หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1497 ปรากฏตัวในใต้หล้าอีกครั้ง
ภายในเจดีย์วั้นกู่
เมื่อเสียงหัวเราะของหมัวเฮอโยวสะท้อนก้องไปทั่ว ก็ทำให้เกิดความโกลาหลที่ภายนอก เมื่อทุกคนเห็นหมัวเฮอโยวสามารถควบคุมร่างสีทองเข้มได้ก็ฉายความประหลาดใจบนใบหน้าของพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าฉากนี้เกินความคาดหมายของทุกคน
ไม่มีใครคิดว่าหมัวเฮอโยวจะควบคุมร่างสีทองเข้มที่อยู่ยงคงกระพันนั่นได้…
“หมัวเฮอโยวช่างลึกล้ำยากหยั่งถึง…”
“แต่วิธีเขาก็โหดเหี้ยมเช่นกัน เขารอให้มู่เฉิน เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางถูกกำจัดซะก่อนถึงได้ใช้ทักษะนี้…”
“เฮ้ เผ่าหมัวเฮอปกป้องร่างมหาเทพนิรันดร์มาเป็นหมื่นปี พวกเขาจะยอมให้ใครมาเอาไปง่ายๆ ได้อย่างไร? วิธีการของเขาก็อยู่ในความคาดหมายอยู่นะ”
“ในเมื่อร่างมหาเทพนิรันดร์อยู่ในมือเผ่าหมัวเฮอ ความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของพวกเขาก็จะทะยานไปถึงจุดสุดยอดของมหาพันภพแล้ว”
“…”
เสียงกระซิบดังก้อง ส่วนใหญ่เป็นการสรรเสริญ เพราะนี่คือร่างมหาเทพนิรันดร์และเมื่อตกอยู่ในมือของเผ่าหมัวเฮอก็เท่ากับติดปีกให้กับพยัคฆ์
เมื่อมองไปที่ภาพนี้ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนก็แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยสีหน้ามืดครึ้ม เผ่าหมัวเฮอ ทรงพลังอยู่แล้วและเป็นที่รู้กันว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาห้าเผ่าโบราณ ดังนั้นหากหมัวเฮอโยวได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ เขาก็จะสามารถบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ ในเวลานั้นความแข็งแกร่งของเผ่าหมัวเฮอจะเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
“ฮ่าๆ!”
หมัวเฮอเทียนหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ขอแสดงความยินดีกับท่านประมุข!”
ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอกล่าวขึ้นพร้อมกับความยินดีบนใบหน้า หลังจากเวลาผ่านมาเนิ่นนานในที่สุดเผ่าหมัวเฮอก็สามารถกำจัดฐานะผู้พิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์ลงได้เสียที
ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากวันนี้ร่างมหาเทพนิรันดร์จะเป็นของเผ่าหมัวเฮอแม้แต่เทพจักรพรรดินิรันดร์จะมาเกิดใหม่ก็ไม่สามารถนำเอากลับไปได้
ในขณะนี้ภาระในหัวใจของเผ่าหมัวเฮอได้ถูกปลดปล่อยแล้ว
ในเจดีย์
หมัวเฮอโยวหัวเราะสมใจอยู่นานก่อนที่จะค่อยๆ หยุดมองไปที่ร่างสีทองเข้มเบื้องหน้าด้วยสายตาลุกโชน
ลวดลายสีแดงเข้มบนร่างสีทองเข้มกะพริบน้อยๆ ราวกับบอกว่ามีพลังต่อต้านจากภายใน
“หึ ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?”
