หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1446 ลงโทษ
พวกฉิงเป่ยเฉวียนรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นผุดทั่วแผ่นหลัง
ใบหน้าแต่ละคนซีดเผือดลง พวกเขารู้สึกกลัวอย่างชัดเจน หลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งเพียงแค่คิดก็สามารถดักจับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ในโลกค่ายกลนางก็ฆ่าพวกเขาได้ในพริบตา…
นี่คือช่องว่างระหว่างขั้นเซิ่งและขั้นเซียน
คล้ายกับราชันที่ยืนอยู่ต่อหน้าจอมราชัน แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นกษัตริย์ แต่จอมราชันก็สามารถล้างเผ่าพันธุ์ได้เพียงแค่คิด…
“ผู้อาวุโสใหญ่เผ่าฝูถู?”
กลุ่มพันธมิตรเป่ยหลิงงงงวยไปขณะมองชิงเหยี่ยนจิ้ง เนื่องจากความแตกต่างของระดับชั้น พวกเขาจึงไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าโบราณอย่างเผ่าฝูถูได้
ในสายตาของพวกเขาแค่ขั้วอำนาจที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็อยู่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ส่วนพวกเผ่าโบราณที่อยู่บนยอดพีระมิดก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาจะรับรู้ได้
ทว่าแม้จะสงสัยว่าผู้อาวุโสใหญ่เผ่าฝูถูคืออะไร แต่เมื่อมองไปท่าทางของพวกฉิงเป่ยเฉวียน พวกเขาก็รู้สึกได้ว่ามันน่ากลัวเพียงใด
เพราะแม้แต่พลังที่มู่เฉินแสดงออกมา ก็ไม่สามารถทำให้ทั้งสี่ดูหวาดกลัวได้…
ดังนั้นจึงบอกได้ว่าการขู่ขวัญของชิงเหยี่ยนจิ้งขั้นสูงกว่ามู่เฉินมาก
อึก
ภาพนี้ทำให้หลายคนกลืนน้ำลาย ขณะมองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งด้วยความเคารพ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าจอมยุทธ์ที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่มู่เฉิน แต่เป็นสตรีที่พวกเขาปฏิบัติเหมือนนางเป็นคนธรรมดา…
เทียบกับความดุดันของมู่เฉิน นางคล้ายกับพระโพธิสัตว์ที่ละซึ่งกิเลสแล้ว
แม้แต่กลุ่มพันธมิตรเป่ยหลิงที่สนทนากับชิงเหยี่ยนจิ้งเมื่อครู่ ยังรู้สึกว่าหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น พวกเขาพูดคุยกับคนที่น่ากลัวเช่นนี้ก่อนหน้าได้อย่างไร เมื่อนึกย้อนหัวใจของพวกเขาเต้นแรงเลยทีเดียว…
“ฮ่าๆ ดูเหมือนเมียข้าเจ๋งกว่าลูกชายนะเนี่ย” ตรงข้ามกับคนอื่น มู่เฟิงกลับเป็นคนที่สงบที่สุดขณะที่หัวเราะเยาะมู่เฉิน
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดของบิดาก็กลอกตาอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านพ่อ!”
เมื่อราชันไป่หลิงมองภาพนี้ เขารู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่าใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด “ท่านพ่อต้องแก้แค้นให้ข้าสิ! ท่านปล่อยมันไปไม่ได้นะ!”
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ากำลังหนุนของเขาจะไม่สามารถทำให้ครอบครัวของมู่เฉินคุกเข่าต่อหน้าได้ ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังต้องก้มลงคารวะ ทำให้เขาเสียหน้ามาก
“หุบปากไอ้ลูกโง่!”
ใบหน้าของฉิงเป่ยเฉวียนเขียวคล้ำ ก่อนที่จะโบกมือตบลงบนใบหน้าของราชันไป่หลิง ทำให้ร่างเขากระเด็นไปชนกับกำแพง ฉิงเป่ยเฉวียนจ้องมองอย่างเย็นชา “เจ้ารู้สึกว่าตัวเองยังสร้างปัญหาไม่พออีกรึ?!”
