หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1489 ก้าวหน้า
เหนือขึ้นไปบนขอบฟ้า
มู่เฉินและหมัวเฮอโยวเผชิญหน้ากัน สายตาเย็นชาและจิตสังหารที่ฟาดฟันกันทำให้มิติโดยรอบตกไปในจุดเยือกแข็ง
มู่เฉินกำจายจิตสังหารที่มีต่อหมัวเฮอโยวไม่ไว้หน้า เนื่องจากอีกฝ่ายทำข้อตกลงกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนห้าคนบีบตำหนักมู่ มิหนำซ้ำยังสร้างความเดือดร้อนให้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะจดจำบัญชีแค้นนี้ไว้ในใจ
นอกจากนี้หมัวเฮอโยวก็มีเจตนาต้องการฆ่ามู่เฉินมากเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแข่งขันร่างมหาเทพนิรันตร์ เพียงแค่เรื่องบาดหมางระหว่างชิงเหยี่ยนจิ้งกับเผ่าหมัวเฮอก็เพียงพอที่หมัวเฮอโยวจะไม่ปล่อยมู่เฉินไป
ทั้งสองคนต่างพล่านด้วยเจตนาฆ่าในใจ ดังนั้นเมื่อพบกันที่นี่ก็เป็นธรรมชาติที่พวกเขาไม่คิดปล่อยอีกฝ่ายไป…
“ถ้าแกฉลาดก็ไสหัวออกจากเจดีย์วั้นกู่เดี๋ยวนี้” เสื้อคลุมสีดำขาวของหมัวเฮอโยวพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามสายลมโดยไม่มีความผันผวนบนใบหน้าขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา
“ค่อยพูดหลังได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์เถอะ” มู่เฉินยิ้ม
“ข้ากลัวว่าแกจะไม่มีชีวิตอยู่ได้เห็นแบบนั้นนะสิ…” หมัวเฮอโยวถอนหายใจ อึดใจพายุทอร์นาโดคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดออกจากร่างกายกลืนกินทั้งสวรรค์และโลก
เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันนี้สายตาของมู่เฉินก็เริ่มเคร่งเครียด หมัวเฮอโยวสมแล้วที่เป็นอันดับหนึ่งของชุมนุมนิรันดร์ครั้งนี้ ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมามากยิ่งกว่าซื่อหลัว
ชายคนนี้น่าจะอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดและมีคุณสมบัติพอที่จะบรรลุขั้นเซิ่งได้แล้ว
ขณะที่คลื่นหลิงรุนแรงกวาดหายนะ ร่างกายของหมัวเฮอโยวก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในรัศมีก่อนที่ร่างเขาจะกลายเป็นอัญมณีแพรวพราว ซึ่งทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือน
เวลานี้คลื่นหลิงในร่างกายของหมัวเฮอโยวควบแน่นมาก เพียงแค่กำปั้นเบาๆ ก็บรรจุไปด้วยพลังทำลายล้างที่สามารถเทียบเคียงกับทักษะระดับเสินทงขั้นสุดยอดที่ดำเนินการโดยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย
เมื่อมองไปที่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของหมัวเฮอโยว ใบหน้าของมู่เฉินก็เคร่งเครียด ก่อนที่เขาจะวาดตราประทับโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นร่างรองทั้งสองก็ปรากฏออกมา
“สามรวม!”
ร่างรองทั้งสองพุ่งเข้าสู่ร่างกายของมู่เฉิน ทำให้คลื่นหลิงเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง เขายังเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุน ซึ่งดูเหมือนจะทำจากเพชรไม่สามารถประมาทได้เช่นกัน
“แกคิดว่าสามารถถมช่องว่างนี้ด้วยวิชาสามพิสุทธิ์เรอะ”
หมัวเฮอโยวยิ้มพลางก้าวเท้าออกไป มิติพังทลายลงก่อนที่เขาจะไปปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมกับเหวี่ยงกำปั้นออกไป
แม้ว่าจะดูเหมือนการชกธรรมดา แต่มิติก็พังทลายเมื่อเหวี่ยงลงพร้อมกับเศษชิ้นส่วนมิตินับไม่ถ้วนปลิวว่อนอยู่รอบหมัด ซึ่งเป็นความหายนะแท้จริง
มู่เฉินหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายจนถึงขีดสุด จากนั้นก็ซัดกำปั้นออกไปเพื่อตอบโต้
ตู้ม!
เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกัน เสียงโลหะก็ดังขึ้น พื้นที่รัศมีรอบตัวพวกเขาพังทลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับพายุเฮอริเคนพัดออกมา หมัวเฮอโยวไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่มู่เฉินถูกผลักกลับไปหลายพันจั้ง
เมื่อมู่เฉินทรงตัวได้ก็มองไปที่กำปั้นตนเอง สามารถเห็นรอยแตกที่ถูกระงับจากการกระบวนท่าเมื่อครู่
“ตอนนี้แกรู้ซึ้งถึงช่องว่างระหว่างเราแล้วหรือยัง?” หมัวเฮอโยวยิ้มเยาะแต่ก็ไม่ได้ให้เวลามู่เฉินตอบกลับ ภาพเงาเขาวูบไหว กำปั้นกลายเป็นปราการกั้นภาพมายาห่อหุ้มไปทางมู่เฉิน
มู่เฉินฉายท่าทางเคร่งเครียดพลางกระตุ้นคลื่นหลิงแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป
ปัง ปัง ปัง!
ในสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ พวกเขาก็ปะทะกันมากกว่าร้อยกระบวนท่า แต่มู่เฉินจะถูกผลักกลับในทุกครั้งของการปะทะกัน
เมื่อคนที่อยู่นอกเจดีย์เห็นภาพนี้ พวกเขาก็เข้าใจถึงช่องว่างพลังระหว่างทั้งสอง
“มู่เฉินโง่มาก รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับหมัวเฮอโยวด้วยกายาหลิงเทียนจุนแล้วยังจะทำอีก…”
“ใช่ แต่ช่องว่างกว้างใหญ่เกินไป ไม่ว่าจะมีทักษะอะไร ก็ว่างเปล่าต่อหน้าหมัวเฮอโยวที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”
“…”
ตู้ม!
หลังจากการปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง มู่เฉินก็กระเด็นออกไปตกลงบนพื้น ทำให้เกิดปากปล่องขนาดใหญ่ขึ้น…
หมัวเฮอโยวยืนกอดอกนิ่งบนท้องฟ้าขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา “ไอ้หยิ่งจอมโง่ แกคิดว่าการเอาชนะซื่อหลัวด้วยโชคจะทำให้สามารถต่อสู้กับข้าได้เรอะ?
“ดูเหมือนว่าแกจะลืมขุมพลังของตัวเองไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรแกก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง ส่วนข้าอยู่ในขั้นเซียนระยะปลายสุดแล้ว!”
ทุกคนที่นอกเจดีย์พยักหน้า หากมู่เฉินใช้วิธีอื่นในการต่อสู้ ต่อให้ยังต้องเสียเปรียบแต่เขาก็จะไม่ถูกปราบจนน่าอนาถเช่นนี้แน่นอน
แต่เมื่อถูกหมัวเฮอโยวซัดขนาดนี้ เขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บแน่ บางทีความสามารถในการต่อสู้ก็อาจลดลง…
คราวนี้มู่เฉินคงต้องหยุดไว้เท่านี้แล้ว
ในปากปล่องรัศมีหลิงบางจางค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่ร่างเงาของมู่เฉินจะปรากฏขึ้น แต่ตอนนี้รัศมีรอบตัวเขาหม่นหมองลง มากจนกายาหลิงเทียนจุนก็แสดงสัญญาณแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แต่น่าแปลกที่ใบหน้าเขาไม่มีร่องรอยความพ่ายแพ้ใดๆ มีแต่รอยยิ้มจางๆ
“แกถูกตีจนเอ๋อแล้วเรอะ?” หมัวเฮอโยวหรี่ตาลงพลางเย้ยหยัน
มู่เฉินบิดคอสลายความเจ็บปวดรุนแรงที่มาจากร่างกาย จากนั้นก็แสยะยิ้มที่มุมปากขณะมองไปที่หมัวเฮอโยว “แม้ว่าแกจะหนักมือไปหน่อย แต่ข้าก็ยังต้องขอบคุณ…”
เมื่อได้ยินคำพูดนี่ หมัวเฮอโยวก็ขมวดคิ้ว การตอบสนองของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจ มือของเขาประสานเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นกายาหลิงเทียนจุนที่มืดสลัวก็เปล่งประกายออกมาพร้อมกับพลังงานหลิงหลั่งไหลออกมาจากร่างกายเขา…
ผู้ชมนอกเจดีย์ต่างมองฉากนี้ด้วยความตกตะลึง แม้จะเป็นการดูผ่านกระจกแต่ก็สามารถสัมผัสได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากมู่เฉินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพียงสิบกว่าลมหายใจคลื่นหลิงของมู่เฉินก็เติบโตขึ้นอีกช่วงหนึ่ง!
“ขั้นหลิงระยะปลาย!”
ในที่สุดก็มีบางคนรู้สึกได้และอุทานออกมา “เขาก้าวหน้าได้ในเวลาแบบนี้เหรอเนี่ย!”
