หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1528 พวกเขามาแล้ว
ขณะที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากกวาดไปทั่วทุกหัวระแหง
ทุกสรรพชีวิตในมหาพันภพก็เงยหน้าขึ้นด้วยความกลัว พวกเขามองไปทางทิศเหนือที่ตั้งของดินแดนวั้นมู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวที่ปกคลุมไปทั่ว
ความรู้สึกนี้ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว
ภายในดินแดนวั้นมู่
เหล่าจอมยุทธ์หน้าซีดเผือดลงเมื่อมองไปที่รัศมีปีศาจ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งอย่างหมัวเฮอเทียนและชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยังอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับความไม่สบายใจ
เทพปีศาจจักรพรรดิเป็นอิสระแล้ว การพยายามปราบปรามอีกครั้งก็ยากราวกับจะขึ้นสวรรค์
สำหรับมหาพันภพนี่เป็นหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเหล่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนเห็นเทพปีศาจจักรพรรดิ พวกเขาก็ถอยออกไปทันทีไม่สนใจพวกฉิงเทียนอีกเลย เหล่านักรบปีศาจจำนวนมากมายืนเบื้องหน้าเทพปีศาจก้มหัวลงด้วยความเคารพต่อจักรพรรดิแห่งตน
“ยินดีต้อนรับการกลับมาของท่านเทพปีศาจ!”
เผชิญหน้ากับเทพปีศาจจักรพรรดิ แม้แต่ประมุขเผ่าต่างๆ ก็แสดงความเคารพโดยไม่มีความเย่อหยิ่งใดๆ ตรงกันข้ามพวกเขามีความกลัวและนับถือในใจ
ที่เบื้องหลัง รัศมีปีศาจแผ่กระจายออกมานับไม่ถ้วน นักรบปีศาจมากมายคุกเข่าพร้อมกับร่างกายสั่นเทา “ยินดีต้อนรับท่านเทพปีศาจ!”
เมื่อเสียงดังก้องออกไป ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็มีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับหัวใจสั่นสะท้าน
ฟิ้ว!
ร่างแสงกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามา พวกเขาคือจักรพรรดิมังกรแท้จริง จักรพรรดิหงส์ฟ้าแท้จริงและประมุขเผ่าสัตว์อสูรสูงสุดอื่นๆ
“ฉิงเทียน พวกเจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมไอ้ปีศาจนั่นถึงเป็นอิสระได้!” เสียงกราดเกรี้ยวของจักรพรรดิมังกรแท้จริงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง ขณะที่มองไปที่ทั้งสามคนอย่างโกรธเกรี้ยว
ฉิงเทียนฉายสีหน้าขมขื่นตอบว่า “ความผิดทั้งหมดเป็นของข้า ถ้าไม่ใช่เพราะเมล็ดพันธุ์หัวใจปีศาจ พวกจักรวรรดิปีศาจต่างมิติก็ไม่มีโอกาสทำลายผนึกได้”
“จักรพรรดิมังกรแท้จริง ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือคิดหาวิธีจัดการกับเทพปีศาจก่อน” ชิงซันส่ายหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ
จักรพรรดิมังกรแท้จริงเงยหน้าขึ้นมองไปที่เผ่าปีศาจจากนั้นก็ยิ้มเฝื่อน “เราจะทำอะไรได้อีก? เจ้าก็รู้ว่าเทพปีศาจนั้นน่ากลัวแค่ไหน! แม้แต่ท่านเทพจักรพรรดินิรันดร์ยังต้องสละชีวิตเพื่อผนึก แล้วตอนนี้มีใครในมหาพันภพจะหยุดมันได้อีก?”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงเช่นนี้ แม้แต่ยอดยุทธ์อย่างพวกเขาก็รู้สึกไร้พลัง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็สู้ตายเท่านั้น” ใบหน้าปู้สื่อกระตุกขณะที่พูดอย่างไม่แยแส
ทุกคนสบตากันพลางถอนหายใจ แต่ในดวงตาฉายแววตัดสินใจมุ่งมั่นแล้ว พวกเขาลิ้มรสความโหดเหี้ยมของเผ่าปีศาจมาแล้ว หากตกอยู่ในเงื้อมมือพวกมัน สิ่งมีชีวิตทุกชนิดก็จะถูกกดขี่และเลี้ยงไว้เป็นสัตว์ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาขอสู้ตายดีกว่า
มองไปที่ด้านนอกมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับความเฉียบคมวูบไหวในดวงตา
ลั่วหลียืนอยู่ข้างๆ มู่เฉิน ดวงหน้าเรียวเล็กก็แสดงความเคร่งขรึม แม้แต่นางก็รู้สึกหวาดกลัวจากสถานการณ์นี้
เมื่อรู้สึกถึงอารมณ์คนรักที่ด้านข้าง มู่เฉินก็จับมือนางเบาๆ “ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน เจ้าจะต้องปลอดภัยตราบเท่าที่ข้ายังมีลมหายใจ”
ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาส่งผ่านมาทำให้เกิดความสงบขึ้น นางกระชับมือมู่เฉินเสียงดังแผ่วเบา “แค่อยู่กับเจ้า ข้าก็ไม่กลัวแม้แต่ความตาย”
เมื่อมองไปที่ลั่วหลี มู่เฉินก็ยิ้มและรู้สึกเชื่อมั่นในหัวใจ
แม้เทพปีศาจจะน่ากลัว ทว่าเพื่อปกป้องคนที่รัก เขาจะกลัวความตายทำไม?
