หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1454 ปราบปราม
หลังจากผู้แข่งขันเข้าไปในสระยกเทพ
หวงจิงก็สะบัดแขนเสื้อ เสาน้ำจำนวนมากจากสระทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นกระจกโปร่งใสแสดงภาพทุกคนที่เข้าไปในสระยกเทพ…
ที่ด้านนอกสระ ทุกคนจ้องมองไปที่กระจกเหล่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นแก่นโลหิตชั้นยอดของเทพอสูร เกิดขึ้นดวงแล้วดวงเล่าก็ต่างอุทานด้วยความอิจฉา
นั่นคือยาบำรุงที่ดีเยี่ยมสำหรับเทพอสูรทุกคน โดยปกติหาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากในสระยกเทพเท่านั้น
“หืม?”
ขณะที่พวกเขามองดูอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นความโกลาหลก็ดังขึ้น “ฟังจิ้งประหน้ากับมู่เฉินแล้ว…”
ทุกคนมองไปที่กระจกบานนั้นทันที ก็เห็นมู่เฉินและจิ่วโยวกำลังเผชิญหน้ากับฟังจิ้งอยู่
“เฮ้ ดูเหมือนว่าฟังจิ้งตั้งใจที่จะจัดการกับมู่เฉินเพื่อเอาความชอบจากหวงเฉวียนจือนะ…” เมื่อมองไปที่ฟังจิ้งก็มีคนแอบหัวเราะในใจ
“แต่มู่เฉินก็ไม่ได้เคี้ยวง่าย อย่าดูถูกขุมพลังของเขา เขาพึ่งพาความสามารถของตัวเองที่มีในการเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นของเผ่าฝูถูได้มาแล้ว”
“เจ้าก็ดูถูกฟังจิ้งไป เขาเป็นอัจฉริยะแท้จริงของเผ่าแร้งหงส์ทองคำและได้รับการฝึกฝนมากว่าสองร้อยปี แม้ว่าจะอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย แต่ก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ เนื่องจากเขาเป็นเทพอสูร เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ยินมาว่าฟังจิ้งต่อสู้กับมนุษย์ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น ไม่ว่ามนุษย์คนนั้นจะออกกระบวนท่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำอะไรกับฟังจิ้งได้”
“จริงรึ? น่าสนใจๆ ข้าเคยได้ยินเรื่องที่มู่เฉินไปก่อความเสียหายในเผ่าฝูถูมาพักใหญ่แล้ว วันนี้ขอข้าเป็นพยานว่าชายคนนี้มีความสามารถจริงหรือไม่”
“ฮ่าๆ ถ้าเขาแพ้ฟังจิ้งก็เป็นเรื่องน่าตลกแล้ว พวกผู้อาวุโสเผ่าฝูถูคงได้รู้สึกอับอายขายหน้าหนักแน่”
การสนทนาทุกประเภทดังก้อง แต่ส่วนใหญ่ก็รอดูการประลองด้วยอารมณ์ขบขัน นอกจากนี้ระหว่างมนุษย์กับเทพอสูร ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะยืนอยู่ข้างฟังจิ้ง นอกจากนี้ถ้าฟังจิ้งชนะก็เป็นการแสดงให้มนุษย์ในมหาพันภพตระหนักถึงช่องว่างระหว่างมนุษย์และเทพอสูรเช่นพวกเขา
“สิบลมหายใจแล้ว พวกแกยังไม่ไสหัวไปอีกเรอะ?”
ขณะที่ความสนใจด้านนอกสระพุ่งมาที่กระจกบานนี้ ฟังจิ้งที่กอดอกก็จ้องมองมู่เฉินอย่างดุร้าย
“ไอ้โง่”
มู่เฉินเหลือบมองฟังจิ้งพูดออกมาก่อนจะไม่สนใจอีกฝ่าย เขาเปิดปากเพลิงไฟสีม่วงก็พุ่งออกมาห่อหุ้มไปทางปลาคุนที่กำลังจะหนี
เมื่อเพลิงสีม่วงปรากฏขึ้น ก็ทำให้น้ำรอบๆ ระเหยจากอุณหภูมิที่สูงทันที
“รนหาที่ตาย!”
เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่สนใจ ฟังจิ้งก็โกรธก่อนที่จะยื่นมือออกไป รัศมีสีทองระเบิดออก อึดใจกรงเล็บสีทองก็พุ่งเข้าไปตะปบปลาคุนตัวนั้น
มู่เฉินมองไปอย่างเย็นชาและสะบัดนิ้ว เพลิงสีม่วงที่พุ่งเป้าไปที่ปลาคุนหันกลับเปลี่ยนเป็นมังกรเพลิงพุ่งเข้าหากรงเล็บสีทอง
ชี่ ชี่!
เมื่อเพลิงสีม่วงแผ่ออกไปกรงเล็บสีทองก็ละลายอย่างรวดเร็ว ในไม่กี่ลมหายใจก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
“อะไรน่ะ?!” ฟังจิ้งหดตาลงกับฉากนี้ เขาไม่เคยคิดว่าเพลิงสีม่วงของมู่เฉินจะดุดันขนาดนี้
หลังจากละลายกรงเล็บสีทองได้ มู่เฉินก็โบกมือเพลิงสีม่วงก็ห่อหุ้มปลาคุนไว้อีกครั้ง มันดิ้นรนอย่างรุนแรง แต่หลังจากสิบลมหายใจสั้นๆ มันก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นแก่นโลหิตชั้นยอดบินไปหามู่เฉิน
มู่เฉินโยนแก่นโลหิตชั้นยอดเล่นในมือก่อนที่จะโยนมันไปให้จิ่วโยว “กินซะ”
เมื่อจิ่วโยวได้รับแก่นโลหิตก็มองไปที่ฟังจิ้งด้วยความกังวลในสายตา
“ไม่ต้องกังวล เขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะแย่งแก่นโลหิตชั้นยอดไปหรอก” มู่เฉินยิ้ม
จิ่วโยวโล่งใจไปเปลาะเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน นางนั่งลงโดยแก่นโลหิตลอยอยู่ระหว่างฝ่ามือ
ขณะที่นางหมุนเวียนคลื่นหลิง แก่นโลหิตก็กลายเป็นไอสีแดงเข้มพวยพุ่งเข้าไปทางนาสิกประสาทของนาง
เมื่อไอโลหิตหนาแน่นเข้าสู่ร่างกาย แสงหลิงก็พวยพุ่งขึ้นด้านหลังจิ่วโยว สีดำบนไข่ก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่จิ่วโยวกำลังกลืนกินแก่นโลหิต มู่เฉินก็ยืนอยู่ตรงหน้านางมองไปที่ฟังจิ่งที่มีใบหน้าเขียวคล้ำ
“แกช่างเรียกร้องหาความตาย!”
ฟังจิ้งคำรามด้วยเจตนาฆ่า เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะไม่เห็นเขาในสายตาขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะเมินเฉยต่อการข่มขู่ของเขายังคว้าแก่นโลหิตชั้นยอดไปและให้จิ่วโยวกลั่นต่อหน้าต่อตาเขาอีกด้วย
“ไปเลือกวิธีที่ดีกว่านี้ซะ ถ้าอยากให้เจ้านายแกโปรดปราน อย่ามาอับอายขายหน้าตรงข้า” มู่เฉินเหลือบมองฟังจิ้งพลางพูดอย่างไม่ยี่หระ
“ฮ่าๆ!”
ฟังจิ้งรู้สึกว่าปอดจะระเบิดเพราะความโกรธขณะที่คำรามด้วยเสียงหัวเราะ อึดใจต่อมาแสงสีทองไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกจากร่างกลายเป็นนกสีทองขนาดใหญ่
นกตัวนี้แปลกประหลาด ร่างถูกปกคลุมไปด้วยขนหงส์ฟ้า แต่หัวเป็นแร้งเปล่งแสงทองเย็นเยือกในดวงตา
นี่คือร่างจริงของฟังจิ้ง—แร้งหงส์ทองคำ สัตว์อสูรชนิดนี้เป็นลูกผสมระหว่างหงส์ฟ้าและแร้ง
เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะฆ่า จึงนำร่างที่แท้จริงออกมาตั้งแต่เริ่มต้น
“ไอ้สารเลว ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ แล้วเอาศพแกฝังในสระยกเทพนี้!” เสียงแหลมคมของแร้งหงส์ทองคำดังก้อง ขณะที่กระพือปีกสร้างพายุหมุน
“กลัวว่าแกจะไม่มีความสามารถพอน่ะสิ” มู่เฉินเค้นเสียงขึ้นจมูก
ฮึ่ม ฮึ่ม!
