หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1509 เจดีย์ยับยั้งขวดหยก
ฟู่ ฟู่!
หมอกสีดำและสีขาวอบอวลฟ้าดิน ก่อนที่จะเกิดจุดตัดที่ลึกซึ้งไม่มีที่สิ้นสุด
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อมองไปที่ขวดหยกบนท้องฟ้าที่กำจายแรงกดดันมหาศาล แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้
ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิงไม่น่าดูอย่างยิ่งขณะที่มองขวดหยกบนท้องฟ้าด้วยความหวั่นเกรงเข้มข้น
ขวดหยกนี้เป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งของเผ่าหมัวเฮอที่มีพลังไร้ขอบเขต แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดาก็ไม่สามารถเผชิญหน้าได้
ทว่าทุกครั้งที่ใช้อาวุธระดับนี้ก็จะทำให้มันหมดพลังงานลงมาก ดังนั้นถ้าไม่ถึงขั้นวิกฤตก็ไม่มีใครคิดจะใช้มัน
ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นหมัวเฮอเทียนเรียกอาวุธนี้ออกมา
“หมัวเฮอเทียนบ้าไปแล้ว” ไท่หมิงเอ่ยออกมา
สีหน้าของลั่วหลีเปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นแผนภาพเหนือศีรษะนางเริ่มเปล่งรัศมีออกมา
“ลั่วหลีอย่าผลีผลาม แม้ว่าแผนภาพวิญญาณโบราณจะไม่อ่อนแอกว่าขวดมหาเพลิงวารี แต่เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงพลังออกมาได้เต็มที่ หากฝืนทำก็รังแต่บาดเจ็บเท่านั้น” ไท่หมิงพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นการกระทำของลั่วหลี
ลั่วหลีกัดฟัน ดวงตาอัดแน่นด้วยความไม่เต็มใจ หมัวเฮอเทียนชักจะมากเกินไปแล้ว
“ไม่ต้องกังวล หากมีอะไรเกิดขึ้นกับมู่เฉิน เราไม่ยืนรอดูแน่” ไท่หมิงปลอบใจ เขากลัวใจหญิงสาวคนนี้ที่อาจใช้แก่นโลหิตจนหมดพลังเพื่อกระตุ้นแผนภาพวิญญาณโบราณ ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดผลสะท้อนกลับมากอย่างแน่นอน
ลั่วหลีกำหมัดแน่น สงบใจลงหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางรู้ว่าการฝืนเคลื่อนไหวตอนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ถ้าหมัวเฮอเทียนล้ำเส้นเข้ามา ไม่ว่าต้องจ่ายราคาเท่าไร นางก็จะยืนเคียงข้างมู่เฉิน
มู่เฉินยืนอยู่กลางอากาศ เขามองไปที่ขวดหยก ม่านตาหดเกร็ง แรงกดดันที่กำจายออกมาจากขวดหยกทำให้เขายังรู้สึกหวั่นใจ
“สมเป็นเผ่าโบราณแท้จริง รากฐานน่าประทับใจยิ่งนัก” มู่เฉินเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ
ตามการคาดการณ์ของเขาพลังของขวดหยกอาจติดอันดับหนึ่งในสิบของมหาพันภพเลยทีเดียว
สายตาของหมัวเฮอเทียนเย็นชาลงขณะส่งเสียงขึ้นจมูกมองไปที่มู่เฉิน ตราประทับวาดขึ้นด้วยมือข้างเดียวขวดมหาเพลิงวารีก็เอียงลง รัศมีสีดำขาวไหลออกมาจากปากขวด
รัศมีสีดำและสีขาวเป็นคลื่นหลิงที่บริสุทธิ์ โดยความเป็นหยินหยางนี้คือตัวแทนของไฟและน้ำแข็ง ขณะที่คลื่นสองสายตัดกันก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น คลื่นหลิงที่แปดเปื้อนก็กลายเป็นสีดำและสีขาวเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อตกลงมาก็กลายเป็นมหาสมุทรสีดำขาวก่อนที่จะพลิ้วลงบนลูกทรงกลม
ชี่ ชี่!
พลังงานสองฝั่งปะทะกันเกิดเสียงแหลมเสียดแทงดังขึ้น พลังมหาศาลทั้งสองเสียดสีกันอย่างรุนแรง แต่คราวนี้เมื่อรัศมีสีดำขาวไหลลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนเห็นว่าลูกทรงกลมเริ่มจางลง…
นี่เป็นเพราะพลังงานของลูกทรงกลมถูกผลาญไป
อึดใจหมัวเฮอเทียนก็คำราม เสาสีดำและสีขาวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากระแทกเข้ากับโลกผนึกหนึ่งนิรันดร์
ปัง!
