หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1428 ความขัดแย้งเกิดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเสียงของมู่เฉินดังออกมา
ทุกคนก็เงียบลงขณะดูฉากตรงหน้าด้วยความอึ้งทึ่ง พักใหญ่ถึงคืนสติได้ว่ามู่เฉินชนะแล้ว…
เขาปะทะกับตระกูลเฉวียนด้วยตัวคนเดียวและคว้าตำแหน่งกลับคืนมาจากหนึ่งในสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าฝูถู
“ช่างดุดันจริงๆ…”
ความเงียบดำเนินไปเป็นเวลานานก่อนที่จะเกิดเสียงทอดถอนหายใจ ผู้นำหลายคนมองไปที่มู่เฉินด้วยความเคร่งเครียดและความกลัว
ชัดว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมาน่าตกใจแท้จริง
ต้องรู้ว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นเท่านั้น แต่กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็แพ้ให้เขา หากในอนาคตเขาบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ยงคงกระพันภายใต้ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งหรือ?
“เผ่าฝูถูช่างน่าหัวเราะจริงๆ ที่ปฏิบัติต่อสุดยอดอัจฉริยะราวกับคนบาป นี่คือยอดยุทธ์ที่มุ่งมั่นจะบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ถ้าเป็นขั้วอำนาจอื่น เขาจะถูกเลี้ยงดูในฐานะเสาหลักแล้ว”
“หึๆ พวกเผ่าโบราณบ้าบอเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของสายเลือดอยู่ตลอด” ผู้ชมหลายคนกระซิบกระซาบขณะพึงพอใจกับฉากนี้
เมื่อสมาชิกเผ่าฝูถูได้ยิน ใบหน้าแต่ละคนก็บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด แต่ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะหักล้างได้ เพราะยังไงมู่เฉินก็ได้ชื่อว่าตัวกาลกิณีของเผ่าอย่างแท้จริง
ใบหน้าของเฉวียนกวางเคร่งขรึมลง หมัดกำแน่นในแขนเสื้อ วันนี้ตระกูลเฉวียนของเขาได้รับความอับอายจากมู่เฉินยิ่งนัก
“ไอ้เด็กสารเลว กล้าทำลายแผนการของตระกูลเฉวียนข้า!” เขาสบถกับตัวเอง
เฉวียนกวางโกรธมาก เขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ทั้งๆ ที่แผนกำลังจะประสบความสำเร็จ แต่มู่เฉินก็ดันทำให้ทุกอย่างพังพินาศลง
แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ เนื่องจากตระกูลเฉวียนแพ้ทั้งสี่ยก ดังนั้นพวกเขาต้องส่งตำแหน่งคืนให้
หลังจากนั้นดวงตาเขาก็กะพริบสั้นๆ เฉวียนกวางหันไปหาฝูถูเฉวียนพูดว่า “ตระกูลเฉวียนยอมรับความพ่ายแพ้และขอส่งตำแหน่งคืน แต่ว่าอย่างไรมู่เฉินก็เป็นตัวกาลกิณี ซึ่งผิดกฎที่เขาจะเป็นประมุขตระกูลชิง ข้าต้องการเปิดสภาเพื่อกันเขาออกจากสถานะนั้น”
ตอนนี้มู่เฉินมีตัวตนเป็นประมุขตระกูลชิง จึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะจัดการ แต่ถ้าเขาขาดคุณสมบัติ พวกเขาก็จะมีเหตุผลอันชอบธรรมที่จะจัดการในฐานะตัวกาลกิณี
“ตระกูลชิงของข้าปฏิเสธ!” ชิงเทียนร้องตะโกนด้วยรู้ถึงความตั้งใจของเฉวียนกวาง
“ตระกูลมั่วเห็นด้วย” มั่วถงพูดหลังจากไตร่ตรองสั้นๆ เขาลงเรือลำเดียวกันตระกูลเฉวียนเพื่อบีบตระกูลชิงออกไป ดังนั้นเขาไม่ต้องการเห็นมู่เฉินทำลายกฎเกณฑ์ นอกจากนี้เขายังกลัวศักยภาพที่มู่เฉินแสดงออกมา จึงเป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะกำจัดเด็กเหลือขอในวันนี้
เฉวียนกวางและมั่วถงมองไปที่ตระกูลย่อย ผู้อาวุโสทั้งสามก็แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วยเนื่องจากแรงกดดันที่ได้รับ
เมื่อฝูถูเฉวียนเห็นสิ่งนี้ คิ้วก็ขมวดก่อนที่จะพยักหน้า “เนื่องจากผู้อาวุโสกว่าเจ็ดส่วนเห็นด้วยก็สามารถเปิดสภาผู้อาวุโสได้ตามกฎ”
เมื่อเฉวียนกวางได้ยิน รอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก
มู่เฉินมองภาพเบื้องหน้าอย่างเย็นชาและยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องจัดให้ตัวเองลำบาก ข้าไม่สนใจตำแหน่งประมุขตระกูลชิงนักหรอก เหตุผลที่ข้ามาก็คือเพื่อเก็บดอกเบี้ยจากตระกูลเฉวียน”
เมื่อพูดจบ เขาก็โบกมือ ป้ายประจำตระกูลพุ่งกลับไปที่ชิงเทียน
เมื่อชิงเทียนรับไว้ก็มีสีหน้าซับซ้อน เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่สนใจในตำแหน่งนี้เลย แม้ว่าจะไม่มีความเกลียดชังต่อพวกเขา แต่ก็ห่างเหิน
การกระทำของมู่เฉินทำให้เฉวียนกวางอึ้งไปก่อนจะเค้นเสียง เพราะนี่ช่วยลดปัญหาไปพอสมควรเลยทีเดียว
“ผู้อาวุโสใหญ่ มู่เฉินเป็นตัวกาลกิณี ตามกฎแล้วเราควรจับเขาและ…”
“ไม่จำเป็น เหตุผลที่ข้ามาเผ่าฝูถูก็เพื่อพามารดาออกจากที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราแม่ลูกจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าฝูถูอีก” ก่อนที่เฉวียนกวางจะพูดจบ เสียงไม่แยแสของมู่เฉินก็ดังขัดจังหวะ
คำพูดของเขาทำให้ทั่วบริเวณเงียบไปอีกครั้ง ใบหน้าผู้คนนับไม่ถ้วนเปลี่ยนไป ถ้าเมื่อครู่ที่มู่เฉินท้าทายตระกูลเฉวียนยังเป็นไปตามกฎ งั้นตอนนี้เขากำลังท้าทายเผ่าฝูถูทั้งหมด
“ไอ้หนูนั้นห้าวเกินไปแล้ว กล้าพูดจาสามหาวแบบนี้ได้ยังไง?”
หลายคนแลกเปลี่ยนสายตา ขณะที่พวกเขารู้สึกไม่เอยากเชื่อและตกใจ พวกเขาตะหงิดในใจว่าเรื่องหลักวันนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
การต่อสู้เมื่อครู่เป็นเพียงจานเรียกน้ำย่อยและนี่คือจานหลัก
ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะไม่หยุดพัก เว้นแต่เขาจะพลิกเผ่าฝูถูกลับหัวกลับหาง
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความมั่นใจของมู่เฉินมาจากไหน ความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น ถ้าเขาท้าทายเผ่าฝูถูก็จะคล้ายกับการวิ่งเข้าอุโมงค์ความตาย
เฉวียนกวางรู้สึกตะลึงกับการเคลื่อนไหวไม่คาดคิดของมู่เฉิน แต่จากนั้นเขาก็ฟื้นคืนสติเกิดความสุขขึ้นในใจ มู่เฉินยังเด็กและบ้าบิ่นพูดคำที่เย่อหยิ่งเช่นนี้ คราวนี้ผู้อาวุโสใหญ่นั่งไม่ติดแน่
เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าฝูถูเฉวียนดิ่งลงตามคาด
“บังอาจ!”
เสียงตะโกนของฝูถูเฉวียนดังก้องด้วยความเกรี้ยวกราด ทำให้สวรรค์และโลกเงียบงันในทันที พลังอำนาจของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับความโกรธเกรี้ยวของฝูถูเฉวียน แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
“เจ้ากาลกิณี เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถแล้วจะทำอะไรก็ได้เรอะ คิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน?” ฝูถูเฉวียนคำรามในขณะที่พูดต่อ “ชิงเหยี่ยนจิ้งละเมิดกฎเป็นนักโทษ ข้าจะยอมให้เจ้าพานางไปได้ยังไง?”
สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นเย็นชากล่าวว่า “ตาแก่ ข้าไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเผ่าฝูถู ดังนั้นเก็บขี้ไว้กับตัวเองเหอะ”
มู่เฉินเกลียดคนแก่โง่เง่าดื้อรั้นคนนี้นัก ถ้าไม่ใช่เพราะตาแก่นี่ เขาก็คงไม่ต้องแยกจากมารดาหลายปี ดังนั้นเขาจึงไม่คิดไว้หน้าชายชราสักนิด
สมาชิกเผ่าฝูถูต่างตกตะลึง ผู้อาวุโสใหญ่ดำรงตำแหน่งสูงในเผ่ามีบารมียิ่งใหญ่ แม้แต่ประมุขตระกูลต่างๆ ยังไม่กล้าที่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธ แต่มู่เฉินกลับเรียกเขาว่าตาแก่ ช่างกล้าเหลือเกิน
“จองหอง เจ้าเป็นเด็กป่าเถื่อนไม่มีมารยาทจริงๆ!” ใบหน้าของฝูถูเฉวียนมืดครึ้มขณะที่อารมณ์โกรธลั่นเปรียะ “ทุกคนจับมัน! ข้าจะดูว่ามันมีสิทธิ์อะไรที่จะมารับชิงเหยี่ยนจิ้งออกจากเผ่าฝูถู!”
