หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1461 การปะทะกันของอัจฉริยะ
“ในที่สุดพวกเขาสองคนก็เผชิญหน้ากัน…”
การประจันหน้าระหว่างมู่เฉินและหวงเฉวียนจือ ทำให้ทุกคนที่อยู่นอกสระยกเทพสนใจ ดวงตาแต่ละคู่ยึดติดอยู่ที่กระจก
ทั้งสองคนถือได้ว่าเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดและนี่จะเป็นการต่อสู้ระหว่างมังกรกับพยัคฆ์อย่างแท้จริง
“ไม่รู้ว่ามู่เฉินที่ก่อเรื่องในเผ่าฝูถูกับหวงเฉวียนจือจากเผ่าหงส์ฟ้าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?”
“ก็ต้องเป็นหวงเฉวียนจือสิ! เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าเขาจัดการกับพวกข่งหลิงเอ๋อสามคนได้สบายๆ”
“แน่นอน การกระทำของหวงเฉวียนจือก่อนหน้าน่าทึ่งมาก แม้ว่ากลุ่มข่งหลิงเอ๋อจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่เผ่ามหาเทพอสูร แต่พวกเขาก็ลนลานต่อหน้าหวงเฉวียนจือนัก” ทุกคนถอนหายใจ พวกเขาตกใจมากเกี่ยวกับการกระทำของหวงเฉวียนจือ แม้ว่าจะไม่มีใครประเมินเขาต่ำ แต่ก็อดตกใจไม่ได้เมื่อเห็นการกระทำของเขา
ดังนั้นหลายคนจึงถือหางข้างหวงเฉวียนจือและพวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะต่อกรได้
“หลังจากวันนี้ชื่อเสียงที่มู่เฉินสร้างขึ้นจะกลายเป็นขั้นบันไดของหวงเฉวียนจือและเขาจะผงาดขึ้นเป็นจอมยุทธ์อัจฉริยะในมหาพันภพโดยไม่มีใครโต้แย้ง”
ขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบ เทียนฮวงที่ได้ยินการสนทนาอย่างชัดเจนก็ดูกังวลเล็กน้อย แม้ว่ามู่เฉินจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่เทียนฮวงก็ตกใจกับความแข็งแกร่งของหวงเฉวียนจือยิ่งนัก
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเผ่าหงส์ฟ้าถึงตั้งความหวังกับชายคนนี้ไว้สูง
“แต่ต่อให้มู่เฉินจะสู้กับหวงเฉวียนจือไม่ไหว เขาก็สามารถพาจิ่วโยวหลบหนีไปได้ ตราบใดที่สามารถรักษาสายเลือดวิหคอมตะไว้ การเสียแก่นโลหิตชั้นยอดไปก็เป็นเรื่องที่รับได้…” เทียนฮวงปลอบใจตัวเอง
แม้ว่าแก่นโลหิตระดับเทียนจื้อจุนที่เกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งจะน่าดึงดูด แต่ก็ไม่มีความหมายหากไม่มีสายเลือดวิหคอมตะแล้ว
ซ่า ซ่า ซ่า!
หวงเฉวียนจือกอดอก ร่างก็ลอยขึ้นไปช้าๆ ปีกหงส์ฟ้าสีทองแผ่ออกไปด้านหลัง ทำให้เกิดคลื่นสูงในมหรรณพนับไม่ถ้วนทุกครั้งที่เกิดการกระพือ
ในเวลาเดียวกันเขากำจายแรงกดดันทรงพลังซึ่งครอบคลุมรัศมีหลายพันลี้
ภายใต้แรงกดดันนี้ ด้วยขุมพลังของจิ่วโยวก็ไม่สามารถขยับได้เลย ราวว่าภูเขากำลังกดทับร่างนางไว้
มู่เฉินโบกมือ กระแสคลื่นหลิงก็โอบล้อมจิ่วโยวออกจากขอบเขตแรงกดดันของหวงเฉวียนจือ ก่อนที่ดวงตาเขาจะเปล่งประกายอย่างเย็นชา
เสื้อคลุมของมู่เฉินพลิ้วสะบัด แสงหลิงรวมตัวกันบนร่างกาย เขาเร้ากายาหลิงเทียนจุนออกมาทันที ทำให้เขาดูราวกับว่าทำจากอัญมณี
แม้ว่ามู่เฉินจะเคยเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นของเผ่าฝูถูมาได้ แต่หวงซวนจื่อก็แข็งแกร่งกว่าขุมพลังนั้นอย่างชัดเจน
เหมือนกับที่มู่เฉินสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังสูงกว่าตนเองได้ หวงเฉวียนจือก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะอยู่ในขอบเขตขั้นเซียนระยะต้น เขาก็ไม่ขาดพลังในการเอาชนะขั้นเซียนระยะกลางภายใต้เงื้อมมือเขา
ทั้งสองคนประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ต่อไปจากวันนี้…
หวงเฉวียนจือยกดวงตาขึ้น แสงสีทองพวยพุ่งก่อนที่เขาจะชี้นิ้วในอึดใจถัดไป
ชี่ ชี่!