ครั้งนี้เสาทะลุสิ่งกีดขวาง รอยแตกปรากฏบนโลกผนึก ก่อนที่จะระเบิดออกกลายเป็นจุดแสง
เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ก็ต่างตกใจ ยามนี้หมัวเฮอเทียนสามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลยทีเดียว
เผชิญหน้ากับไพ่ตายของหมัวเฮอเทียน มู่เฉินก็ตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบแม้ว่าจะมีร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ตาม เพราะไม่ว่าอย่างไรขุมพลังหลิงของมู่เฉินอยู่ในขั้นเซียนระยะกลางเท่านั้น
หมัวเฮอเทียนยืนอยู่บนไหล่ของร่างเทพมหันต์ แววตาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาขณะจ้องมองมู่เฉิน เขายื่นฝ่ามือออก ขวดมหาเพลิงวารีก็พลิ้วลงมา ลอยอยู่เหนือฝ่ามือเขา
“ยังไม่ยอมยกร่างมหาเทพนิรันดร์ให้อีกเรอะ?” หมัวเฮอเทียนถามเสียงเย็น
“แกนี่ดูถูกข้าจริงๆ” มู่เฉินตอกกลับ
หมัวเฮอเทียนหลุบตาลงพลางหัวเราะเยาะ “แม้ว่านี่จะไม่ชอบธรรมในการเอาชนะแก แต่เผ่าหมัวเฮอก็ไม่สามารถใส่ใจเรื่องนั้นเมื่อเทียบกับร่างมหาเทพนิรันดร์”
หมัวเฮอเทียนมองไปที่มู่เฉิน คำพูดก็เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ “ถ้าเจ้ายอมมอบให้ เผ่าหมัวเฮอก็จะคืนให้หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี”
มู่เฉินส่ายหัวตอบว่า “ร่างมหาเทพนิรันดร์ยอมรับว่าข้าเป็นเจ้าของแล้ว ดังนั้นอย่าหวังว่าข้าจะมอบให้”
ดวงตาของหมัวเฮอเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าก็ต้องใช้กำลังเอามาเท่านั้น!”
มู่เฉินหรี่ตามองไปที่หมัวเฮอเทียนนิ่ง “แม้ว่าเผ่าหมัวเฮอจะมีรากฐานลึกซึ้ง แต่ก็อย่าคิดว่าวันนี้แกจะกลั่นแกล้งข้าได้”
“ฮ่าๆ”
หมัวเฮอเทียนหัวเราะเสียงเย็นเยียบ ทำเหมือนคำพูดเหล่านั้นเป็นการต่อต้านที่ดื้อรั้นของมู่เฉิน
“ข้าจะดูว่าแกทำอะไรได้อีก!” หมัวเฮอเทียนยกมือขึ้น ขวดมหาเพลิงวารีก็ทะยานออกไปพร้อมกับความผันผวนที่น่ากลัว
“หมัวเฮอเทียน แกอย่าได้ทำเกินไปนะ!”
ในที่สุดชิงเหยี่ยนจิ้งก็ไม่สามารถอดรนทนได้ นางพูดเสียงเย็นชาว่า “รังแกลูกชายข้าต่อหน้าอย่างนี้ คิดว่าข้าไม่อยู่รึไง?”
นางรู้ชัดเจนเกี่ยวกับพลังของขวดมหาเพลิงวารี ซึ่งทำให้หมัวเฮอเทียนมีความสามารถแม้จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อย่างเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ในเมื่อหมัวเฮอเทียนอยากหาเรื่องใส่ตัวก็ปล่อยเขาไปเถอะ” แต่เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งพูดจบ มู่เฉินก็เอ่ยปากปลอบใจทันที
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจ หรือว่ามู่เฉินยังมีไพ่ตายใบอื่นที่สามารถเผชิญหน้ากับขวดมหาเพลิงวารีของหมัวเฮอเทียนได้?
