หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1496 ควบคุมและปลุก
ตู้ม!
เสียงดังกึกก้อง ดวงอาทิตย์สีม่วงทองลอยขึ้นพร้อมกับการล้างผลาญรุนแรงกวาดออกไป
หมัวเฮอโยวยืนอยู่ในอากาศขณะที่มองฉากนี้อย่างเย็นชาด้วยสายตาเย้ยหยัน นั่นเป็นเพราะพลุงดงามชิ้นนี้เกิดจากเยี่ยฉิง
ด้วยการใช้เข็มทิศแปดกายาสวรรค์ เขาสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้อย่างน่าพิศวง ดังนั้นแม้ว่าร่างสีทองเข้มจะทรงพลัง แต่ก็กลายเป็นอาวุธของเขาได้
เขาเล่นฉากนี้ซ้ำอีกครั้งเปลี่ยนร่างสีทองเข้มไปที่เบื้องหน้าเยี่ยฉิง แม้ว่าอีกฝ่ายจะตั้งระวังไว้แล้ว แต่เขาจะหลบหนีได้อย่างง่ายดายได้อย่างไรเมื่อร่างสีทองเข้มเข้ามาใกล้ขนาดนั้น?
แม้แต่มู่เฉินก็ถูกบีบให้ต้องระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ด้วยตนเอง แม้ว่าเยี่ยฉิงจะทรงพลัง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำแบบเดียวกันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับร่างสีทองเข้ม
ยามนี้ดอกไม้ไฟสีม่วงทองแตกกระจาย เยี่ยฉิงก็ร่วงลงพร้อมกับทั่วสวรรพางค์กายเต็มไปด้วยเลือด ซ้ำตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เนื่องจากระลอกคลื่นหลิงป่าเถื่อนกระเพื่อมอยู่ภายในร่างกาย เจ็บปวดอย่างยิ่ง
ดังนั้นเขาจึงได้แต่นอนพังพาบอยู่ในหลุม สายตามองไปที่หมัวเฮอโยวอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เผชิญหน้ากับสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังนั่น หมัวเฮอโยวก็ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ทั้งมู่เฉินและเยี่ยฉิงสิ้นความสามารถแล้ว ดังนั้นไม่มีใครแข่งกับเขาได้อีก
“ตอนนี้ก็เป็นตาข้าล่ะ”
หมัวเฮอโยวมองร่างสีทองเข้มด้วยความโลภฉายในดวงตา
ไม่ว่านี่จะเป็นร่างมหาเทพนิรันดร์หรือไม่ แต่แก่นอมตะในร่างกายนั้นก็เป็นของแท้ ตราบใดที่เขาได้รับและชำระ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของเขาก็จะถูกยกระดับขึ้นจนน่ากลัว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรับร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ก็ตาม
ซึ่งอาจมากจนมีพลังอำนาจเทียบเคียงกับร่างมหาเทพปฐมกาลก็ได้
โฮก!
ขณะที่สายตาของหมัวเฮอโยวยึดอยู่กับร่างสีทองเข้ม มันก็มองเขาแบบอดรนทนไม่ได้เนื่องจากเหยื่อทั้งสองของมันเลือกที่จะทำลายตัวเอง ดังนั้นมันไม่สามารถปล่อยเหยื่อรายสุดท้ายไปแน่นอน
มันกลายเป็นร่างแสงทะยานเข้าใส่หมัวเฮอโยว
แต่เผชิญหน้ากับร่างสีทองเข้มครั้งนี้ หมัวเฮอโยวไม่ได้หลีกหนี แต่กลับเผยรอยยิ้มน่ากลัวบนใบหน้า
เขายกมือขึ้น เครื่องรางโบราณก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับกำจายความผันผวนที่น่ากลัว
เครื่องรางถูกปกคลุมไปด้วยอักขระสีแดงเข้มที่กลั่นจากเลือดที่มีความผันผวนรุนแรง ดูท่านี่ต้องเป็นเลือดของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแน่นอน
“น่าเสียดายสำหรับเครื่องรางนี้…”
หมัวเฮอโยวมองไปที่เครื่องรางด้วยความปวดใจ นี่คือวัตถุที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้แก่นเลือดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแท้จริงโดยใช้เวลาสิบกว่าปี
ในเผ่าหมัวเฮอมีเครื่องรางแบบนี้สามชิ้นเท่านั้น ในแง่ของความแข็งแกร่งก็เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แต่เป็นวัตถุสิ้นเปลือง ดังนั้นมันจึงเป็นสมบัติที่สำคัญมาก
ทว่าตอนนี้เพื่อจัดการกับร่างสีทองเข้มนี้หมัวเฮอโยวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้
หมัวเฮอโยวเงยหน้าขึ้นมองร่างสีทองเข้มก่อนที่จะสะบัดนิ้วโดยไม่ลังเลใดๆ หยดเลือดไหลออกมาและตกลงบนเครื่องรางโบราณนั้น
ฟู่ ฟู่!