หมัวเฮอโยวเค้นเสียง เขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปราบร่างสีทองเข้มนี้ด้วยเครื่องรางเทวะชิ้นนี้แต่เขาก็ไม่ได้เร่งรีบ เมื่อไรเขานำเจ้าสิ่งนี้ออกไปจากเจดีย์ มันก็จะไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปด้วยความช่วยเหลือของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง
ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจกับการต่อต้านพลางกวาดสายตาสำรวจไปโดยรอบ
เขากำลังมองหามู่เฉิน เนื่องจากอีกฝ่ายทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้ว แม้ว่ามู่เฉินจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังไม่ตาย ดังนั้นเขาต้องมองหาโอกาสที่จะทำให้อีกฝ่ายพิการไปตลอดชีวิต แม้ว่าจะไม่สามารถฆ่าทิ้งได้ก็ตาม
ด้วยร่างมหาเทพนิรันดร์ที่อยู่ในมือ พลังของเผ่าหมัวเฮอก็จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องเกรงกลัวเผ่าฝูถูอีกต่อไป
“ก่อนหน้านี้แกกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขไม่ใช่เหรอ? ข้าขอดูหน่อยว่าตอนนี้แกทำอะไรได้บ้างเมื่ออยู่ในมือข้า” สายตาหมัวเฮอโยววูบไหวด้วยแสงเย็น เขารู้สึกอายตัวเองจากการเผชิญหน้ากับมู่เฉินครั้งก่อน ดังนั้นเขาไม่คิดตั้งใจที่จะปล่อยมู่เฉินไป
ร่างของหมัวเฮอโยวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยมีร่างสีทองเข้มตามหลัง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกไปสำรวจเหวลึกต่างๆ ตั้งใจจะขุดมู่เฉินออกจากที่ซ่อน
เมื่อผู้ชมภายนอกเจดีย์เห็นการกระทำของหมัวเฮอโยว พวกเขาก็รู้ทันทีว่าเขาพยายามที่จะชำระแค้นกับมู่เฉิน ดังนั้นแต่ละคนจึงรู้สึกสงสารมู่เฉินจับใจ
เมื่อมองที่ฉากนี้ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม นางมองไปที่หมัวเฮอเทียนด้วยแววตาเย็นชา
ทว่าหมัวเฮอเทียนไม่ได้ใส่ใจฉายสีหน้าเฉยเมย ในสายตาของเขาตราบใดที่หมัวเฮอโยวไม่ได้ฆ่ามู่เฉิน ชิงเหยี่ยนจิ้งก็โวยวายไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์มาแล้ว ไม่มีอะไรให้พวกเขาต้องกังวลเกี่ยวกับเผ่าฝูถูอีกต่อไป
“ในที่สุดข้าฉันก็พบแก ไอ้หนูน้อย…”
หมัวเฮอโยวใช้เวลาไม่กี่สิบลมหายใจสั้นๆ ก่อนที่จะมองไปในหุบเหวหนึ่งด้วยรอยยิ้มเย็นชา
เขาเหวี่ยงหมัดออกไป กำปั้นขนาดมหึมาพุ่งลงมาจากท้องฟ้ากระแทกลงไปในหุบเหวนั้น พลังอำนาจน่ากลัวกระแทกลงไปทำให้เกิดปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่เลยทีเดียว…
ฝุ่นควันลอยฟุ้ง หมัวเฮอโยวหรี่ตามองปากหลุมก่อนที่เขาจะเห็นภาพเงาที่ล้อมรอบด้วยแสงหลิงค่อยๆ ลอยขึ้นมาบนท้องฟ้า
ภาพเงานั้นก็คือมู่เฉิน ขณะนี้ร่างเขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดช่างดูน่าสงสารนัก ชัดว่าเกิดจากการที่เขาทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตนเอง
“ฮ่าๆ ประมุขมู่ทำไมถึงอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้” หมัวเฮอโยวมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเย้ยหยัน
มู่เฉินกวาดสายตามองหมัวเฮอโยวจากนั้นก็จ้องมองไปที่ร่างสีทองเข้มพลางหดดวงตา “เจ้าควบคุมมันได้เรอะ?”
หมัวเฮอโยวตอบกลับสบายๆ ว่า “เผ่าหมัวเฮอเตรียมการมาหลายหมื่นปี เราจะไม่มีการเตรียมการใดๆ ได้อย่างไร”
มู่เฉินพยักหน้าเผยรอยยิ้มบนใบหน้าซีดเซียว “ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป… ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้วล่ะ”
หมัวเฮอโยวหรี่ตา “รบกวนข้า?”
‘ไอ้นี่สมองไหลออกหมดหลังจากระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทิ้งแล้วรึไง’
มู่เฉินยิ้มขณะชี้ไปที่ร่างสีทองเข้ม “ส่งมันมาให้ข้า”
ทันใดนั้นดวงตาของหมัวเฮอโยวก็เบิกกว้าง ขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยสีหน้าแปลกๆ “สมองแกเสียไปแล้วจริงเรอะ?”
ตอนนี้มู่เฉินได้รับบาดเจ็บหนักไม่มีร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้ว ดังนั้นความสามารถในการต่อสู้จะต้องลดลง ส่วนหมัวเฮอโยวยังมีความสามารถในการต่อสู้และควบคุมร่างสีทองเข้มได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มู่เฉินยังกล้าเอ่ยปากจะชิงร่างสีทองเข้มไปจากเขาเรอะ?
