หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1517 ประกาศิตนิรันดร์
“เทพกระบี่ชุดเขียว…”
มู่เฉินมองไปที่ชายชุดเขียวที่นั่งอยู่ข้างจักรพรรดิอมตะด้วยสายตาวูบไหว เกิดริ้วความเคร่งขรึมขณะมองสุดยอดจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพที่คงตำแหน่งไว้เป็นเวลายาวนาน ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม
นั่นหมายความว่ามีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายอยู่ในวังสามคน แม้ว่าประมุขหรือผู้อาวุโสใหญ่ของห้าเผ่าโบราณจะอยู่ในขั้นเซิ่งระยะกลาง แต่ด้วยอาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งของเผ่า ทำให้พวกเขาไม่ด้อยไปกว่าจอมยุทธ์ขั้นเซิ่งระยะปลาย
บวกกับสัตว์ประหลาดเฒ่าอีกหลายคนที่มักแยกตัวสันโดษ เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็เปรียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายสองสามคน
ดังนั้นเกือบครึ่งหนึ่งของจอมยุทธ์ชั้นสูงสุดในมหาพันภพมารวมตัวกันที่นี่ในรูปแบบที่น่าสะพรึงกลัว
“ในเมื่อพี่ชิงซันอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นให้เราเริ่มสนธิสัญญาพันธมิตรมหาพันภพได้” เมื่อเห็นการมาถึงของชิงซัน ฉิงเทียนก็ยิ้มออก
ขณะที่พูดเขาก็กวาดสายตามอง “ที่จริงแล้วเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็จะมาที่นี่ด้วย แต่จักรวรรดิปีศาจต่างมิติเปิดการโจมตีแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูกะทันหัน ทั้งสองคนจึงไม่สามารถละทิ้งชายแดนได้”
คำพูดของเขาสร้างความปั่นป่วนทันที จอมยุทธ์ทุกคนที่นี่ต่างแสดงสีหน้ารุนแรง
“ดูเหมือนจักรวรรดิปีศาจเตรียมลงมือกับดินแดนวั้นมู่แล้วจริงๆ ไม่งั้นพวกมันคงไม่พยายามสุดตัวเพื่อกันไม่ให้เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามมาที่นี่หรอก” ชิงซันถอนหายใจขณะที่สายตาเย็นชาลง
ที่ด้านข้างปู้สื่อก็ลืมตาขึ้น แม้ว่าใบหน้านั้นจะเหี่ยวย่นแต่ก็แผ่ซ่านด้วยกลิ่นอายเย็นเยือก “ผู้พิทักษ์หมื่นสุสานของข้าปกป้องดินแดนวั้นมู่มาสี่หมื่นแปดพันปี เหลือเพียงให้สนธิสัญญาพันธมิตรมหาพันภพครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ หากจักรวรรดิปีศาจต้องการทำลาย ผู้พิทักษ์ของข้าก็จะเผชิญหน้าอย่างไม่กลัวเกรง”
ขณะที่พูดมิติรอบตัวก็สั่นสะท้านด้วยจิตสังหารเยือกเย็น ทำให้ใบหน้าจอมยุทธ์หลายคนเปลี่ยนไป
ปู้สื่อปกป้องดินแดนวั้นมู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก แต่เขาจะกลายเป็นคนบ้าเมื่อมีคนกล้าล้ำเส้นแบ่งเข้ามา
ฉิงเทียนพยักหน้า “ถ้าเผ่าปีศาจกล้าแหยมเข้ามา เราจะไม่ยอมให้พวกมันได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเหลือเพียงหมุนค่ายกลนี้อีกครั้งก็จะสามารถดับพลังของเทพปีศาจจักรพรรดิได้ ในเวลานั้นมหาพันภพจะสงบสุขแท้จริงและเราไม่จำเป็นต้องกลัวเผ่าปีศาจอีกต่อไป”
“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!”