เมื่อเลือดสัมผัสกับเครื่องรางก็เกิดการจุดชนวนขึ้นมาทันที กลายเป็นกลุ่มเพลิงสีแดงเข้มม้วนตัวอยู่ตลอดเวลา
“ไป”
หมัวเฮอโยวหายใจเข้าลึกพลางคำราม เพลิงสีแดงเข้มก็ไปปรากฏเบื้องหน้าร่างสีทองเข้มในช่วงเวลากะพริบตา
ร่างสีทองเข้มซึ่งอยู่ยงคงกระพันกลับรู้สึกถูกคุกคามเป็นครั้งแรก ขณะที่เผชิญกับเพลิงสีแดงเข้มเหล่านี้และมันก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
ชี่!
ทว่ากลุ่มเพลิงนี้ก็แปลกประหลาดอย่างยิ่ง เนื่องจากมันไล่ตามร่างสีทองเข้มไปก่อนที่จะมุดเข้าไปในหว่างคิ้วของมัน
ร่างสีทองเข้มตัวแข็งทันทีก่อนที่ลวดลายสีแดงเข้มจะเริ่มกระจายออกไป ทว่ามันก็พยายามต่อต้านและตัดลวดลายสีแดงเข้มออกไปเรื่อยๆ…
อย่างไรก็ตามลวดลายสีแดงเข้มไม่ธรรมดา พวกมันค่อยๆ แพร่กระจายออกไปแม้จะมีการต่อต้าน…
ตราบใดที่ลวดลายครอบคลุมร่างสีทองเข้มไว้ทั้งหมด มันก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหมัวเฮอโยว
เมื่อมองฉากนี้หมัวเฮอโยวก็ยิ้ม เขาคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้
และทั้งเยี่ยฉิงและมู่เฉินจะต้องพ่ายแพ้ในน้ำมือเขา
มู่เฉินนั่งอยู่เบื้องหน้าร่างที่เอิบอาบความกดดันที่น่ากลัว
ตัวเขาชุ่มโชกด้วยเหงื่อ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงคลื่นจิต แต่ความรู้สึกนั้นก็ถูกส่งไปยังร่างกายเต็มๆ
“ข้าจะปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ยังไง?”
มู่เฉินเผยสีหน้าแหยเกจากแรงกดดัน เนื่องจากเขาไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย
ร่างมหาเทพนิรันดร์อยู่ห่างจากเขาเพียงหนึ่งจั้ง แต่เขาไม่สามารถก้าวออกไปได้ เพราะแรงกดดันจะฉีกทึ้งเขาออกจากกันทันที
ในเมื่อไม่สามารถเข้าใกล้ได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ทันใดนั้นมู่เฉินก็จมลงในความยุ่งยาก เขาใช้ความพยายามอย่างมากและแม้แต่ทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตนเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสนี้ แล้วเขาจะจากไปมือเปล่าจริงๆ เหรอ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มู่เฉินก็ส่ายหน้าด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ เขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้
สายตาของมู่เฉินจับจ้องไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ขณะค้นความคิดของตน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในสมองของเขา
“เจดีย์วั้นกู่กล่าวว่าต้องส่งผลกระทบทรงพลังเพื่อปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์ขึ้นมา…”
“…เล่าลือกันว่าร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งห้าถูกสร้างขึ้นเพื่อภารกิจปกป้องโลก ถ้าเกี่ยวกับผลกระทบก็น่าจะคล้ายกับมหาพันภพที่ประสบกับการรุกราน…”
ดวงตาของมู่เฉินวูบไหวพลางหายใจเข้าลึกๆ ส่งภาพไปยังร่างมหาเทพนิรันดร์…
ฉากเหล่านั้นคือสิ่งที่เขาประสบในพิภพเขตล่างบ้านเกิดของจอมยุทธ์มังกรขาว เผ่าเสี่ยเสียกดขี่ข่มเหงสิ่งมีชีวิตในพิภพเขตล่างเพื่อสกัดเลือดของพวกเขาและฆ่าทิ้งอย่างป่าเถื่อน…
ทุกครั้งที่ฉากเหล่านั้นปรากฏขึ้นในความคิดของมู่เฉิน เขาก็จะรู้สึกโกรธแค้นอย่างยิ่ง
เมื่อข้อมูลเหล่านั้นถูกส่งผ่าน มู่เฉินมองไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่ดวงตาของมันก็ยังคงปิดสนิท
ราวกับว่าชั้นบรรยากาศถูกแช่แข็ง เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป
ยิ่งเวลาผ่านไปหัวใจของมู่เฉินก็ยิ่งจมลง กระทั่งวิธีนี้ก็ยังไม่สามารถปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์ได้หรือ?
