หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1523 เจียงหยา
บนท้องฟ้า
ร่างหลายสิบร่างยืนอหังการอยู่พร้อมกับคลื่นหลิงสีเทาดำครางกระหึ่มที่ด้านหลัง ช่างราวกับมหาสมุทรเอิบอาบด้วยแรงกดดันทรงพลัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาในฝ่ามือเหล่านั้นกำจายความผันผวนแปลกประหลาดออกมา
“เผ่าเสียหลิง…”
สายตาของมู่เฉินดูเคร่งเครียดขณะมองไปที่ร่างหลายสิบร่างเหนือดินแดนวั้นมู่ ฉากนี้ช่างเกินความคาดหมายของทุกคน ไม่มีใครคิดว่าพวกจักรวรรดิปีศาจจะสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่ผสมกันระหว่างเผ่าปีศาจกับเผ่ามหาพันภพเข้าด้วยกัน
พวกเผ่าพันธุ์ใหม่นี้ ไม่เพียงแต่พวกมันจะสามารถเพาะบ่มคลื่นปีศาจ แต่ยังเพาะบ่มคลื่นหลิงของมหาพันภพได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ทว่าความจริงก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขาแล้ว ไม่ว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะไม่เชื่ออย่างไรก็ตาม
“จอมยุทธ์ทุกคนฟังคำสั่ง! ฆ่าผู้บุกรุกให้หมด!” ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อฉายสีหน้าเขียวคล้ำ ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ในตอนนี้ เนื่องจากกำลังป้องกันการโจมตีจากเผ่าปีศาจ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงตะโกนก้องในดินแดนวั้นมู่
ขณะนั้นจอมยุทธ์ห้าเผ่าโบราณแลกเปลี่ยนสายตากันพลางกล่าวว่า “เราไม่สามารถออกไปได้ในตอนนี้เนื่องจากการสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิมีความสำคัญสูงสุด”
พวกเขาเห็นแล้วว่าในบรรดาผู้ที่รุกรานเหล่านี้ นักรบปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลาง ส่วนที่เหลือก็อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นต่างๆ
มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “เรื่องเผ่าเสียหลิงปล่อยเป็นหน้าที่พวกข้าเอง ทุกคนจัดการเรื่องผนึกต่อไปเถอะ”
จังหวะที่เขาลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างแสงร่างหนึ่งก็ทะยานมาข้างๆ ลั่วหลีคลี่ยิ้มให้ “ข้าจะสู้กับเจ้าด้วย”
มู่เฉินพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ ลั่วหลีครอบครองแผนภาพวิญญาณโบราณซึ่งสามารถพึ่งพาสิ่งนี้เพื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นได้
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ในเวลาเดียวกันร่างแสงหลายสายก็ทะยานเข้ามารวมตัวกันรอบๆ ทั้งสอง “พวกเรายินดีที่จะติดตามราชันมู่เพื่อฆ่าเหล่าปีศาจ!”
มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ไม่พูดอะไรอีกต่อไป พวกเขาเคลื่อนไหวไปปรากฏตัวเบื้องหน้าเผ่าเสียหลิง ขัดขวางเส้นทางการรุกรานเอาไว้
“ทุกคนกลับไปยังที่ที่เจ้ามาเถอะ ร่างกายของพวกเจ้าไหลเวียนด้วยสายเลือดมหาพันภพ ดังนั้นจงอย่าได้ทำในเรื่องไม่ควร!” ดวงตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นเฉียบคมเมื่อมองไปที่ผู้นำเผ่าเสียหลิง เขาเป็นชายที่มีผมสีเทาท่าทางเผด็จการ
“สายเลือดมหาพันภพ?” เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำพูดของมู่เฉินก็เยาะเย้ย “ถ้าเป็นเช่นนั้น ตอนที่พวกข้าถูกเลี้ยงดูอย่างปศุสัตว์ ผู้คนในมหาพันภพอยู่ที่ไหน?”
มู่เฉินขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเผ่าเสียหลิงไม่ได้มีสถานะสูงในจักรวรรดิปีศาจ คงมีเรื่องราวบางอย่างอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาขุดค้น ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องขับไล่เผ่าเสียหลิงออกไปก่อน
“เผ่าปีศาจโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วทำไมถึงยังรับใช้พวกมัน?”
ชายผมเทาพูดอย่างเย็นชา “ไม่รับใช้พวกเขาแล้วจะมารับใช้เจ้ารึไง? ถ้าเป็นแบบนั้นสมาชิกเผ่าเสียหลิงจะถูกสังหารจนหมด เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะช่วยพวกข้าได้ไหมล่ะ?”