‘มู่เฉินเป็นบ้าไปแล้วรึไง?’
“แกอยากได้มันเรอะ?”
หมัวเฮอโยวจ้องไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวก่อนจะพยักหน้าช้า “ได้เลย”
เขายื่นมือออกและโบกมือเบาๆ
วาบ!
ทันใดนั้นร่างสีทองเข้มที่อยู่ข้างหลังก็พุ่งออกไปคว้าลำคอของมู่เฉิน
มองไปที่ร่างสีทองเข้ม มู่เฉินก็ยังคงความสงบบนใบหน้าไว้โดยไม่มีระลอกคลื่นใดๆ
แต่ในสายตาผู้คนนอกเจดีย์ปฏิกิริยาของเขาดูเหมือนตกใจจนเอ๋อไปแล้ว
ภายใต้สายตาของทุกคน เมื่อมือสีทองเข้มอยู่ห่างจากลำคอของมู่เฉินเพียงหนึ่งชุ่น จู่ๆ มือข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นคว้ามือสีทองเข้มเอาไว้
ทันใดนั้นรอยยิ้มของหมัวเฮอโยวก็หยุดนิ่งพลางมองไปข้างหลังมู่เฉินด้วยความตกใจ โดยที่เขาไม่รู้ตัวก็มีร่างเงาปรากฏขึ้น
ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับ แต่กลับมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ออกมา
“โฮก!”
ฉับพลันร่างสีทองเข้มก็คำรามพร้อมกับความกลัวพล่านในดวงตา มันเริ่มดิ้นรนเพื่อพยายามหนีจากภาพเงาลึกลับเบื้องหน้า
ปัง!
อย่างไรก็ตามภาพเงาลึกลับปัดมือออกมาเบาๆ ร่างสีทองเข้มก็ได้รับความเสียหายรุนแรงหนัก มันกระเด็นกลับไปสร้างรอยแตกบนพื้นทำให้เกิดปากปล่องขนาดมหึมา
ซื้ด!
ด้านนอกเจดีย์ทุกคนสูดลมหายใจเย็นขณะที่ตะลึงพรึงเพริดไปหมด พวกเขานึกไม่ถึงว่าร่างสีทองเข้มซึ่งอยู่ยงคงกระพันจะไร้พลังแบบนั้น!
“อะไร…นั่นอะไร?”
“น่ากลัวเสียจริง ต้องรู้ว่าร่างสีทองเข้มอยู่ยงคงกระพันภายใต้ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้วนะ แต่…”
“มู่เฉินยังมีไม้เด็ดอยู่อีกหรือ? แล้วทำไมเขาต้องทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ด้วยล่ะ!”
“…”
ความโกลาหลระเบิดขึ้น ทุกคนต่างประหลาดใจ
แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน ทั้งสองไม่รู้ว่ามู่เฉินได้รับภาพเงาลึกลับทรงพลังเช่นนี้มาได้อย่างไร…
ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนแข็งทื่อพร้อมกับสายตาน่ากลัว ในเวลาเดียวกันเขาก็มองไปที่ภาพเงาลึกลับข้างๆ มู่เฉินด้วยความตกใจและสงสัย
“นั่นคืออะไร?”
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวปกคลุมไปด้วยความไม่เชื่อ
ขณะมองไปที่ปากหลุมลึกใบหน้าก็กระตุกไม่หยุด ฉากนี้ทำให้ความโกรธในใจของเขาเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเจตนาฆ่า
“ฆ่ามัน!”
หมัวเฮอโยวคำรามขณะสร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียว กระบวนท่านี้ทำให้ลวดลายบนร่างสีทองเข้มดิ้นพล่าน
โฮก!
เสียงคำรามสะท้อนออกมาจากหลุมลึก ร่างสีทองเข้มก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ลวดลายสีแดงเข้มรอบตัวหลั่งไหลเข้ามาในดวงตาย้อมเป็นสีแดงฉาน
ภายใต้การควบคุมด้วยลวดลายสีแดงเข้มได้ระงับความกลัวในใจมัน มันจ้องมองภาพเงาลึกลับข้างๆ มู่เฉิน
ทว่ามู่เฉินมองไปที่ภาพนี้อย่างใจเย็นพลางหันไปยิ้มให้กับภาพเงาลึกลับข้างๆ “ไปรับแก่นอมตะที่เป็นของเจ้าซะ…”
“เจ้าหลับไปหลายหมื่นปี วันนี้ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องรู้ว่า…ร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ปรากฏตัวขึ้นในใต้หล้าอีกครั้งแล้ว”