่บอกถึงที่มาของมู่เฉินหรอก
เมื่อคนอื่นเห็นนางนิ่งเงียบไป พวกเขาก็คิดว่านางปากเสียไปอย่างนั้น แต่ละคนก็เอ่ยเยาะเย้ยต่อ
บนยอดเขาหลักที่นั่งประธาน
ฝูถูเฉวียนกำลังเฝ้าดูฉากนี้พลางขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เขามองเห็นความตั้งใจของตระกูลเฉวียนและมั่ว แต่นี่ไม่ได้ผิดกฎ ดังนั้นในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ เขาจึงเข้าแทรกแซงอะไรไม่ได้
ขั้วอำนาจอื่นๆ ก็มองสถานการณ์นี้ด้วยดวงตาวูบไหว ก่อนที่จะเริ่มกระซิบ “ตระกูลชิงในอดีตรุ่งโรจน์มาก ไม่คิดว่าพวกเขาจะตกต่ำลงมากขนาดนี้”
“ใช่เลย ตระกูลชิงอยู่เหนือตระกูลอื่นๆ ทั้งหมดในตอนนั้น แม้แต่ประมุขเผ่าคนก่อนก็มาจากตระกูลชิง แต่ตอนนี้เสื่อมถอยลงมาก”
“ดูเหมือนว่าตระกูลชิงจะกลายเป็นตระกูลย่อยเผ่าฝูถูหลังจากวันนี้ไป คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะกอบกู้ชื่อเสียงเดิมกลับคืนมา”
“…”
บทสนทนาทุกประเภทดังก้องพร้อมกับที่พวกเขาทอดถอนใจเกี่ยวกับความตกต่ำของตระกูลชิง
ตู้ม!
ขณะเดียวกันคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกมาจากแท่นทั้งสามราวกับภูเขาไฟปะทุ
จอมยุทธ์ทั้งหกคนกลายเป็นกายาหลิงเทียนจุนกำจายพลังที่น่ากลัว
ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกระบวนท่าที่ดุเดือดทันที
ชิงเทียนเคลื่อนไหวก่อนใคร เขารู้สึกโกรธอย่างเห็นได้ชัดกับการกระทำของตระกูลเฉวียนและมั่ว ดังนั้นเขาจึงไม่หยุดยั้งกระบวนท่า รัศมีของเขาทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงธรรมดาต้องสั่นสะท้านด้วยความกลัวเลยทีเดียว
ใบหน้าของมั่วกู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่จะเยาะเย้ย เขาไม่มีเจตนาที่จะต่อสู้ จึงเริ่มถอยห่างทิ้งภาพไว้เบื้องหลัง
เขารู้ว่าไม่สามารถสู้กับชิงเทียนได้ด้วยขุมพลังที่มี แต่เขาไม่ได้ใส่ใจเนื่องจากการปรากฏตัวของเขาเป็นเพียงการทำให้ตระกูลชิงต้องอับอายขายขี้หน้าเท่านั้น การต่อสู้แตกหักอยู่บนอีกสองแท่นประลองต่างหาก
“ท่านชิงเทียนทรงพลังอย่างแท้จริง แต่น่าเสียดายที่การต่อสู้อีกสองยกพวกเจ้าไม่ได้เปรียบเลย” มั่วกู่ถอยห่างอย่างต่อเนื่องขณะที่เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น
สายตาของชิงเทียนกวาดไปที่แท่นประลองทั้งสอง หัวใจของเขาจมลง เช่นเดียวกับที่คาดไว้ผู้อาวุโสทั้งสองตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบขณะที่เผชิญหน้ากับการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
จากการคาดการณ์อีกไม่นานความพ่ายแพ้ก็จะมาถึง
“ไม่คิดว่าตระกูลชิงจะสิ้นสุดในมือข้า ช่างน่าอับอายต่อหน้าบรรพบุรุษจริงๆ” ท่าทางเศร้าโศกปรากฏบนใบหน้าชราของชิงเทียน
ชิงซวงกัดฟันโดยมีรอยเลือดไหลตามมา ทว่านางไม่ได้สนใจกับเลือด สายตาจ้องไปที่การต่อสู้
“มู่เฉินพวกเขาจะชนะได้ไหม?” ชิงซวงถามไปด้วยความหวังริบหรี่ขณะที่ตัวสั่น
เมื่อมู่เฉินได้ยินก็ส่ายหัวอย่างไม่ลังเล “พวกมันเตรียมการมาพร้อมแล้ว สองคนนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสตระกูลชิง ดังนั้นสถานการณ์นี้จะจบลงด้วยแพ้สองชนะหนึ่ง”
ใบหน้าของชิงซวงซีดเผือด เล็บเจาะเข้าไปในฝ่ามือพร้อมกับเลือดสดไหลออกมา ราวกับว่านางมองเห็นอนาคตมืดมนของตระกูลชิงแล้ว
มู่เฉินเหลือบมองไปที่นางแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเฝ้ามองการต่อสู้อย่างใจเย็น
ตู้ม ตู้ม!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออก ทำให้ภูเขาขนาดใหญ่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจากการต่อสู้ แรงกดดันจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่แผ่ออกมา ทำเอาทุกคนโดยรอบภูเขารู้สึกถึงแรงกดดันอันอึดอัด
“ใกล้จะจบแล้ว”
ทันใดนั้นมู่เฉินก็พูดขึ้นขณะมองไปที่แท่นประลอง
ตึง!
เมื่อเขาพูดจบชิงเทียนก็ซัดฝ่ามือออก ทำลายการป้องกันของมั่วกู่ ส่งร่างอีกฝ่ายถลาออกไป
ขณะที่มั่วกู่ปลิวออกไปเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น “ผู้อาวุโสชิงเทียนทรงพลังจริงๆ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้”
เมื่อได้ยินว่ามั่วกู่ยอมรับความพ่ายแพ้ก็ไม่มีความสุขใดๆ บนใบหน้าชิงเทียน เขามองไปก็เห็นว่าการต่อสู้อีกสองด้านก็รู้ผลลัพธ์แล้ว
ในเวลานี้ทั้งชิงเซวียนและชิงหยุนก็ปลิวออกจากแท่นประลองเช่นกัน
ร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อ ความผิดหวังเขียนไว้บนใบหน้า
ฟ้าดินเงียบลง ทุกคนบอกได้ว่าตระกูลชิงแพ้แล้ว
“ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะท่านชิงเซวียนและท่านชิงหยุน” เฉวียนหลิงและเฉวียนจินหัวเราะพลางประสานมือคารวะ
ขณะที่เสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องไปทั่วเทือกเขา ฝั่งตระกูลชิงก็เงียบกริบ น้ำตาไหลอาบแก้มผู้คน
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตระกูลชิงของพวกเขาจะกลายเป็นตระกูลย่อย ฐานะในเผ่าก็จะร่วงลงอย่างรวดเร็ว!
“ตระกูลชิงจบแล้ว…”