หลังจากตกตะลึงชั่วครู่ก็มีคนเริ่มเข้าใจการกระทำก่อนหน้าของมู่เฉินพลางร้องว่า “ที่แท้เขาตั้งใจที่จะปะทะกับหมัวเฮอโยวด้วยกายาหลิงเทียนจุนเพื่อใช้แรงกดดันของอีกฝ่ายบังคับตัวเองให้บรรลุ!”
ทุกคนสูดลมหายใจเย็น มู่เฉินโหดแท้จริง เขากล้าวางตัวเองไว้ช่องแคบแห่งความสิ้นหวังเพื่อให้มีความก้าวหน้า
ขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเพิ่มขึ้นก็ฟื้นฟูรอยแตกบนร่างกาย เขาเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจเมื่อรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
สมาธิแบบปิดตายทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคลื่นหลิงบริสุทธิ์ แต่เพราะการชำระดูดซับที่ช้าทำให้เขาไม่ได้บรรลุสักที
แต่เมื่อเขาลงต่อสู้กับหมัวเฮอโยวที่เป็นภัยคุกคามก็ทำให้ร่างกายของเขาถูกกดดันและดูดซับคลื่นหลิงบริสุทธิ์เร็วขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถบรรลุขุมพลังในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้…
เทียบกับความตกตะลึงภายนอก ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเขียวคล้ำขณะมองไปที่มู่เฉินที่แข็งแกร่งขึ้นด้วยสายตาน่ากลัว ตอนแรกเขารู้สึกว่ามู่เฉินโง่ที่ใช้กายาหลิงเทียนจุนปะทะกับเขา แต่ความจริงกลับมาตบหน้าเขาเสียชา
นั่นเป็นเพราะมู่เฉินปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นแรงดันเพื่อใช้ในการเปิดเผยศักยภาพตนเองและบรรลุขุมพลัง
“ดี ข้าประเมินแกต่ำไป!” สายตาหมัวเฮอโยวที่จ้องมองมู่เฉินเต็มไปด้วยความเย็นชาพร้อมกับหัวเราะ “แต่ข้าจะดูสิว่าแกจะทำอะไรได้ถึงจะบรรลุขั้นหลิงระยะปลายแล้ว!”
มู่เฉินไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ และไม่คิดที่จะพูด รัศมีทรงกลดกำจายออกมาจากศีรษะของเขา เจดีย์ผลึกใสตั้งตระหง่านอยู่บนขอบฟ้าก่อนที่ตัวเจดีย์จะสั่นเทิ้ม ภาพร่างปีศาจทั้งแปดขยับออกมาจากภายใน
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างหมัวเฮอโยว มู่เฉินไม่มีความคิดที่จะออมมือและเร้าวิชาเจดีย์แปดองค์ออกมาทันที
พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของขุมพลัง พลังของเจดีย์แปดองค์ที่เขาสามารถนำออกมาได้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในแง่ของความสามารถไม่ได้อ่อนไปกว่าลวดลายจั้นเหวินหกสิบแปดล้านลายเลยทีเดียว
ปีศาจร้ายทั้งแปดยืนอยู่บนขอบฟ้า ความดุร้ายที่เล็ดลอดออกมาจากพวกมันทำให้หมัวเฮอโยวต้องหดเกร็งดวงตา เขารู้สึกว่าถูกคุกคามใหญ่หลวง
มู่เฉินสร้างตราประทับเรียบง่าย คลื่นลูกหนึ่งก็กวาดออก พลังงานหลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่ปีศาจทั้งแปดจะกลืนกินเข้าไป
โฮก โฮก!
เมื่อกินพลังงานเข้าไป ปีศาจทั้งแปดก็ขยายตัวพร้อมกับลวดลายปีศาจพล่านบนร่างเอิบอาบไปด้วยรัศมีรุนแรงพร้อมกับเสียงคำรามที่ทำให้แผ่นดินพิโรธ
บริเวณหว่างคิ้วของปีศาจทั้งแปดเหมือนจะแตกออก ราวกับเป็นดวงตาปีศาจที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างก่อนที่จะยิงออกไป
พร้อมกับความแข็งแกร่งของมู่เฉินที่เพิ่มขึ้น เขาก็ค่อยๆ ควบคุมรูปแบบการโจมตีของวิชาเจดีย์แปดองค์ได้แล้ว
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ลำแสงแปดสายพุ่งออกมาจากดวงตาปีศาจตรงหว่างคิ้วของทั้งแปดก่อนที่จะรวมตัวกันเป็นรังสีมรณะทะลุผ่านมิติ ซึ่งทำให้ดวงตาของหมัวเฮอโยวถึงกับหดเกร็ง
เสียงแผ่วเบาดังออกจากปากของมู่เฉินพร้อมกับกระบวนท่า
“วิชาเจดีย์แปดองค์ แสงเจดีย์มรณะ!”