หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1421 หนึ่งกระบวนท่าต่อศัตรูหนึ่งคน
“ขยะจริงๆ คนต่อไป”
เมื่อเสียงไม่แยแสของมู่เฉินดังขึ้น ทั่วบริเวณก็เงียบกริบลง มีเพียงเสียงโหยหวนของเฉวียนไห่เท่านั้นที่สะท้อนออกมา
สายตาทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงขณะมองไปยังภาพเงาอ่อนเยาว์
ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะจัดการกับเฉวียนไห่ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ นั่นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนนะ! แม้จะอยู่ในขั้นหลิง แต่ก็มีฐานะเป็นราชันที่ใดก็ได้ในมหาพันภพ แต่ตอนนี้กลับพ่ายแพ้หลังจากการโจมตีกระบวนท่าเดียวจากมู่เฉิน
พ่ายแพ้ยับเยิน
“นั่นคือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนนะ!” หลายคนเปล่งคำพูดออกจากลำคออย่างยากลำบาก
“เป็นไปได้ยังไง?!” เฉวียนหมัวและมั่วซินเขียนความตกใจไว้บนใบหน้าราวกับเห็นผี เมื่อครู่พวกเขาต้องการดูว่ามู่เฉินจะทำตัวโง่ๆ ออกมาอย่างไร แต่พริบตากลายเป็นพวกเขาที่โง่เอง
สมาชิกตระกูลเฉวียนและมั่วฉายอาการตกตะลึงบนใบหน้า แต่ละคนกลืนน้ำลายไม่หยุดมองไปที่มู่เฉินด้วยความกลัว
ส่วนสมาชิกตระกูลชิงพากันแลกเปลี่ยนสายตา เหงื่อเม็ดเป้งผุดบนหน้าผากเต็มไปหมดพลางพึมพำ “น่ากลัวเหลือเกิน…”
ดวงตาของชิงหลิงระยิบระยับขณะจ้องมองภาพเงาอ่อนเยาว์ นางรู้สึกว่าหัวใจตนเองเป็นลอนคลื่น เมื่อเทียบกับชายคนนั้น พวกที่โอ่ตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะของเผ่าฝูถูเทียบกันไม่ได้เลย
“เปลวไฟนั่นไม่ธรรมดา”
ชิงเทียนก็ตกตะลึงไปกับฉากนี้ ตัวเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ดังนั้นจึงสามารถบอกได้ว่าเปลวไฟสีม่วงครอบงำอย่างไร ซึ่งนั่นทำให้เฉวียนไห่สูญเสียพลังไปในทันที
“สมกับเป็นบุตรชายของท่านหญิงจิ้งแท้จริง” ชิงหยุนถอนหายใจ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่ามู่เฉินช่างบ้าบิ่น แต่ดูตอนนี้อีกฝ่ายจะทำสิ่งนี้ได้จริง
กำปั้นของชิงเซวียนคลายออกด้วยรู้สึกโล่งใจอย่างมาก แต่ไม่นานสายตาของนางก็เปลี่ยนไปเป็นกังวล นางรู้ว่านี่เป็นเพียงยกแรก ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งเจ็ดของตระกูลเฉวียน มู่เฉินจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป
ความเงียบระหว่างสวรรค์และโลกคงอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่เสียงกระซิบกระซาบจะดังขึ้น หลายคนจ้องมองเปลวไฟสีม่วงบนร่างเฉวียนไห่ด้วยความกลัวในดวงตา
กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นก็ต้านไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเปลวไฟสีม่วงครอบงำอย่างไร
เมื่อฝูถูเฉวียนเฝ้ามองฉากนี้คิ้วก็ขมวดขึ้นก่อนที่จะโบกมือ มือล่องหนเคลื่อนลงมาดึงเปลวไฟสีม่วงออกไปจากร่างเฉวียนไห่ แล้วก่อตัวเป็นหลุมดำดักจับเปลวไฟเอาไว้
คลื่นหลิงของฝูถูเฉวียนมีความสามารถในการปิดผนึกที่ทรงพลัง ซึ่งทำให้แม้แต่เพลิงม่วงกลืนวิญญาณของมู่เฉินก็ไม่สามารถกลืนกินได้ ดังนั้นเพลิงจึงค่อยๆ สลายตัวไป
ฉากนี้ทำให้หลายคนหดดวงตา แม้แต่ฝูถูเฉวียนก็ต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อดับเปลวไฟนี้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นปัญหาเพียงใด
เมื่อเปลวไฟสลายลง ร่างเฉวียนไห่ก็เผยให้เห็น ทั่วร่างดำไหม้เกรียม แม้แต่เนื้อก็ละลายจนเผยให้เห็นกระดูก
ขณะนี้สภาพของเฉวียนไห่ดูไม่จืด เขาได้รับบาดเจ็บหนักอย่างชัดเจน
ต้องรู้ว่าหลังจากจอมยุทธ์ก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน ร่างกายของผู้ฝึกจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานหลิงที่ทรงพลังแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างนั้นเฉวียนไห่ยังถูกทำให้อยู่ในสภาพเช่นนี้โดยเปลวเพลิง
“ไอ้หนู แกนี่เหี้ยมจริงๆ!”
ใบหน้าของเฉวียนกวางเขียวคล้ำ การกระทำของมู่เฉินทำให้ตระกูลเฉวียนราวกับถูกตบหน้าเลยทีเดียว
“ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ในเมื่อผู้อาวุโสเฉวียนไห่ใช้ทักษะหลิงไม่เสินทง ข้าก็แค่ให้กลับคืนเท่านั้น” มู่เฉินไม่สนใจเฉวียนกวาง พูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งเฉย
“นั่นคือทักษะหลิงไม่เสินทง! แต่ดูจากพลังก็ต้องถึงขั้นเสินแน่! แค่ไม่รู้ว่านี่คือเจ็ดหรือแปดชีพจรกัน” สายตาของหลายคนวูบไหว ระยะชีพจรไม่ต่ำแน่เนื่องจากดูได้จากพลัง
เฉวียนกวางจ้องไปที่มู่เฉินด้วยสายตามืดครึ้มพลางตะเบ็งเสียงออกมา ก่อนที่จะหันไปหาผู้อาวุโสอีกคน “เฉวียนเฟิง ต่อไปตาเจ้า อย่าสัมผัสร่างมัน”
สายตาเฉวียนกวางเฉียบแหลม เขาสามารถบอกได้ว่าแม้ว่าเปลวไฟสีม่วงของมู่เฉินจะครอบงำ แต่ก็ไม่ได้รวดเร็วและสามารถหลีกเลี่ยงได้
เฉวียนเฟิงพยักหน้า เขาไม่ได้ประเมินมู่เฉินต่ำอีกต่อไป สายตาแหลมคมของเขาจ้องมองไปที่อีกฝ่ายพูดว่า “งั้นข้าขอลิ้มรสพลังเจ้าหน่อย”
มู่เฉินยิ้มบางจากนั้นก็พุ่งไปที่แท่นของเฉวียนเฟิง ชายคนนี้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางและเป็นคนต่อไปที่เขาคิดจะจัดการ
ตู้ม!