แต่คราวนี้แร้งหงส์ทองคำไม่ตอบกลับกระพือปีก แสงสีทองไร้ขอบเขตระเบิดออกพร้อมกับขนนกสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาปกคลุมรัศมีหลายหมื่นจั้ง
ขนนกทุกเส้นควบแน่นไปด้วยคลื่นหลิง ความคมสามารถทำลายอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นหลิงได้เลยทีเดียว
เมื่อขนสีทองพุ่งลงมา แสงสีม่วงทองก็ระเบิดออกมาจากร่างมู่เฉิน เขานำร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมาพร้อมแสงอมตะก่อตัวเป็นกำแพงกั้น
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
เมื่อขนนกสีทองกระทบกับกำแพงก็กระดอนออกไปไม่สามารถแทงทะลุได้
ฟังจิ้งหยุดจู่โจม หลังจากเห็นว่าการโจมตีของตนไร้ประโยชน์พร้อมกับแสงเย็นวาบในดวงตา เขายกปีกที่ดูเหมือนทำจากโลหะสีทองที่สามารถฉีกมิติออกจากกันได้
ร่องรอยความแหลมคมที่แทรกซึมเข้ามาทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นก็ไม่กล้าที่จะประมาท
“ฟังจิ้งกำลังจะใช้ทักษะเทียนเซิงเสินทง…” ผู้ชมที่เฝ้าดูการประลองก็หดดวงตาพลางแสดงเอ่ยด้วยเสียงเคร่งเครียด
มหาเทพอสูรส่วนใหญ่มีทักษะเทพทรงอำนาจน่ากลัวที่ได้มาจากชาติกำเนิด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมหาเทพอสูรถึงสามารถจัดการจอมยุทธ์มนุษย์ส่วนใหญ่ในระดับเดียวกันได้
“ไอ้สารเลว จงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ตายด้วยทักษะเทพของข้า!” แร้งหงส์ทองคำส่งเสียงร้องแหลมคม อึดใจต่อมาแสงสีทองก็กระจายบนปีก ซึ่งดูเหมือนสารปรอทก่อนที่จะเฉือนลงมา
“ทักษะเทียนเซิงเสินทง ปีกเทพสังหาร!”
เมื่อปีกสีทองเฉือนลงก็ราวกับแสงสีทองเจิดจ้าฉีกสวรรค์และโลกออกจากกัน กระทั่งน้ำทะเลที่เบื้องหน้าก็ถูกเฉือนเป็นริ้ว
แสงสีทองดูเหมือนสามารถทะลุผ่านทุกสรรพสิ่งด้วยความคมที่ไม่มีใครเทียบได้
เมื่อแสงสีทองพุ่งลงมาจากท้องฟ้า มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับหรี่ตาลง ก่อนจะวาดตราประทับในมือ
ฮึ่ม!
แสงสีม่วงทองพวยพุ่งออกมาจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ รหัสเทพอมตะสร้างขึ้นขดรอบตัวราวกับมังกรขนาดใหญ่
เพียงไม่กี่ลมหายใจจำนวนรหัสเทพก็มีถึงเจ็ดร้อยลาย!
ด้วยพลังในปัจจุบันบวกกับการบรรลุผลสำเร็จของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ขั้นสุด ทำให้รหัสเทพอมตะที่เขาสามารถสร้างได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย
ขณะที่รหัสเทพหมุนวน ทันใดนั้นพวกมันก็รวมตัวเข้าด้วยกันพร้อมกับการสะบัดนิ้วของมู่เฉิน
แสงสีม่วงทองระเบิด เหมือนจะปรากฏใบมีดสีม่วงทองที่ห่อหุ้มไปด้วยรัศมีอมตะ
มองไปที่แสงสีทองที่พุ่งลงมา มู่เฉินก็ยิ้มจางๆ “แกมีปีกเทพสังหาร ข้าก็มีดาบสังหารหงส์ฟ้า”
เมื่อพูดจบดาบสีม่วงทองก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วฟาดฟัน ทันใดนั้นฟ้าดินก็มืดลงพร้อมกับแสงสีม่วงทองพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว ปะทะกับแสงสีทอง
ตู้ม ตู้ม!
