หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1525 หนึ่งหมัด
“ทักษะเหยินฝ่าเหอยี—คนวิทยายุทธรวมเป็นหนึ่ง!”
เสียงดังก้องภายในหัวใจของมู่เฉิน ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็สวมเข้ามาในร่างของมู่เฉิน อึดใจต่อมารัศมีก็ระเบิดออก
ทุกเกลียวรัศมีบรรจุด้วยพลังน่ากลัว
ตู้ม ตู้ม!
มหาสมุทรพลังพวยพุ่งขึ้นรอบๆ มู่เฉินพร้อมกับแรงกดดันน่ากลัวซึ่งทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลังงานหลิงทรงประสิทธิภาพอย่างยิ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางปลายสุดก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
ที่ด้านนอกขอบเขตค่ายกลดับแสงพันปีศาจ ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็สัมผัสได้เช่นกัน พวกเขาลดศีรษะลงมองไปที่ดินแดนวั้นมู่ จากนั้นสายตาก็หยุดลงชั่วครู่อยู่ที่มู่เฉินด้วยความตกใจ
“เขากำลังจะใช้ทักษะเหยินฝ่าเหอยี…เขากล้าหาญเกินไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นของร่างมหาเทพนิรันดร์ด้วย! หลังจากได้รับการขัดเกลาตามกาลเวลาและบรรจุด้วยพลังนิรันดร์ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ยังไม่กล้าที่จะใช้ทักษะนี้สักนิด”
สีหน้าของทั้งสามเปลี่ยนไปเป็นความกังวล พวกเขารู้ว่าร่างมหาเทพนิรันดร์ทรงพลังเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงรู้โดยธรรมชาติว่าแม้แต่กายาเซิ่งของมู่เฉินก็ยังยากลำบากมากในการแบกรับต่อสิ่งนี้
ตู้ม ตู้ม!
ภายใต้สายตาเป็นกังวลของทุกคน คลื่นหลิงภายในร่างกายของมู่เฉินก็พวยพุ่งรุนแรง ในขณะเดียวกันร่างกายเขาก็เริ่มขยายขนาดขึ้นพร้อมกับมัดกล้ามบนร่างกายโป่งนูนออกมา ตอนนี้เขาดูน่าสะพรึงกลัวมาก
ปัง!
เมื่อมัดกล้ามเหล่านั้นปริออก เลือดสดก็หยดแหมะ ร่างกายถูกย้อมด้วยเลือดทันที
รอยแตกเริ่มกระจายออกไปบนร่างกายราวกับเขาเป็นกระเบื้องเคลือบที่แตกร้าว
นั่นเป็นเพราะร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อการขยายตัวของคลื่นหลิงได้
“เฉินเอ๋อ!”
ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งซีดขาวกับภาพเบื้องหน้า คลื่นหลิงรอบตัวผันผวนไปหมด
“ชิงเหยี่ยนจิ้งตั้งสมาธิ! อย่าเพิ่งผลีผลาม!” ไท่หมิงตะเบ็งเสียงลั่น พวกเขาทั้งห้าเป็นเสาหลักของเหล่าจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพเพื่อทำลายล้างพลังชีวิตของเทพปีศาจจักรพรรดิ หากชิงเหยี่ยนจิ้งออกไปในเวลานี้ละก็ จะทำให้เกิดช่องโหว่ในการหมุนเวียนค่ายกลอย่างแน่นอน
ในเวลาแบบนี้ช่องโหว่เพียงเล็กน้อยก็ทำให้สถานการณ์พลิกผันได้
ชิงเหยี่ยนจิ้งตระหนักได้เช่นกัน ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงกัดฟันบังคับตัวเองเบี่ยงเบนความสนใจจากมู่เฉิน
ปัง ปัง!
ร่างกายของมู่เฉินยังคงระเบิดต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าถ้าไม่ปริแตกออกทั้งร่าง การขยายตัวของพลังงานภายในร่างกายก็จะไม่หยุดนิ่ง
ยามนี้หัวใจของเขาผันผวนเนื่องจากคลื่นหลิงรุนแรงในร่างกาย เขาไม่สามารถควบคุมพลังได้ ดังนั้นเขาทำได้เพียงกัดฟันและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมคลื่นหลิงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหมุนเวียนทักษะนี้
ฟิ้ว!