ยามนี้ฉิงเป่ยเฉวียนยังอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย หากไม่ใช่เพราะสหายสนิทเอ่ยเตือนและหากพวกเขาพุ่งไปจัดการมู่เฉินแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ความโกรธของชิงเหยี่ยนจิ้งอาจทำให้ตำหนักปลายเหนือของเขาอันตรธานเป็นอากาศธาตุ
ในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเขารู้ว่าหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งน่ากลัวเพียงใดและเขาก็รู้ดีถึงพลังอำนาจของเผ่าฝูถูด้วย…
เพียงแค่คิดว่าสำนักเกือบจะถูกทำลายโดยลูกชายบังเกิดเกล้า เขาก็รู้สึกทั้งกลัวและโกรธในใจ
ยามนี้ใบหน้าของราชันไป่หลิงบวมเป่ง เขามองไปที่บิดาด้วยความตกตะลึง ทว่าความเจ็บปวดบนใบหน้าทำให้สมองเขาชัดเจนขึ้น ทันใดนั้นทั่วร่างก็เย็นเยือกลง
ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ว่าท่านพ่อไม่อยากแก้แค้นให้ แต่เป็นเพราะคนที่เขาท้าทายทรงพลังจนท่านพ่อยังหวาดกลัว
แม่ลูกคู่นี้เป็นอะไรที่พวกเขาไม่สามารถท้าทายได้
ยามนี้กองหนุนของราชันไป่หลิงถูกริดออกไปอย่างสิ้นเชิง เขามองไปที่มู่เฉินด้วยความกลัวและเริ่มตัวสั่นเทา
“เป่ยเฉวียน! ท่านกำลังทำบ้าอะไร?”
เมื่อหลิ่วไป่ฮวาพุ่งเข้ามาในโถง ดวงตานางก็แทบลุกเป็นไฟ เมื่อนางเห็นฉิงเป่ยเฉวียนตบบุตรชายที่นางรักดั่งแก้วตาดวงใจ
“เจ้าก็หุบปากไป!”
แต่คำพูดของนางกลับได้รับการตอบสนองด้วยสายตาเย็นชาของฉิงเป่ยเฉวียน “ถ้าเจ้าไม่อยากให้ตำหนักปลายเหนือและสำนักร้อยบุปผาหายไป ก็ตั้งสติหน่อย!”
หลิ่วไป่ฮวาตัวสั่นขณะมองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งอย่างหวาดกลัว ในระยะดังกล่าวนางรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่คลุมเครือที่มาจากอีกฝ่าย
ภายใต้ความกดดันนี้นางไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป แม้ว่าจะรู้สึกไม่เต็มใจก็ตาม
เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ก็ทอดถอนหายใจ ดูเหมือนว่าราชันไป่หลิงได้เตะกำแพงเหล็กครั้งนี้เข้าให้ แต่ใครจะคิดว่าประมุขพันธมิตรเป่ยหลิงจะมีการสนับสนุนที่น่ากลัวเช่นนี้…
ภรรยาของเขาคือผู้อาวุโสใหญ่เผ่าฝูถู มิหนำซ้ำบุตรชายของเขาก็ได้ปราบปรามฉินเป่ยเฉวียนด้วยตัวเอง ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนจิตใจพังทลาย เพราะไม่ว่าพวกเขาจะมองยังไงพลังของมู่เฟิงไม่ถึงขอบเขตระดับจื้อจุนด้วยซ้ำ…
หลังจากปิดปากบุตรชายและฮูหยินของตนเองแล้ว ฉิงเป่ยเฉวียนก็หันไปหาชิงเหยี่ยนจิ้งพลางประสานมือด้วยความเคารพสีหน้าขมขื่น “เรื่องในวันนี้ลูกชายข้าสมควรได้รับ ไม่ทราบว่าท่านต้องการลงโทษยังไง?”