แต่จะเป็นไปได้อย่างไร? ภายใต้สภาวะนี้ หมัวเฮอเทียนสามารถปะทะกับจอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายสุด แม้ว่ามู่เฉินจะมีกายาเซิ่งบวกกับร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้
แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยังงงงวย แต่นางลังเลเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะก้าวถอยหลังเนื่องจากนางเชื่อใจในตัวบุตรชาย ในเวลาเดียวกันก็ดึงคลื่นหลิงผันผวนรอบตัวกลับ
“เจ้าหนูนั่นยังมีวิธีอื่นอีกหรือ? แต่เป็นไปได้ยังไง…?” ไท่หมิงก็พึมพำอย่างสงสัย
ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามู่เฉินไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้
“ไอ้เด็กอวดดี!”
หมัวเฮอเทียนกรี้ยวกราดวาดตราประทับขึ้นโดยไม่ลังเล ขวดมหาเพลิงวารีเอียงลงรัศมีระเบิดออกมาพุ่งลงมาที่มู่เฉิน
ภายใต้รัศมีสีดำขาวยามนี้แม้แต่กายาเซิ่งก็สลายเป็นเถ้าถ่าน
ทุกสายตาพุ่งตรงไป
แต่มีเพียงมู่เฉินเท่านั้นที่ยังคงสีหน้าสงบและเงยหน้าขึ้นมองไปที่สายธารสีดำและสีขาว เมื่อสายธารเข้ามาในระยะร้อยจั้ง มู่เฉินก็ถอนหายใจเบาๆ และหันกลับไปก่อนที่จะโค้งคำนับให้เจดีย์วั้นกู่ “หมัวเฮอเทียนดื้อดึงนัก ท่านผู้อาวุโสโปรดจัดการด้วย”
ฮึ่ม ฮึ่ม!
เมื่อสิ้นเสียงของมู่เฉิน เจดีย์ก็สั่นแสงเปล่งปลั่งกวาดออกสายธารสีดำและสีขาวถูกดูดเข้าไปในเจดีย์
ตู้ม!
ในขณะเดียวกันเจดีย์ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พริบตาก็ไปปรากฏขึ้นเหนือขวดมหาเพลิงวารี เงาปกคลุมลงมา สุดท้ายขวดหยกก็ถูกดูดเข้าไปในเจดีย์ เจดีย์ร่อนลงจากฟ้ากลับไปสถิตในบริเวณเดิม
ตึง ตึง!
คลื่นกระแทกที่ไม่อาจจินตนาการได้กวาดออกมาจากเจดีย์ซึ่งคงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสงบลง…
บนท้องฟ้าเมื่อรัศมีสีกำขาวหายไป ขวดหยกก็หายไปเช่นกัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเพียงภาพเจดีย์ลอยสูงขึ้นและลดต่ำลง เมื่อมันกลับไปสถิตที่เดิมทั่วเมืองก็สงบลงแล้ว
ขณะนี้ทุกคนถึงได้หายจากอาการตื่นตะลึง
พวกเขามองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าก่อนจะสูดลมเย็นลึกสุดปอด
“อะไรน่ะ?!”
หมัวเฮอเทียนและผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอต่างตกตะลึงพร้อมกับความตกใจสุดขีดพล่านในดวงตา
“เกิดอะไรขึ้น?”
แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิงก็ตกตะลึงก่อนจะหันไปมองเจดีย์วั้นกู่ ขณะนี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงพลังลึกลับและทรงพลังที่แทรกซึมออกมาจากเจดีย์
พลังนี้ทำให้จอมยุทธ์อย่างพวกเขายังรู้สึกถึงความกลัว
“พลังนี้…” ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะอุทาน “เทพจักรพรรดินิรันดร์!”
พลังนั้นเกินขีดจำกัดของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ตั้งแต่โบราณกาลจะมีใครทรงพลังเช่นนี้นอกจากเทพจักรพรรดินิรันดร์?!
ริ้วความตกใจเกิดขึ้นชั่วครู่บนใบหน้าของหมัวเฮอเทียน ก่อนจะค่อยๆ คืนสติมองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน “มู่เฉิน แกทำอะไร?! ขวดมหาเพลิงวารีของเผ่าข้าอยู่ที่ไหน?!”