ขณะที่มู่เฉินพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ภายในร่างกาย เจียงหยาก็สังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน พร้อมกับรอยยิ้มน่ากลัว ร่างสัตว์ประหลาดก็ทะยานเข้ามา
“ทุกคนกันไว้หน่อย”
เมื่อเจียงหยาพุ่งเข้ามา จอมยุทธ์สิบกว่าคนก็ทะยานออกไปโดยมีลั่วหลีนำทัพ นางหันไปกล่าวกับคนอื่นๆ
“ได้ แต่พวกเราคงไม่สามารถรั้งไว้ได้นาน ดังนั้นช่วยราชันมู่ฟื้นตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้” เหล่าจอมยุทธ์ไม่ลังเลเลย เนื่องจากมีเพียงมู่เฉินเท่านั้นที่สามารถเผชิญหน้ากับประมุขเผ่าเสียหลิงได้ในขณะนี้
ลั่วหลีพยักหน้าไปปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ฝ่ามือเรียวผสานกัน แผนภาพโบราณเผยขึ้น นี่ก็คืออาวุธมหสวรรค์ของเผ่าไท่หลิง—แผนภาพวิญญาณโบราณ
ลั่วหลีบอกได้ว่าตอนนี้มู่เฉินกำลังสูญเสียการควบคุมคลื่นหลิงในร่างกาย แผนภาพวิญญาณโบราณสามารถจัดระเบียบคลื่นหลิงได้ ภายใต้แผนภาพแม้แต่คลื่นหลิงรุนแรงก็จะเชื่องลง
ทว่าคลื่นหลิงของร่างมหาเทพนิรันดร์มาจากแก่นอมตะ ดังนั้นแม้แต่แผนภาพวิญญาณโบราณก็ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้มู่เฉินคลายความกดดันลงได้บ้าง
ลั่วหลีฉายท่าทางเคร่งเครียด รีบสร้างตราประทับขึ้น แผนภาพวิญญาณโบราณคลี่ออกก่อนที่จะลอยอยู่เหนือศีรษะของมู่เฉิน ความอบอุ่นส่องลงมาปกคลุมร่างกายของมู่เฉินเอาไว้
ภายใต้รัศมีกระจ่างใส คลื่นหลิงรุนแรงภายในร่างกายของมู่เฉินก็เริ่มอ่อนลง มีไออากาศเย็นที่ไหลเข้ามาลบล้างคลื่นหลิงที่รุนแรง
มู่เฉินรีบคว้าโอกาสเทพลังงานลงไปในทักษะเทพทันที
วิชาสามพิสุทธิ์!
พริบตาร่างรองสองร่างก็ปรากฏออกมา พวกเขายื่นมือไปแตะไหล่มู่เฉินราวกับสะพาน เชื่อมโยงให้คลื่นหลิงที่ระเบิดภายในร่างกายของมู่เฉินไหลมาสู่ร่างรองทั้งสอง
ร่างรองทั้งสองมีต้นกำเนิดมาจากมู่เฉิน ดังนั้นจึงสามารถรับคลื่นหลิงแก่นนิรันดร์ได้เช่นกัน มิฉะนั้นแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ไม่กล้าดูดซับคลื่นหลิงเข้าสู่ร่างกายพวกเขาได้
ตู้ม ตู้ม!
เมื่อมีร่างรองทั้งสองช่วยเหลือ การอาละวาดภายในร่างกายมู่เฉินก็เริ่มนิ่งลง แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย แต่ก็ไม่มีการระเบิดอีกต่อไป
ขณะที่รัศมีเริ่มไหลเวียนบนพื้นผิวร่างกายของมู่เฉิน แม้แต่เส้นผมก็เริ่มโปร่งใส
เพียงสิบกว่าลมหายใจร่างกายของมู่เฉินก็คล้ายกับกระจกใสขณะเขายืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า เอิบอาบด้วยแรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้ประหนึ่งพระพุทธรูปโบราณ
ร่างกายเริ่มเปล่งประกายความโบราณ ราวกับว่าเขาผ่านยุคดั้งเดิมและรอดพ้นจากการกัดกร่อนของกาลเวลา
ชิงเหยี่ยนจิ้งและจอมยุทธ์คนอื่นๆ มองไปที่ฉากนี้ด้วยความตะลึงงัน ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะบรรลุเป้าหมายนี้
“เป็นเช่นนี้เอง… เขาใช้วิชาสามพิสุทธิ์ซับพลังของร่างมหาเทพนิรันดร์ แม้ว่าจะเป็นแค่ชั่วคราว แต่เขาก็ยังทำได้…”
“ตอนนี้เขาคงสามารถสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลย”
พวกเขาสบตากันและอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชม มิน่าล่ะมู่เฉินถึงกล้าทำเช่นนี้ ที่แท้ก็มีแผนอยู่แล้ว แต่วิธีนี้ก็น่าตกใจอย่างยิ่ง
บนท้องฟ้า มู่เฉินลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ม่านตาสีดำก็เปลี่ยนเป็นโปร่งใสลึกซึ้ง ราวกับว่ากินลึกยิ่งกว่าท้องฟ้าแห่งทางช้างเผือก
มู่เฉินหันหน้าไปมองร่างรองทั้งสอง ตอนนี้พวกเขาก็มีร่างโปร่งใส แต่ไม่สามารถขยับได้เนื่องจากพลังภายในร่างกายรุนแรงเกินไป เมื่อเคลื่อนไหวอาจระเบิดได้เลยทีเดียว