น้ำในรัศมีหลายแสนจั้งถูกผลักออกกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศขนาดใหญ่…
ทุกคนที่อยู่นอกสระยกเทพมองไปที่กระจกอย่างกังวล พวกเขาไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ได้เปรียบในการประลองกันครั้งนี้
เมื่อน้ำในมหาสมุทรค่อยๆ คืนสภาพ แสงก็ค่อยๆ สลายไป แร้งหงส์ทองคำก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งทำให้ทุกคนต้องหดดวงตา เนื่องจากพวกเขาสามารถเห็นรอยเลือดลึกบนปีกข้างหนึ่งของนกยักษ์ ขนรอบๆ แตกร้าว…
“เป็นไปได้ยังไง?!” พวกเขาอดอุทานออกมาไม่ได้
“เป็นไปได้ยังไง?!”
ประโยคเดียวกันเปล่งออกมาจากฟังจิ้ง ขณะมองไปที่บาดแผลบนปีกตนเองด้วยความไม่เชื่อ ถ้าปีกเทพสังหารไม่ได้ลบล้างพลังส่วนใหญ่บนใบมีด ปีกของเขาคงถูกเฉือนออกในตอนนี้แล้ว
ตัวเขาเป็นมหาเทพอสูรและร่างกายก็คล้ายกับอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นหลิงเลยนะ!
“สมกับชื่อเสียงในฐานะมหาเทพอสูรแท้จริง หนังแกหนาใช้ได้”
ขณะที่ฟังจิ้งตกใจ มู่เฉินก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ตอนแรกนึกว่าตนเองสามารถจัดการได้แบบเด็ดขาด แต่ไม่คิดว่าจะตัดปีกมันไม่ได้ด้วยซ้ำ
“แก! จำไว้! ข้ามาคิดบัญชีแค้นเรื่องปีกกับแกแน่นอน!”
ฟังจิ้งตกใจวูบหนึ่งขณะมองมู่เฉินด้วยความแค้น ก่อนจะโผบินหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด
เขาพบว่าจากการแลกกระบวนท่า ถึงมู่เฉินจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง แต่ความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งกว่ามหาเทพอสูรเช่นเขา
แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ
แต่ก็รู้ว่าตนเองจะตกอยู่ในเงื้อมมือมู่เฉินแน่ ถ้ายังดันทุรังต่อไป
มู่เฉินมองไปที่ฟังจิ้งอย่างเย็นชาก่อนที่จะหัวเราะเยาะ “แกคิดว่าจะไปก็ไป จะมาก็มาตามใจชอบเรอะ? จะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?”
“ฮ่าๆ แกทำอะไรข้าได้ล่ะ? แม้ว่าข้าจะเอาชนะแกไม่ได้ แต่แกก็จับข้าไม่ได้!”
เสียงหัวเราะเสียดหูดังก้อง ถึงยังไงเขาเป็นสัตว์อสูรกลางเวหาและความเร็วก็คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นหากเขาตั้งใจที่จะหลบหนีแม้แต่จอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ได้แต่กินฝุ่นจากปลายเท้าของเขาเท่านั้น
“จริงเหรอ?” มู่เฉินหัวเราะเยาะ
หัวใจของฟังจิ้งสั่นสะท้าน ขณะรู้สึกไม่สบายใจก่อนที่จะกระพือปีกเร็วรี่ตั้งใจที่จะหนี
แต่เมื่อกำลังบินออกไป เขาก็รู้สึกได้ว่าพื้นที่รอบๆ ตัวแข็งทื่อก่อนที่เงาขนาดใหญ่จะครอบลงมาจากท้องฟ้า…
ฟังจิ้งเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดผวา เขาเห็นเจดีย์ขนาดมหึมาพุ่งลงมา
ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของเขาก็มืดลง