มู่เฉินหลุบตาลงตอบว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้เสียเวลา”
คลื่นหลิงทรงพลังพวยพุ่งขึ้นรอบตัว พื้นที่ใต้เท้าก็แสดงให้เห็นถึงการยุบตัว
“ข้าเป็นประมุขเผ่าเสียหลิงชื่อว่าเจียงหยา วันนี้ให้ข้าได้สัมผัสหน่อยว่ามหาพันภพอ่อนแอเพียงใด ถึงได้ล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยของตนจนปล่อยให้จักรวรรดิปีศาจเข้ามาทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ต้องแปดเปื้อนและถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี!” เจียงหยาคำรามด้วยความเกลียดชัง
ที่ด้านหลังมู่เฉินเหล่าจอมยุทธ์ได้แต่เงียบงันไปและรู้สึกละอายใจ การปรากฏขึ้นของเผ่าเสียหลิงก็มาจากจำนวนดินแดนที่เผ่าปีศาจยึดครองไปจากมหาพันภพ ทำให้สิ่งชีวิตของมหาพันภพได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้าย
“อย่าคิดฟุ้งซ่าน จงต่อสู้กับศัตรู!”
เสียงของมู่เฉินดังก้อง เผ่าเสียหลิงอาจน่าสงสาร แต่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะแสดงความเห็นอกเห็นใจในตอนนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะยืนหยัดร่วมกับเผ่าปีศาจ นั่นก็หมายความว่าเป็นศัตรูกับมหาพันภพ เมื่อไรที่เป้าหมายนี้บรรลุผล ทั้งมหาพันภพก็จะกลายเป็นขุมนรกปีศาจแล้ว
ในเวลาแบบนี้พวกเขาต้องละทิ้งความเมตตาไปเท่านั้น
“ฆ่า!”
เจียงหยาตะโกนลั่นขณะที่ร่างเงาหลายสิบร่างทะยานออกมาพร้อมกับคลื่นหลิงสีเทาดำพลุ่งพล่าน แม้ว่าจะเป็นคลื่นหลิง แต่ก็ผิดแผกนัก มันมีความสามารถในการกัดกร่อนที่ทรงพลัง ซึ่งคล้ายคลึงกับคลื่นปีศาจ
ดวงตาของมู่เฉินพวยพุ่งด้วยไอเย็นเยือกขณะที่โบกมือสั่งการเหล่าจอมยุทธ์ออกไปห้ำหั่น พวกเขาแยกตัวประกบเผ่าเสียหลิงไว้แบบตัวต่อตัว
ส่วนมู่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเจียงหยา จากนั้นก็ซัดหมัดออกไปโดยไร้ซึ่งอารมณ์บนใบหน้า
ตู้ม!
หมัดนี้แตกมิติออกจากกัน ด้วยกายาเซิ่งของมู่เฉินการชกสบายๆ ก็แฝงพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งไว้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดายังสะบักสะบอม
“ชายคนนี้มีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเท่านั้น ทำไมความแข็งแกร่งของเขาจึงทรงพลังเช่นนี้?”
มองหมัดที่พุ่งเข้ามาในทิศทางของตนเอง เจียงหยาก็หดดวงตา เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังกำปั้นนี้ เขาไม่กล้าลังเลเปิดฝ่ามือออก ดวงตาบนฝ่ามือกลายเป็นสีดำแฝงริ้วสีม่วง ทำให้ดูไม่ธรรมดา
ฮึ่ม!
แสงพุ่งออกมาจากม่านตาสีม่วงดำห่อหุ้มฝ่ามือของเจียงหยา จากนั้นก็แข็งตัวก่อร่างเป็นชั้นๆ ทันที
ชั้นนั้นคล้ายกับเหล็กดำมะเมี่ยมดูน่ากลัว ประหนึ่งอาวุธสังหารแหลมคม
ตู้ม!
เมื่อหมัดของมู่เฉินและเจียงหยาปะทะกัน ความผันผวนที่มองเห็นได้ก็กวาดออก ทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ
ทั้งสองคนตัวสั่นสะท้านก่อนที่จะถอยไปหลายก้าว
“เพลิงม่วงกลืนวิญญาณ!”
ดวงตาของมู่เฉินกะพริบขณะที่อ้าปาก เปลวไฟสีม่วงพุ่งออกมาปกคลุมไปทางเจียงหยา
เปลวไฟสีม่วงที่ร้อนระอุลุกโชนด้วยอุณหภูมิสูงราวกับว่าต้องการเผาเจียงหยาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่มิติก็บิดเบี้ยวจากอุณหภูมิสูง
ปัง!