ทว่ามู่เฉินกลับมองไปที่ร่างรองทั้งสองด้วยดวงตาวูบไหว เนื่องจากเมื่อสักครู่เขาเหมือนจะเกิดความเข้าใจบางอย่าง…
ซึ่งก็คือขั้นสามของวิชาสามพิสุทธิ์—สามพิสุทธิ์ในตำนาน
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่จักรพรรดิฟ้าก็ยังแตะไปไม่ถึง
ตอนแรกมู่เฉินก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่เมื่อเขาเทพลังของร่างมหาเทพนิรันดร์ให้กับร่างรองทั้งสอง ทั้งสามคนก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้งแผ่วเบา
มู่เฉินครุ่นคิด แต่ก็ระงับใจไว้ชั่วคราวก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกายของเขามองไปที่เจียงหยาที่กำลังโรมรันพันตูกับการขัดขวางของจอมยุทธ์สิบกว่าคน แต่ช่างดูดุร้ายเหมือนเสือในฝูงแกะ เพียงโบกมือเบาๆ คนอื่นๆ ก็ถูกซัดกระเด็นจนต้องถอยออกไป
แต่ขณะที่เจียงหยากำลังจะเริ่มลงมือสังหารร่างกายก็ต้องแข็งทื่อ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกจ้องมองโดยยมทูต ทำให้เขารู้ว่าตัวเองจะต้องทนทุกข์จากการทำลายล้างหากเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
เขาเงยหน้าขึ้น ม่านตาสีม่วงดำก็มองไปเห็นม่านตาโปร่งใส ดวงตาเขาหดลงทันใดและรู้สึกถึงอันตรายที่เกิดขึ้นในใจ
มู่เฉินซึ่งอยู่ภายใต้สภาวะนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
เมื่อมองไปที่เจียงหยามู่เฉินก็ยิ้มอ่อน ก่อนที่เขาจะวับหายไปในช่วงเวลาต่อมา
เจียงหยาตัวแข็งทื่อก่อนที่จะถอยออกไปโดยไม่ลังเล ในเวลาเดียวกันคลื่นหลิงสีม่วงดำก็กวาดออกก่อตัวเป็นชั้นการป้องกันรอบตัว
วาบ!
ร่างของมู่เฉินปรากฏต่อหน้าเจียงหยา เขามองไปที่การป้องกันอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะกำหมัดชกลงมา
ปัง!
เมื่อหมัดชกลงมา รัศมีโปร่งใสก็รวมตัวกัน ท้องฟ้าพังทลายลงขณะคลื่นหลิงเพิ่มพูนในทิศทางของหมัดมู่เฉิน
หมัดพุ่งลงมาราวกับเป็นดวงอาทิตย์ดวงใหญ่
ปัง ปัง ปัง!
การป้องกันของเจียงหยาพังพินาศลงทันที เขาส่งเสียงร้องโหยหวน หมุนเวียนคลื่นพลังทั้งหมดไปที่แขน ลวดลายน่ากลัวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
ตึง!
ดวงอาทิตย์คล้อยลงปะทะกับแขนปีศาจ
เกลียวแสงนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน มากจนแม้แต่ฉิงเทียนและจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ยังต้องหันไปจับจ้อง
ปัง!
ขณะที่การปะทะยิ่งใหญ่ดังกึกก้อง ท้องฟ้าก็ถล่มลง ทุกคนเห็นดวงอาทิตย์ตกลงมาบดบังรัศมีปีศาจสีม่วงดำ แขนทั้งข้างของเจียงหยาระเบิดออก…
อ๊าก!
เสียงร้องดังสะท้อนก้อง เจียงหยากระเด็นกลับ ร่างกระแทกลงบนภูเขาหลายลูกที่ขวางทาง ภูเขาเหล่านั้นพังทลายลงก่อนที่เจียงหยาจะถูกฝังลงไปในภูเขาห่างไกลซึ่งร่างปกคลุมไปด้วยเลือด ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขาแหลกเหลวไปหมด…
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นกับฉากนี้ โดยเฉพาะหมัวเฮอเทียน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจหวาดหวั่นกับหมัดของมู่เฉินที่ทรงพลังปานนี้
ถ้าเขาไม่ได้ใช้ขวดมหาเพลิงวารี เขาอาจจะถูกฆ่าตายทันทีด้วยหมัดนั่น
“ไอ้หนูนี่…”
หมัวเฮอเทียนมองไปที่ร่างเคลือบแก้วบนท้องฟ้าโดยที่มุมริมฝีปากกระตุกไม่หยุด เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากเขารู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับมู่เฉินที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่มีโอกาสที่เผ่าหมัวเฮอจะได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์คืน…
เพราะชายหนุ่มคนนี้กำลังเข้าใกล้ตำนานแล้ว
ตำนานเทพจอมยุทธ์ที่เคยแข็งแกร่งที่สุดแห่งมหาพันภพ—เทพจักรพรรดินิรันดร์