เมื่อเฉวียนเฟิงเห็นมู่เฉินมาถึงก็ไม่พูดอะไร แต่วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว เขาเร้าพลังกายขึ้นมาทันที ทันใดนั้นรัศมีก็ระเบิดออก ร่างเวทสวรรค์ขนาดหลายหมื่นจั้งก็ก่อตัวขึ้น
เรียนรู้จากความผิดพลาดของเฉวียนไห่ เฉวียนเฟิงก็นำร่างเวทสวรรค์ออกมาทันทีตั้งแต่เริ่ม ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกลัวแม้ว่าจะปะทะกัน
เฉวียนเฟิงมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งกว่าเฉวียนไห่
เมื่อร่างเวทสวรรค์สะท้อนอยู่ในดวงตาของมู่เฉินก็เรียกรอยยิ้มเย็นชาบนริมฝีปาก เขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อตระกูลเฉวียนและมั่ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีความตั้งใจที่จะรักษาหน้าอีกฝ่าย
ในเมื่ออีกฝ่ายคิดจะสู้ เขาก็ต้องดึงพลังทั้งหมดออกมาและเหยียบตระกูลเฉวียนให้จมดิน
ขณะเดียวกันเขาก็จะระบายความอัดอั้นที่มีมาตลอดยี่สิบกว่าปี!
“มู่เฉินเข้ามาเลย! ให้ข้าดูสิว่าแกทำอะไรได้บ้าง!” ด้วยการปกป้องร่างเวทสวรรค์ เฉวียนเฟิงก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นขณะส่งเสียงร้อง
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่เฉวียนเฟิงจากนั้นก็เค้นเสียงเย็น “แกคิดว่าร่างเวทสวรรค์สามารถปกป้องได้ หรือ?”
สายตาของเฉวียนเฟิงเย็นเยือกขณะสบถด่า “อวดดี! แกก็ลองดูสิ…หืม?!”
ทว่าก่อนที่เขาจะพูดจบท่าทางก็เปลี่ยนไป เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็เห็นเจดีย์ผลึกใสปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของตนเอง
“นั่นมัน…เจดีย์พุทธะ?!”
เมื่อเจดีย์ผลึกใสปรากฏขึ้นก็ก่อให้เกิดความปั่นป่วนในเผ่าฝูถูทันที พวกเขารู้ว่ามีเพียงผู้ที่ได้ฝึกวิชามหาเจดีย์โบราณเท่านั้นที่สามารถสร้างเจดีย์ได้และมีเพียงสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะได้ครอบครองเจดีย์พุทธะ
แม้แต่ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นใหม่เผ่าฝูถูก็มีเพียงเฉวียนหลัวเท่านั้นที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ แต่เมื่อมองจากความกระจ่างใสเฉวียนหลัวด้อยกว่ามู่เฉินหลายส่วนเลยทีเดียว
ตู้ม!
เจดีย์พุทธะบีบกดลงมากะทันหัน บดลงที่ร่างเวทสวรรค์ของเฉวียนเฟิง
เฉวียนเฟิงหดดวงตาหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะคำรามลั่น พายุทอร์นาโดสีฟ้าอมเขียวสิบลูกพุ่งออกมาซัดเจดีย์พุทธะเพื่อขัดขวางเอาไว้
ในเวลาเดียวกันพายุสีฟ้าอมเขียวแหลมคมก็กวาดออกทำให้เกิดประกายไฟบนพื้นผิวของเจดีย์สั่นสะเทือนไปพร้อมกัน
“หึ แกคิดว่าจะปราบข้าด้วยเจดีย์พุทธะหรือ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!” เฉวียนเฟิงรู้สึกโล่งใจหลังจากหยุดเจดีย์พุทธะได้ก่อนที่จะเค้นเสียงเย็น
ทว่าบนใบหน้าของมู่เฉินกลับมีรอยยิ้มแปลกประหลาดเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
ในเวลาเดียวกันเฉวียนกวางก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป “ระวัง! ไอ้เด็กสารเลวนี่ฝึกฝนวิชาเจดีย์แปด…”
ตู้ม!
แต่ก่อนที่เขาจะจบประโยค เจดีย์พุทธะก็สั่นสะท้าน เกลียวแสงสีดำแปดสายแผ่ออกมาจากเจดีย์ก่อร่างเป็นร่างปีศาจแปดร่าง
เมื่อปีศาจปรากฏตัว พวกมันก็ปลดปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวพลางเหยียดนิ้วชี้ลงไปที่ร่างเวทสวรรค์ของเฉวียนเฟิง
ชี่!