แต่ขณะที่เปลวไฟสีม่วงเต้นระริก เงาสีม่วงดำก็ทะยานออกมาราวกับยักษ์ปักหลั่น เขาเคลื่อนย้ายไปเบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมกับเสียงคำราม หมัดที่ปกคลุมไปด้วยชั้นสีม่วงดำก็วูบไหวซัดใส่แขนของมู่เฉินที่ไขว้กันเป็นกากบาท
ตึง!
พร้อมกับการปะทะกันรุนแรงทำให้มู่เฉินพัดกลับออกไปหนึ่งพันจั้ง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็ฉายสีหน้าเคร่งเครียด เขาเห็นยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยชั้นสีม่วงดำยืนตระหง่านบนท้องฟ้า
ร่างนั้นราวกับมีชั้นเกราะบนร่างกายพร้อมกับกลืนกินทุกตารางนิ้ว เดือยแหลมยื่นออกมาวูบไหวด้วยกลิ่นอายแหลมคม
ยามนี้เจียงหยาคล้ายกับสัตว์ร้าย ทุกตารางนิ้วบนร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยความตาย
“ช่างเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างพลังปีศาจกับพลังหลิง” สายตาของมู่เฉินวาวโรจน์ขณะมองไปที่เจียงหยาผู้ดูดุร้าย
“เป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนคิดจะขัดขวางข้าเหรอ? ไม่มีใครอื่นในมหาพันภพที่แน่กว่านี้แล้วใช่ไหม?” ภายใต้การห่อหุ้มของชั้นสีม่วงดำ สายตาเย็นชาของเจียงหยาก็จับจ้องไปที่มู่เฉิน
“หืม ดูเหมือนว่าข้าจะถูกมองข้ามอีกแล้วนะเนี่ย”
มู่เฉินยิ้มก่อนที่ใบหน้าจะเย็นเยือกลง เขาวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ทันใดนั้นรัศมีก็ระเบิดออกจากร่างกาย
ร่างโบราณก็ก่อตัวขึ้นที่ข้างหลังเขา
จากการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่มู่เฉินรู้สึกได้ว่าเจียงหยาทรงพลังและไม่ได้ด้อยไปกว่าหมัวเฮอเทียน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดออมมืออีกต่อไป เขาเรียกร่างมหาเทพนิรันดร์ออกมาทันที
“ฝ่ามือนิรันดร์!”
เมื่อร่างมหาเทพเผยขึ้นก็ฟาดฝ่ามือออกไปทันที ทันใดนั้นรัศมีก็ระเบิดออกมาพร้อมกับลวดลายโบราณพุ่งผ่านมิติปรากฏเหนือร่างเจียงหยา
เมื่อฝ่ามือเคลื่อนลงมา แม่น้ำโบราณก็ปรากฏขึ้นซึ่งมีพลังความเป็นนิรันดร์พวยพุ่งอยู่
เมื่อฝ่ามือปรากฏขึ้นใบหน้าของเจียงหยาก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างชัดเจน เขาถอยกลับทันที สร้างภาพมายาไว้นับไม่ถ้วนด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามหลบอย่างไร ฝ่ามือก็จะปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ ราวกับว่าการเคลื่อนลงมาของฝ่ามือหมายชีวิตของเขาเอาไว้แล้ว
ตู้ม!
ในที่สุดฝ่ามือก็กระแทกลงบนร่างเจียงหยา การระเบิดน่ากลัวดังขึ้น เขาถูกพัดกลับไปเหมือนแมลงวันโดนตบชนเข้ากับภูเขาจังใหญ่
ภูเขาถล่มลง เศษกรวดหินปลิวว่อน มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้ามองไปที่ภูเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะยืนข้างเผ่าปีศาจ ดังนั้นเพื่อสรรพชีวิตในมหาพันภพ ข้าจะเริ่มล้างบางตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปและฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด-ที่-นี่”
ตู้ม!
ทันใดนั้นก้อนหินน้อยใหญ่ก็ระเบิดออก ลำแสงสีม่วงดำทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าขยายขนาดอย่างรวดเร็ว ในพริบตาก็ก่อตัวเป็นปีศาจน่าสะพรึงกลัวพร้อมกับแรงกดดันสูงตระหง่านแผ่ซ่านออกมา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งบางคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
ในเวลาเดียวกันน้ำเสียงของเจียงหยาที่แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าก็สะท้อนออกมา
“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแกยังกล้ามาพูดโอหังเช่นนี้เรอะ วันนี้ข้าจะใช้หัวแกต้อนรับการกลับมาของเทพปีศาจจักรพรรดิ!”