มู่เฉินกวาดสายตามองอย่างเฉยเมยตอบว่า “ในเมื่อเทพจักรพรรดินิรันดร์วางร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ในเผ่าหมัวเฮอ เขาก็ทิ้งวิธีป้องกันไม่ให้เจ้าอ้างสิทธิ์แบบผิดเพี้ยน”
ตอนที่เขาออกจากเจดีย์ จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่ก็บอกว่าเขาสามารถใช้พลังงานที่เหลืออยู่ในเจดีย์ได้หากเผ่าหมัวเฮอสร้างปัญหาให้
พลังนั้นถูกทิ้งไว้โดยเทพจักรพรรดินิรันดร์เพื่อหยุดสถานการณ์บานปลายเหมือนในวันนี้ไม่ให้เกิดขึ้น
ตอนแรกมู่เฉินก็ไม่คิดจะใช้ ทว่าหมัวเฮอเทียนทำเกินไป ถึงขนาดนำอาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งของเผ่าออกมาอีกด้วย สิ่งนี้บีบให้เขาต้องใช้พลังที่เหลือจากเทพจักรพรรดินิรันดร์
“พลังในเจดีย์วั้นกู่จะคงอยู่เป็นเวลาหนึ่งปีก่อนที่จะสลายไป ในเวลานั้นขวดมหาเพลิงวารีก็จะเป็นอิสระ”
มู่เฉินมองไปที่หมัวเฮอเทียนอย่างเรียบเฉยพูดต่อว่า “ยังคิดจะบีบทางตัวเองอีกไหม?”
ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนกระตุกสองตาแดงก่ำ เขารู้สึกเดือดดาลครั้งแล้วครั้งเล่าในใจ ที่แท้เทพจักรพรรดินิรันดร์ก็ได้ทิ้งบางสิ่งไว้เบื้องหลังเพื่อป้องกันเผ่าหมัวเฮอตั้งแต่แรกแล้ว
เขารู้สึกอับอายและเดือดดาลในใจ
“ข้าประมุขเผ่าหมัวเฮอไม่ใช่คนที่เด็กอย่างแกจะตำหนิได้!”
หมัวเฮอเทียนแผดเสียงออกมาแสงเย็นก็กำจายจากดวงตา “วันนี้ข้าจะดูสิว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์ที่ตายไปแล้วจะสามารถปราบปรามเผ่าหมัวเฮอของข้าอย่างไร!
“หากเจ้าต้องการนำร่างมหาเทพนิรันดร์ไปด้วยละก็ สงครามกับเผ่าหมัวเฮอระเบิดแน่!”
เสียงของหมัวเฮอเทียนดังก้องไปทั่วภูมิภาค “เผ่าหมัวเฮอเตรียมพร้อมรบ!”
เมื่อผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอได้ยินเช่นนั้น ก็ปลดปล่อยคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ขอบฟ้าสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด
เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งและไท่หมิงเห็นสถานการณ์นี้ สีหน้าก็มืดครึ้มลง หมัวเฮอเทียนเสียสติไปแล้ว!
“งั้นเผ่าฝูถูก็ขอสู้ตายเช่นกัน!” ชิงเหยี่ยนจิ้งหายใจเข้าลึกพลางพูดเสียงเย็นชา
ไท่หมิงถอนหายใจก่อนตอบว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าไท่หลิงก็ต้องเข้าร่วมแล้ว…”
หมัวเฮอเทียนหัวเราะด้วยความโกรธ “ได้ เผ่าหมัวเฮอขอประกาศสงครามกับทั้งสองเผ่าในวันนี้ ข้าจะดูสิว่าพวกเจ้าสามารถทำอะไรกับเผ่าหมัวเฮอของข้าได้บ้าง!”
นอกเมืองวั้นกู่ ทุกคนมีสีหน้าตกใจหวาดผวา สามเผ่าโบราณกำลังจะทำสงครามกันรึ? ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องเกิดคลื่นยักษ์กวาดไปทั่วมหาพันภพแน่
เมื่อมองไปที่ฉากนี้ใบหน้าของมู่เฉินก็เย็นชาลง
ตึง!
ทว่าขณะที่บรรยากาศระหว่างฟ้าดินตึงเครียด ทั้นใดนั้นเสียงระฆังโบราณก็ดังก้องมาแต่ไกล…
เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น บรรดาจอมยุทธ์ก็หดตาและเงยหน้าขึ้น
“นี่คือ… ระฆังพันภพแห่งวังมหาพันภพ?”
ภายใต้ความสนใจ ลำแสงก็พุ่งมา ร่างกำยำปรากฏตัวในอุโมงค์มิติ ทำให้เกิดแรงกดดันไปทั่วภูมิภาค
ในเวลาเดียวกันเสียงหนักแน่นก็ดังขึ้น
“โปรดไว้หน้าวังมหาพันภพ หยุดสงครามลงเถิด”
เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเห็นร่างกำยำนี้ ใบหน้าก็เคร่งเครียดลง พวกเขาไม่เคยคิดว่าคนผู้นี้จะมาที่นี่
ราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพ—ฉิงเทียน!