เมื่อนิ้ววาดออกไป ปีกสีทองที่อยู่ข้างหลังก็ระเบิดออกด้วยริ้วแสงสีทองก่อตัวเป็นขนนกสีทองพร้อมกับพลังการเจาะทะลุผ่านมิติ
พายุขนนกสีทองพุ่งออกมา ทำให้น้ำทะเลที่อยู่ในเส้นทางระเหยออกไป
ขณะที่พายุสีทองพัดเข้าผ่าน ท่าทางของมู่เฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนไป มือของเขาประสานเข้าหากัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกจากร่างกายกลายเป็นวงล้อที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายพันจั้ง
เมื่อวงล้อหมุนก็คล้ายกับโล่ปิดกั้นพายุทองคำ
เคร้งๆๆๆ!
เสียงปะทะดังก้องไปทั่วทะเลสาบสีเขียวมรกต การชนกันทุกครั้งทำให้เกิดการระเบิดในมิติใกล้เคียงพร้อมกับรอยแตกเล็กเกิดขึ้น
เมื่อเห็นฉากนี้หวงเฉวียนจือก็ยิ้มบาง “คลื่นหลิงของเจ้ามีการควบแน่นอย่างแท้จริง สูงยิ่งกว่าระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย แต่น่าเสียดายที่ยังขาดไปเมื่อเทียบกับคลื่นหลิงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน”
สายตาเฉียบคมของหวงเฉวียนจือสามารถเห็นได้ว่าวงล้อกำลังอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วจากการปะทะ
เนื่องจากความหนาแน่นคลื่นหลิงของมู่เฉินด้อยกว่าของเขา
“แตกซะ!”
หวงเฉวียนจือสะบัดนิ้ว พายุสีทองก็แข็งตัวก่อนที่จะรวมตัวเป็นกระบี่ขนนกขนาดใหญ่
เมื่อกระบี่ขนนกสั่นสะเทือน เสียงแหลมก็ดังก้องออกมาทะลุผ่านมิติ
ชี่
กระบี่ขนนกสีทองปะทะกับวงล้อในพริบตา แต่คราวนี้วงล้อไม่สามารถกีดขวางได้อีก มันขาดออกจากกันทันที
กระบี่ขนนกกลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งเป้าไปที่หว่างคิ้วของมู่เฉิน
“คลื่นหลิงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้รับการขัดเกลามากกว่าอย่างแท้จริง” มู่เฉินถอนหายใจก่อนที่ประสานมือกัน
เจดีย์พุทธะในร่างกายสั่นสะท้าน คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาถูกเปลี่ยนเป็นผลึกคลื่นหลิงซึ่งเติมเต็มในร่างกายมู่เฉิน
ขณะนี้ม่านตาสีดำของมู่เฉินสั่นไหวด้วยผลึกแสงเหล่านั้น ความกดดันที่กระจายออกมาจากร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้น
เขาเปิดปาก ผลึกหลิงก็กวาดออกควบแน่นเป็นกระบี่ยาวทะยานออกไปปะทะกับกระบี่ขนนก
เคร้ง!
ในช่วงเวลาปะทะกันนั้นความผันผวนของคลื่นหลิงและมิติก็พังทลายลง อึดใจถัดมาพลังสองสายก็ลบล้างซึ่งกันและกันทันที
“คลื่นหลิงแข็งแกร่งขึ้นฉับพลัน?” หวงเฉวียนจือฉายแววตกตะลึงในดวงตา ขณะมองไปที่ริ้วผลึกบนร่างกายของมู่เฉิน เขาหดดวงตา ความหนาแน่นของคลื่นหลิงของมู่เฉินอยู่ในระดับใหม่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
“ลือกันว่าเจดีย์ของเผ่าฝูถูสามารถขยายคลื่นหลิงได้ ดูเหมือนว่ามู่เฉินก็ใช้ได้เช่นกัน… แต่ในเมื่อขยายได้มากขนาดนี้ นั่นหมายความว่าเจดีย์ของเขาไม่ได้อยู่ในระดับที่ต่ำ”
สายตาของหวงเฉวียนจือวูบไหวพลางคิดออกทั้งหมดทันที ทว่าคนอย่างเขาไม่กลัวแต่กลับหัวเราะพึงพอใจเบาๆ “ต้องแบบนี้สิจะได้ถึงใจ”
เขาเปิดปากหายใจเข้าลึกก่อนจะพ่นเปลวไฟสีทองออกมาในลักษณะครอบงำ ทำให้น้ำทะเลที่อยู่ในเส้นทางระเหยกลายเป็นไอ
“ลองเพลิงหงส์สีทองของข้าบ้างสิ!”
ฟู่ ฟู่!
เพลิงสีทองบินออกไป กลายเป็นหงส์ฟ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าหามู่เฉิน
อุณหภูมิทำให้มิติบิดเบี้ยว ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงธรรมดาสัมผัสคงจะถูกแผดเผาทันที
“เจ้าก็ลองเพลิงม่วงกลืนวิญญาณของข้ามั่ง!”