“หรือต้องใช้กำลังทางเดียว?”
ดวงตาของมู่เฉินสั่นไหวด้วยความผิดหวังพลางยิ้มอย่างขมขื่น
ขณะที่มู่เฉินขบฟันต้องการลองวิธีอื่น จู่ๆ ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็สั่นสะท้าน
แม้ว่าการสั่นสะเทือนจะแผ่วเบา แต่ก็ไม่หลุดรอดจากสายตาของมู่เฉิน หัวใจของเขาสั่นไหว
‘ใช้ได้เหรอเนี่ย!’
ร่องรอยความสุขฉายบนใบหน้ามู่เฉิน ขณะที่การสั่นสะเทือนของร่างมหาเทพนิรันดร์ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้แต่วงรัศมีที่กำจายออกมาก็ทั้งลึกซึ้งและโบราณ
วงรัศมีที่เอิบอาบด้วยไอนิรันดร์ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นด้านหลังศีรษะของร่างมหาเทพนิรันดร์ในขณะนี้
ชี่ ชี่!
ขณะที่สัญลักษณ์สีแดงเข้มค่อยๆ แพร่กระจายก็เข้าครอบครองร่างสีทองเข้มเกือบทั้งหมดแล้ว เมื่อมองไปที่ฉากนี้ใบหน้าขอหมัวเฮอโยวก็ฉายความสุขและความกระหาย
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดหวัง
แม้ว่าร่างสีทองเข้มจะทรงพลัง แต่ก็ไม่มีจิตใต้สำนึกใด ดังนั้นมันจึงทำอะไรไม่ถูกกับแรงกัดกร่อน
การแพร่กระจายของลวดลายสีแดงเข้มดำเนินต่อไปอีกสิบกว่านาที ในที่สุดก็ครอบคลุมร่างสีทองเข้มอย่างสมบูรณ์ ขณะนี้หมัวเฮอโยวสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงอันเป็นเอกลักษณ์
เขาค่อยๆ ยื่นมือออกไป ร่างสีทองเข้มก็ลดศีรษะลงปล่อยให้หมัวเฮอโยววางมือบนศีรษะ ตอนนี้มันไม่มีความดุร้ายอีกแล้ว ราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุม
“ฮ่าๆๆๆ!”
ขณะนี้หมัวเฮอโยวไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นไว้ในใจได้จนต้องเปล่งเสียงหัวเราะออกมา ในที่สุดร่างมหาเทพนิรันดร์ในตำนานก็อยู่ในมือของเขาแล้ว!
ในเจดีย์วั้นกู่นี้เขาหมัวเฮอโยวคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!
ไม่ว่าจะมู่เฉินหรือเยี่ยฉิงทั้งสองก็ต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาไปชั่วนิรันดร์
ทางด้านมู่เฉิน
เวลาเดียวกันกับที่หมัวเฮอโยวกำลังชื่นชมยินดี ภายใต้การจ้องมองปรารถนาของมู่เฉิน ดวงตาที่ปิดสนิทของร่างมหาเทพนิรันดร์ก็สั่นเทิ้มก่อนที่ดวงตาของมันจะค่อยๆ เปิด
ทันใดนั้นมู่เฉินรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความเป็นนิรันดร์แท้จริง
ในที่สุดร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ตื่นขึ้นแล้ว!