เหล่าจอมยุทธ์เปล่งเสียงสะท้อนออกมา พวกเขารู้ว่าเทพปีศาจจักรพรรดิน่ากลัวเพียงใด หากปีศาจระดับนั้นหลุดรอดออกไปละก็ จะเป็นหายนะสำหรับระบบสุริยจักรวาลนี้แน่นอน ถึงเวลานั้นก็ไม่มีใครหนีรอดไปได้
“จักรวรรดิปีศาจต่างมิติอาจมีแผนการบางอย่าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกมัน มีปราการกั้นในดินแดนวั้นมู่ซึ่งสร้างขึ้นโดยเทพจักรพรรดินิรันดร์ หากกองทัพปีศาจต่างมิติเข้าใกล้การป้องกันก็จะเริ่มขึ้น แม้แต่จอมปีศาจตัวเอ้ก็ไม่สามารถทะลวงเข้ามาได้”
“สำหรับพวกเราก็ต้องใช้เวลานี้เรียกผนึกเพื่อสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิ” ฉิงเทียนมองทุกคน เสียงแกร่งกร้าวของเขาดังกึกก้อง
ทุกคนพยักหน้า “รับคำสั่งราชันฉิง”
ฉิงเทียนไม่เพียงแต่เป็นราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพ แต่ยังเป็นเจ้าวังคนปัจจุบันอีกด้วย ภารกิจของวังมหาพันภพคือรวบรวมพลังทุกส่วนเพื่อต่อต้านผู้รุกรานเมื่อมหาพันภพกำลังถูกคุกคาม
“ขอบคุณทุกคน” ฉินเทียนประสานมือคารวะ
“ท่านฉิงเทียนเราจะเริ่มลงมือเมื่อไรขอรับ?” มู่เฉินถามขณะมองไปที่ฉิงเทียน
“ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนที่ค่ายกลดับแสงพันปีศาจจะหมุนเวียนครบหนึ่งสหัสวรรษ เราต้องรอให้การโคจรสมบูรณ์เพื่อที่จะได้อัดคลื่นหลิงเข้าไปกระตุ้น” ฉิงเทียนตอบ
มู่เฉินพยักหน้าหลุบตาลงรอคอย
แต่ทันใดนั้นสายตาเขาก็เหลือบเห็นปู้สื่อกลับกำลังจ้องมองมา ทำให้เขารู้สึกงุนงง
“สหายน้อย…” ปู้สื่อมองมู่เฉินขณะสีหน้าอบอุ่นวาบขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวย่น
หลังจากอึ้งไปชั่วครู่มู่เฉินก็ตอบทันทีว่า “ผู้อาวุโสเรียกข้ามุ่เฉินเถอะขอรับ”
ความอาวุโสของปู้สื่อไม่มีข้อกังขาใด แม้แต่ฉิงเทียนก็ยังต้องเรียกว่าเป็นผู้อาวุโส ดังนั้นมู่เฉินจึงต้องรักษามารยาทที่ดีไว้
“ฮ่าๆ”
ปู้สื่อยิ้มกว้าง “สหายน้อย ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับการยอมรับจากร่างมหาเทพนิรันดร์รึ? ข้าอยากจะขอดูหน่อยได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นมู่เฉินลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะพยักหน้า แค่คิดรัศมีเปล่งปลั่งก็แผ่ซ่านออกมาจากด้านหลัง ภาพเงาค่อยๆ ก่อตัวขึ้น แม้ว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ก็อบอวลด้วยกลิ่นอายโบราณและรัศมีนิรันดร์ที่ผันผวนภายในวัง
ทุกคนมองไปที่ด้านหลังของมู่เฉิน เมื่อเห็นร่างโบราณก็ต้องตกตะลึงในสายตา เนื่องจากร่างมหาเทพนิรันดร์ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลยนับตั้งแต่เกิดสงครามยุคโบราณ
มีเพียงสายตาของหมัวเฮอเทียนเท่านั้นที่ดูน่าขนลุก เขารู้สึกทรมานด้วยความไม่เต็มใจ
เมื่อมองไปที่มู่เฉิน รอยย่นบนใบหน้าของปู้สื่อก็คลายลงพร้อมกับความทรงจำห้วงลึกวูบไหวในดวงตา “ไม่เคยคิดมาก่อนว่าข้าจะมีโอกาสได้เห็นร่างเทพนิรันดร์”
ขณะที่พูดก็โค้งคำนับให้กับมู่เฉิน
เมื่อเห็นท่าทางนี้ของปู้สื่อ มู่เฉินก็ตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร เนื่องจากความอาวุโสและประสบการณ์ของปู้สื่อคงไม่มีใครในมหาพันภพที่ได้รับการคารวะแบบนี้
“ผู้อาวุโสได้โปรดอย่าทำเช่นนี้” มู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่น
ปู้สื่อสั่นศีรษะตอบว่า “ท่านเทพจักรพรรดินิรันดร์เคยลั่นประกาศิตนิรันดร์ เมื่อผู้สืบทอดคนใหม่ของร่างมหาเทพนิรันดร์ปรากฏขึ้น ผู้พิทักษ์หมื่นสุสานทุกคนจะต้องสวามิภักดิ์และปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่บิดเบือน”