ชิงเหยี่ยนจิ้งขมวดคิ้วไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก นางส่ายหัว “ลูกชายข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง ไปถามเขาดูเถอะ”
มู่เฉินเหลือบมองไปที่ฉิงเป่ยเฉวียนพูดอย่างใจเย็น “ประมุขฉิง ราชันไป่หลิงรังแกผู้คนไปทั่วเนื่องจากการสนับสนุนของพวกท่าน คนอื่นก็ทำได้แค่คิดว่าโชคร้าย แต่วันนี้เขารังแกครอบครัวข้า ก็เลยเป็นพวกท่านที่ต้องโชคร้ายแทน”
ฉิงเป่ยเฉวียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นเพราะนี่ยุติธรรมแล้ว ลูกชายบังเกิดเกล้าคนนี้คุกคามผู้อื่นเหมือนเป็นทรราช แต่พวกเขาก็ปิดปากคนทั้งหมดได้ แต่ตอนนี้เขาไปยั่วยุใครบางคนที่ไม่ควรทำ เขาก็ต้องได้รับบทเรียนด้วยตัวเอง
“ประมุขมู่จัดการตามที่ต้องการได้เลย” เขาก็เด็ดขาดใช้ได้ ในเมื่อไม่สามารถต่อต้านได้ก็ไปตามน้ำซะจะดีกว่า
“ท่านเป็นคนฉลาด” มู่เฉินยิ้ม ฉิงเป่ยเฉวียนเป็นคนยืดได้หดได้ สมกับเป็นประมุขสำนักใหญ่
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทวีปไป่หลิงไม่ใช่ของตำหนักปลายเหนืออีกต่อไป พันธมิตรเป่ยหลิงจะเข้ามาจัดการแทน”
คำพูดของเขาก่อให้เกิดความปั่นป่วน ขั้วอำนาจน้อยใหญ่ในทวีปไป่หลิงต่างตกตะลึง หากเป็นเช่นนั้นเจ้าเหนือหัวของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นมู่เฟิงไม่ใช่หรือ?
พวกเขารู้สึกกระอักกระอวนเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพันธมิตรเป่ยหลิงถือได้ว่าเป็นขั้วอำนาจระดับกลางเท่านั้น แต่ตอนนี้ขึ้นมาเทินอยู่บนหัวของพวกเขาแล้ว
แต่ความไม่สบายใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านแทนเมื่อสายตามู่เฉินกวาดมองมา พวกเขาตระหนักได้ถึงโง่เขลาของตน ด้วยฮูหยินและบุตรชายที่ทรงพลังเช่นนี้ ใครจะกล้าดูถูกพันธมิตรเป่ยหลิงอีก?
หลังจากลังเลชั่วครู่ ฉิงเป่ยเฉวียนก็ขบฟันพยักหน้า “ได้ ตำหนักปลายเหนือของข้ายอมรับข้อเสนอเป็นการขอโทษพวกเจ้า”
แม้ว่าตำหนักปลายเหนือจะได้รับผลกระทบหนักหากไม่มีทวีปไป่หลิง แต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้
“นอกจากนี้ลูกชายของท่านยังทำร้ายครอบครัวของข้าด้วยการกระทำที่เลวทราม ตอนแรกเขาควรตายด้วยซ้ำ แต่ข้าจะไว้ชีวิตเขาเพื่อเห็นแก่หน้าท่าน” มู่เฉินพูดเบาๆ
ขณะที่ฉิงเป่ยเฉวียนรู้สึกโล่งใจ เสียงของมู่เฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แม้เขาจะรอดจากความตายได้ แต่ก็ไม่รอดจากการลงโทษ”
เมื่อมู่เฉินพูดจบ เจดีย์ผลึกแก้วก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะบินไปทางราชันไป่หลิงที่กำลังหวาดกลัวสุดขีด
ฮึ่ม ฮึ่ม
ผลึกแสงพุ่งลงมาและก่อตัวเป็นอักขระผลึกแก้วบนร่างราชันไป่หลิงอย่างรวดเร็ว อักขระเหล่านั้นทำหน้าที่เหมือนโซ่ที่ทิ่มแทงเนื้อของราชันไป่หลิง
เมื่ออักขระผลึกแก้วถูกสร้างขึ้น ราชันไป่หลิงก็ต้องสะพรึงกลัว เมื่อพบว่าคลื่นหลิงของเขาถูกปิดผนึกทั้งหมด
“คลื่นหลิงของเขาจะถูกปิดผนึกเป็นเวลาห้าสิบปี”
เสียงเยือกเย็นของมู่เฉินดังก้อง ราวกับเป็นการโจมตีหนักหน่วงไปยังราชันไป่หลิง
“แก!” เมื่อหลิ่วไป่ฮวาเห็นสิ่งนี้ นางก็กัดฟันพร้อมกับความโกรธแค้นในดวงตา
“และเจ้า!”
ทว่ายามนี้สายตาเย็นชาของมู่เฉินก็พุ่งเข้ามา “เจ้าลบหลู่ดูหมิ่นครอบครัวของข้า ไม่ควรให้อภัยเช่นกัน!”