ลำแสงที่น่ากลัวทั้งแปดรวมตัวกันและพุ่งลงมา
ตู้ม ตู้ม!
พายุทอร์นาโดสิบลูกแตกสลายไปโดยลำแสง ใบหน้าของเฉวียนเฟิงเปลี่ยนไปรุนแรงเมื่อเห็นสิ่งนี้ ร่างกายเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลอมรวมเข้ากับร่างเวทสวรรค์
ตู้ม!
แต่ลำแสงที่น่าสะพรึงกลัวราวกับดัชนีทำลายล้าง ไม่มีการหยุดชะงักใดๆ พุ่งเข้าใส่ร่างเวทสวรรค์อย่างจัง
ปัง ปัง ปัง!
ความปั่นป่วนที่น่ากลัวกระจายออก ทุกคนตกใจเมื่อเห็นว่าลำแสงสีดำทะลุผ่านร่างเวทสวรรค์ ฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ
ตึง!
ร่างเวทสวรรค์ระเบิด คลื่นกระแทกพัดออกไปหลายแสนลี้ ทำให้ภูเขาที่อยู่ใกล้สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น หากไม่ใช่การปกป้องของจอมยุทธ์จำนวนมาก พื้นที่นี้ทั้งหมดคงจะยุบตัวไปถึงปากทางนรกแล้ว
ทว่าไม่มีใครให้ความสนใจกับเรื่องนี้ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่จุดกำเนิดคลื่นกระแทก ร่างเวทสวรรค์แตกเป็นเสี่ยงๆ เงาร่างหนึ่งดิ่งพสุธาลงมาจากท้องฟ้า
สายตาของมู่เฉินวูบไหวขณะที่กระโจนออกไป ฝ่าเท้าเหยียบลงบนร่างที่ดิ่งลงมา พวกเขาเหมือนอุกกาบาตสองลูกตกลงบนแท่น
ตู้ม!
ทั้งแท่นพังทลาย
มู่เฉินยืนเหยียบกลางอกเฉวียนเฟิงที่ยุบลงพร้อมกับเลือดไหลนอง แม้แต่คลื่นหลิงก็ลดน้อยลง สะท้อนให้เห็นถึงการบาดเจ็บหนักของเขา
ทันใดนั้นทุกคนก็สูดอากาศเย็นลึกสุดปอด กระบวนท่าเดียวอีกแล้ว!
แค่กระบวนท่าเดียว เขาเอาชนะเฉวียนเฟิงที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางได้!
มู่เฉินคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“นั่นคือ…วิชาเจดีย์แปดองค์!”
มีเพียงผู้อาวุโสของเผ่าฝูถูที่สีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาจดจำได้ว่ามู่เฉินใช้หนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเผ่าฝูถู—วิชาเจดีย์แปดองค์!
มู่เฉินยกเท้าออกอย่างไม่แยแสและไม่พูดอะไร ภายใต้สายตาตะลึงกลัวนับไม่ถ้วน เขาก็ทะยานขึ้นไปยังอีกแท่นหนึ่ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่อีกฝ่าย นี่ก็คือเฮยกวางที่เคยพบกันมาก่อน
นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ยุยงให้เฉวียนเทียนมาจัดการกับเขา
ทว่าขณะนี้เฮยกวางกำลังมองมาที่เขาด้วยความกลัว ชัดว่านึกไม่ถึงที่เมื่อสองปีก่อนมู่เฉินเป็นเพียงจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นเต็มจะกลับมาพร้อมความน่ากลัวขนาดนี้
สายตาเย็นเยือกของมู่เฉินมองไปที่เฮยกวาง ตอนนั้นในแดนเซิ่งยวนชายผู้นี้ใช้ประโยชน์จากขุมพลังที่มีกลั่นแกล้งเขา ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะชำระหนี้แค้นแล้ว
“ถึงตาแกแล้ว วันนี้มาชำระหนี้เก่าและใหม่ไปพร้อมกันเลย”