คำพูดของเขาทำให้เกิดความโกลาหลในวังทันที แม้แต่ฉิงเทียนและชิงซันก็ฉายความประหลาดใจบนใบหน้าเมื่อมองไปที่มู่เฉิน
ผู้พิทักษ์หมื่นสุสานเป็นทายาทสายตรงของเทพจักรพรรดินิรันดร์ พวกเขามีความจงรักภักดีอย่างยิ่งต่อเทพจอมยุทธ์ผู้นี้ นอกจากนี้ยังครอบครองมรดกที่ทิ้งไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงทรงพลังมากและถือได้ว่าเป็นขุมกำลังสำคัญของมหาพันภพ
หากผู้พิทักษ์หมื่นสุสานสวามิภักดิ์ต่อมู่เฉินแล้ว ขุมกำลังของมู่เฉินก็จะก้าวกระโดดขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของมหาพันภพ ซึ่งเทียบได้กับแม้แต่ห้าเผ่าโบราณ
สายตาตกตะลึงทุกคน ทำเอาริมฝีปากของหมัวเฮอเทียนกระตุกพร้อมกับความกลัวในดวงตา ถ้ามู่เฉินได้รับพลังนี้ไปจริงๆ ต่อให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าฝูถูก็ปราบปรามเผ่าหมัวเฮอได้
หมัวเฮอเทียนทั้งรู้สึกตกใจและโกรธมากไปพร้อมกัน โอกาสนี้ควรเป็นของเผ่าหมัวเฮอ แต่มู่เฉินดันได้รับไปทั้งหมด
แม้แต่สีหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็เปลี่ยนไปรุนแรง หลังจากนั้นไม่นานท่าทางก็คลายลงเนื่องจากโชคดีที่ความขัดแย้งของเขากับมู่เฉินไม่ได้ลึกซึ้งอะไร ตอนนี้ปีกของมู่เฉินเติบโตเต็มที่ ชายหนุ่มคนนี้ไปถึงจุดสุดยอดของมหาพันภพอย่างแน่นอน ใครจะรู้ว่ามู่เฉินอาจกลายเป็นเทพจักรพรรดิอีกคนก็ได้
มู่เฉินอึ้งไปกับคำพูดเหล่านั้น เขาไม่เคยคิดว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์จะว่าประกาศิตเช่นนี้ไว้ จากนั้นไม่นานท่าทางเขาก็กลับมาเป็นปกติ “ท่านผู้อาวุโสมองข้าสูงเกินไปแล้ว ผู้พิทักษ์หมื่นสุสานน่าชื่นชมที่ปกปักดินแดนวั้นมู่สืบกันมา ตัวข้ายังไม่มีคุณสมบัติที่จะสั่งการ ดังนั้นท่านไม่ต้องปฏิบัติอย่างจริงจังเกินไปหรอก ท่านตั้งเป้าในการรักษาภารกิจเพื่อให้มหาพันภพปลอดภัยเถิดขอรับ”
พลังของผู้พิทักษ์หมื่นสุสานไม่มีข้อกังขา ทุกคนถูกล่อลวงที่จะควบคุม ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้โง่ นั่นเพราะเมื่อทรงพลังมากก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการแม้จะมีประกาศิตนิรันดร์จากเทพจักรพรรดินิรันดร์ ถ้าเขาฝืนทางก็อาจโดนเด้งแทนก็ได้
ปู้สื่อยิ้มไม่พูดอะไรอีก เขารู้โดยธรรมชาติว่ามู่เฉินกังวลเรื่องอะไร เนื่องจากมู่เฉินยังคงอ่อนแอเกินไปที่จะกลายเป็นประมุขผู้พิทักษ์หมื่นสุสาน แต่ถ้ามีวันหนึ่งที่เขาขึ้นสู่ระดับสูงสุดเหมือนเทพจักรพรรดินิรันดร์ เหล่าผู้พิทักษ์ก็จะรับใช้เขาด้วยใจจริง
ขณะที่ปู้สื่อเงียบลง สายตาผู้คนก็กวาดผ่านใบหน้าของมู่เฉินด้วยความเคารพ
ภายใต้ความเงียบงันหกชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงช่วงเวลาสุดท้าย้นินเขารกร้างทางเหนือก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
โฮก!
ขณะที่แผ่นโลกโยกคลอน เสียงคำรามที่อัดแน่นด้วยการทำลายล้างไม่สิ้นสุดก็สะท้อนออกมา ราวกับว่าสามารถเอาชนะสวรรค์ได้
โลงศพสัมฤทธิ์บนลานกว้างก็เริ่มสั่นสะเทือนรุนแรงพร้อมกับลำแสงเชื่อมเข้าด้วยกัน ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ได้ก่อตัวเป็นค่ายกลโบราณเหนือดินแดนวั้นมู่
ฉิงเทียนยืนขึ้นทันทีด้วยสายตาเย็นชา เสื้อคลุมสะบัดไหวด้วยแรงกดดันทรงพลังที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกาย
“ทุกคนได้เวลาแล้ว เตรียมพร้อมที่จะใช้ค่ายกลดับแสงพันปีศาจเพื่อดับพลังชีวิตที่เหลืออยู่เทพปีศาจจักรพรรดิ!”
ในวังจอมยุทธ์ทุกคนมีไอเย็นเยือกวูบไหวในดวงตาขณะที่ตอบเสียงดังก้อง
“รับทราบ!”