“รับทราบ!”
เฉวียนกวางและมั่วถงดีใจ พวกเขาลุกขึ้นยืนเตรียมนำผู้เชี่ยวชาญไปจับตัวมู่เฉิน
“มู่เฉินหยิ่งเกินไป ตอนนี้ก็ทำให้ฝูถูเฉวียนโกรธแล้ว เขาจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เผ่าฝูถูทั้งหมดได้อย่างไร?” ผู้ชมต่างพากันส่ายหวือกับเหตุการณ์นี้
แต่เมื่อจอมยุทธ์ตระกูลเฉวียนและมั่วกำลังจะเคลื่อนไหวเสียงหัวเราะก็ดังก้อง “มู่เฉินเป็นสหายของแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูของเรา ดังนั้นหากเผ่าฝูถูต้องการกลั่นแกล้งเขา เราคงยอมรับไม่ได้”
เสียงนั้นดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที พวกเขามองไปตามเสียงก็เห็นชายชราและชายทรงเสน่ห์เข้าสู่ครรลองสายตา
เมื่อพวกเขาเห็นทั้งสองคนแม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูก็เปลี่ยนสีหน้าและหยุดเคลื่อนไหว
ทันใดนั้นความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นทั่วบริเวณ
“นั่นคือท่านเย่าเฉิน เขาคืออาจารย์ของเทพจักรพรรดิอัคคี…”
“นอกจากนั้นยังมีหลินเตียว เขาเป็นประมุขรองของแคว้นหวูและเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเทพจักรพรรดิสงคราม”
“หือ! ไม่แปลกใจที่มู่เฉินไม่เกรงกลัวเผ่าฝูถู เขาขอยืมพลังนั่นเอง เก่งจริงๆ แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูไม่ใช่ขั้วอำนาจที่ใครๆ ก็เชิญได้!”
“ใช่ ความสามารถอะไรเนี่ย มู่เฉินน่าเกรงขามอย่างแท้จริง”
ทุกคนตกตะลึง แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูชื่อเสียงขจรขจายทั่วมหาพันภพ ทั้งสองเป็นขุมกำลังสุดยอดที่ไม่อ่อนแอไปกว่าห้าเผ่าโบราณเลย
เฉวียนกวางและมั่วถงตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและคว้นหวูจะออกตัวช่วยมู่เฉิน แม้จะต้องเป็นศัตรูกับเผ่าฝูถู
“บัดซบ ไอ้หนูนั่นเติบโตถึงขนาดที่แม้แต่แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูก็พุ่งเข้ามาช่วยเขาเรอะ?!” พวกเขาสองคนรู้สึกเสียใจในใจ หากพวกเขารู้เรื่องนี้คงจะจัดการกับมู่เฉินให้เร็วกว่านี้ ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่แม้พวกเขาก็ยังหวาดกลัว
พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้อาวุโสใหญ่สามารถอดกลั้นต่อการแทรกแซงจากแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูได้หรือไม่
ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปที่ฝูถูเฉวียน ซึ่งสามารถเห็นท่าทางน่ากลัวของอีกฝ่าย สายตาเฉียบคมนั้นพุ่งไปที่เย่าเฉินและหลินเตียว
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตานั่น เย่าเฉินและหลินเตียวก็ยังฉายท่าทางสงบนิ่ง
“แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูคิดจะทำให้เผ่าฝูถูลำบากเพื่อตัวกาลกิณีนั่นรึ?” เสียงของฝูถูเฉวียนดังก้อง แต่ไม่มีใครรับรู้อารมณ์ใดของเขา
เย่าเฉินยิ้มบาง “มู่เฉินเป็นสหายน้อยของศิษย์ข้า เราหวังว่าเผ่าฝูถูจะละเว้นจากการกลั่นแกล้งในเรื่องนี้ได้”
แม้ว่าหลินเตียวจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ท่าทีชัดเจนมาก
ทั่วบริเวณเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าอ้าปากพูดออกมาแม้แต่คำเดียว หากสถานการณ์นี้ไม่ได้รับการจัดการอย่าวงดี อาจส่งผลให้เกิดสงครามระหว่างสามขั้วอำนาจสุดยอด ทั่วทั้งมหาพันภพต้องได้รับผลกระทบแน่นอน
ภายใต้ความเงียบที่อัดแน่นด้วยความกดดัน ดวงตาของฝูถูเฉวียนถมึงทึงขณะมองไปที่เย่าเฉินและหลินเตียว จากนั้นครู่หนึ่งเสียงไม่แยแสก็ดังขึ้น
“แล้วพวกเจ้าสองคนจะทำอะไร ถ้าข้ายืนยันจะจับเจ้าเด็กนั่น?”