มู่เฉินโกรธหญิงไร้เหตุผลคนนี้มาก เป็นเพราะนางราชันไป่หลิงถึงทำอะไรไม่กลัวเกรง มิหนำซ้ำนางยังดูถูกบิดาเขา ผู้หญิงคนนี้ไม่สมควรได้รับการละเว้น
ฟิ้ว!
เจดีย์ผลึกแก้ววาบไปปรากฏเหนือร่างหลิ่วไป่ฮวา ผลึกแสงกระจายลงมาห่อหุ้มร่างนางไว้
หลิ่วไป่ฮวาฉายความหวาดผวาบนใบหน้า ก่อนที่จะหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อตอบโต้ แต่เมื่อคลื่นหลิงของนางสัมผัสกับผลึกแสงก็พังทลายลง เพียงสิบกว่าลมหายใจก็กลายเป็นอักขระผลึกแก้วบนร่างกายของนาง…
ความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากร่างกายของหลิ่วไป่ฮวาก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
พลังในปัจจุบันของมู่เฉินยังไม่สามารถปิดผนึกคลื่นหลิงของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาสามารถทำให้อ่อนแอลงได้ ยามนี้หลิ่วไป่ฮวาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น
“ผนึกนี้จะมีอายุยี่สิบปีและจะสลายไปเอง”
ใบหน้าของหลิ่วไป่ฮวาซีดขาว นางเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่สูงส่ง แต่ตอนนี้ถูกลดสถานะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน นี่เป็นการระเบิดนางครั้งใหญ่เลยทีเดียว
ทั้งโถงเงียบ ทุกคนตกใจกับวิธีการของมู่เฉิน การปิดผนึกคลื่นหลิงของราชันไป่หลิงและหลิ่วไป๋ฮวาได้สิ่งนี้น่ากลัวเพียงใด?
เมื่อมู่เฉินพูดจบก็หันไปหาฉิงเป่ยเฉวียนถามว่า “ประมุขฉิงมีข้อคัดค้านเกี่ยวกับการลงโทษของข้าหรือไม่?
ฉิงเป่ยเฉวียนส่ายหัวด้วยความขมขื่น เขารู้ว่ามู่เฉินผ่อนปรนมากแล้ว ในมหาพันภพความโกรธเกรี้ยวของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทำลายล้างจนถึงจุดที่สามารถทำลายตำหนักปลายเหนือและสำนักร้อยบุปผาได้ทั้งหมดเลยทีเดียว
ดังนั้นนี่ถือว่าดีกว่ามากเมื่อราชันไป่หลิงและหลิ่วไป่ฮวาแค่ถูกปิดผนึกคลื่นหลิง
“ในเมื่อเป็นเช่นนนี้ วันนี้ก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ในอนาคตหากมีอะไรเกิดขึ้นกับพันธมิตรเป่ยหลิงข้าจะไปเยี่ยมท่านเป็นการส่วนตัว” มู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย เขาไม่สามารถอยู่ในทวีปไป่หลิงได้ตลอดไป ถ้าเขาและชิงเหยี่ยนจิ้งต้องไป พันธมิตรเป่ยหลิงก็ไม่สามารถทนต่อการแก้แค้นของฉิงเป่ยเฉวียนได้
ฉิงเป่ยเฉวียนรู้ความหมายเบื้องหลังคำพูดของมู่เฉินดี เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของมู่เฉินและชิงเหยี่ยนจิ้งแล้ว เขาจะกล้าแก้แค้นได้อย่างไร?
“งั้นวันนี้พวกข้าขอตัวก่อน”
ฉิงเป่ยเฉวียนโบกมือคลื่นหลิงตรงไปห่อหุ้มราชันไป่หลิงและหลิ่วไป่ฮวา ก่อนที่เขาจะประสานมือไปทางมู่เฉินและชิงเหยี่ยนจิ้งแล้วจากไป จอมยุทธ์อีกสามคนก็เปลี่ยนเป็นร่างแสงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
พร้อมกับการไปของพวกฉิงเป่ยเฉวียน ความกดดันที่น่ากลัวที่ครอบงำพื้นที่ก็หายไป
ทว่าทุกคนรู้ดีว่าในอนาคตทวีปไป่หลิงจะเปลี่ยนไปครั้งใหญ่
ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ต้องรีบเตรียมของขวัญและมุ่งหน้าไปยังพันธมิตรเป่ยหลิงเพื่อสวามิภักดิ์แล้ว…