มู่เฉินไม่กลัว มือประสานเข้าด้วยกันพร้อมกับเพลิงสีม่วงลุกโชนระหว่างฝ่ามือ ก่อร่างกลายเป็นมังกรปะทะกับหงส์ฟ้าที่เข้ามา
ฟู่ ฟู่!
เมื่อหงส์ฟ้าปะทะกับมังกร คลื่นความร้อนระเบิดออกมาพัดน้ำทะเลสาบในรัศมีหมื่นลี้ระเหยทันที
ขณะที่เวิ้งน้ำระเหยไป เพลิงทั้งสองชนิดก็เริ่มสลายไป ทว่าสีหน้าของหวงเฉวียนจือเคร่งเครียดลง ตอนที่เขาจัดการกับข่งหลิงเอ๋อ อีกฝ่ายไม่สามารถต้านทานเพลิงหงส์ฟ้าสีทองของเขาได้ แต่มู่เฉินสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
เพลิงสีม่วงเหล่านั้นไม่ธรรมดา!
“ไอ้นี่มีความสามารถจริงๆ”
ดวงตาหวงเฉวียนจือกะพริบขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา ในเวลาต่อมาเขาก็กระพือปีกปล่อยภาพซ้อนออกมาหลายภาพพร้อมเพลิงสีทองบนฝ่ามือ
มู่เฉินเค้นเสียงขึ้นจมูก เพลิงสีม่วงลุกโชนบนร่างกาย ก่อนที่เขาจะทะยานออกไปในเวลาเดียวกัน ปะทะกับหวงเฉวียนจือจังใหญ่
ตึง ตึง ตึง!
ร่างเงาทั้งสองปะทะกันเบื้องบนพร้อมกับฝ่ามือและหมัดปล่อยคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัว กวาดก้นทะเลสาบเป็นลอนคลื่นขณะที่กระจายออกไป
ข่งหลิงเอ๋อ หลินชางและเซียวเทียนถอยกรูดด้วยสีหน้าซีดขาว ขณะที่เฝ้าดูการเผชิญหน้าด้วยความกังวลในดวงตา
พวกเขาสัมผัสได้ว่าทั้งสองคนใช้ทักษะการต่อสู้ถึงขีดสุด
นอกจากนี้ที่พวกเขาตกตะลึงที่สุดก็คือมู่เฉินสามารถเผชิญหน้ากับหวงเฉวียนจือที่ดึงพลังออกมาเต็มที่ได้โดยไม่เสียเปรียบ!
“มู่เฉินดุดันจริงๆ ไม่คิดว่าเขาจะสามารถต่อกรกับหวงเฉวียนจือได้” หลินชางรู้สึกไม่เชื่อ แม้เขาจะรู้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของมู่เฉินเหนือกว่าพวกเขา แต่เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคู่ต่อสู้ของหวงเฉวียนจือได้
เซียวเทียนพยักหน้าด้วยความกลัวในดวงตา
ข่งหลิงเอ๋อกัดริมฝีปากพลางส่ายหัว “หวงเฉวียนจือไม่ง่ายที่จะรับมือหรอก ตอนนี้เขาแค่ลองเชิงมู่เฉินเท่านั้น พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าหวงเฉวียนจือน่ากลัวแค่ไหนเมื่อเขานำพลังเต็มที่ออกมา!”
ข่งหลิงเอ๋อมีแววหวาดกลัวบนใบหน้า ครั้งหนึ่งนางเคยเห็นหวงเฉวียนจือปล่อยพลังเต็มพิกัดซึ่งสามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางเลยทีเดียว
ดังนั้นในมุมมองของนางความสมดุลของการต่อสู้ตรงหน้าจะคงอยู่เพียงชั่วคราว เมื่อหวงเฉวียนจือหมดความสนใจที่จะเล่นต่อ มู่เฉินก็อาจมีจุดจบเหมือนพวกนาง…
ตู้ม!
พร้อมกับความคิดนี้เกิดขึ้นในใจนาง เสียงดังก้องแผ่ในระยะไกล คลื่นกระแทกพัดจอมยุทธ์ทั้งสองคนออกจากกัน
“ฮ่าๆ! สนุกจริง!”
หวงเฉวียนจือหัวเราะเสียงดัง แต่ไอเย็นเยือกวาบในสายตา เขามองไปที่มู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “มู่เฉิน ข้าประหลาดใจกับแกจริงๆ ถ้าตอนนี้แกมีขุมพลังขั้นเซียนระยะต้นเหมือนกัน ข้าคงไม่สามารถทำอะไรแกได้!“
“แต่น่าเสียดายที่ไม่มีความยุติธรรมในโลกหรอก!
“ดังนั้นคราวนี้ข้าจะเป็นคนสุดท้ายที่ยืนหยัดอยู่!”
หวงเฉวียนจือหัวเราะขณะที่แสงสีทองไร้ขอบเขตรวมตัวกันเป็นหงส์ฟ้าสีทองขนาดใหญ่ที่ข้างหลังแล้วกางปีกออก
ขณะเดียวกันแรงกดดันที่สะเทือนฟ้าดินก็เริ่มแพร่กระจายออกไป
‘พลังของหงส์ฟ้าแท้จริงไม่มีใครเทียบได้!’