แม้จะต้องเผชิญกับความสิ้นหวัง คนอย่างมู่เฉินก็ไม่เคยกลัว
เหล่าจอมยุทธ์ในดินแดนวั้นมู่ตั้งปณิธานแน่วแน่ เทพปีศาจกวาดมองพรรคพวกที่ก้มหน้าลงพร้อมกับรัศมีปีศาจรุนแรงพลุ่งพล่านอยู่รอบตัว
“เซิ่งหมัว ทำได้ดีมาก”
จอมปีศาจเซิ่งเทียนคุกเข่าลงมองไปที่เทพปีศาจพร้อมกับไฟโชนในดวงตา “ข้าทำตามแผนของท่าน”
เทพปีศาจยิ้มไม่แยแสพลางกวาดสายตาไปรอบๆ “แม้ว่าข้าจะออกจากผนึกได้ แต่พลังก็ลดลงอย่างมาก อาหารของข้าเตรียมไว้หรือยัง?”
จอมปีศาจเซิ่งเทียนยิ้ม “ขุนจนอ้วนพีมานานแล้ว”
เมื่อเขาโบกมือมิติก็ฉีกออกจากกัน ภาพพิภพเขตล่างหลายแห่งก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต
ดวงตาของเทพปีศาจกะพริบด้วยความโหดร้ายขณะที่ยิ้มเย็นชา ด้วยการตวัดนิ้วรัศมีปีศาจหนาแน่นก็พุ่งเข้าสู่พิภพเขตล่าง ล้างผลาญสิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลายเป็นหมอกเลือด…
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องแม้จะมีขอบเขตของระนาบพิภพก็ตาม
ฮา
ขณะที่เทพปีศาจสูดลมหายใจ รัศมีปีศาจก็ถูกดึงกลับมา เลือดกลั่นถูกเขากลืนกินจนหมดสิ้น
เมื่อกินเลือดเข้าไป ร่างกายก็เริ่มขยายขนาดพร้อมกับรัศมีปีศาจน่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมา
ในช่วงไม่กี่สิบลมหายใจร่างปีศาจก็บีบอัดตัวอย่างรวดเร็ว สุดท้ายร่างเงาหนึ่งก้าวออกมาจากรัศมีปีศาจ
ร่างนั้นช่างดึงดูดความสนใจของทุกคน เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวปักรูปดวงดาว เมื่อเสื้อคลุมสะบัดขึ้นลงก็ปลดปล่อยรัศมีไร้ตัวตนออกมา
ภาพลักษณ์ช่างละเอียดอ่อนประหนึ่งหยก ดวงตาคู่ของเขาเป็นสีดำสนิทไม่มีสีขาวแทรกอยู่ ดูเหมือนหลุมดำสองหลุมที่สามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
นอกเหนือจากดวงตาคู่ก็ยังมีดวงตาสามดวงบนหน้าผาก แต่นอกจากดวงตรงกลาง อีกสองดวงก็ยังปิดลงอยู่
เทพปีศาจคนนี้มีลูกตาห้าดวง!
เมื่อมองไปที่เทพปีศาจชั่วร้าย ฉิงเทียนและคนอื่นๆ ก็รู้สึกถึงความผันผวนที่คลุมเครือซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว ชัดว่าหลังจากที่กลืนกินสิ่งมีชีวิตจากพิภพเขตล่างไปหลายแห่ง เทพปีศาจก็ฟื้นฟูพลังได้แล้วบางส่วน
“แม้ว่าข้าจะฟื้นพลังได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว” เทพปีศาจก้มศีรษะลงพลางยิ้มให้กับจอมยุทธ์ของมหาพันภพ ทว่ารอยยิ้มนี้ช่างเต็มไปด้วยความโหดร้าย
ฉิงเทียน ปู้สื่อและจอมยุทธ์ขุมพลังทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายอีกมากมายฉายสีหน้าเคร่งเครียด การรวมตัวของพวกเขาก็น่ากลัวมากแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเทพปีศาจชุดขาว พวกเขากลับรู้สึกถึงไอเยือกเย็นลอยอวลเท่านั้น
“ดินแดนวั้นมู่ผนึกข้ามาสี่หมื่นเก้าพันปีและเต็มไปด้วยเลือดกลั่นของปู้ซิ่ว วันนี้ข้าจะทำลายมันเพื่อส่งสารบอกถึงการกลับมาของตัวเอง” เทพปีศาจกล่าวเสียงเบา
พูดจบดวงตาแนวตั้งก็วูบไหว ทันใดนั้นลำแสงสีดำก็ยิงออกมา
“เนตรผลาญชีวา”
ลำแสงสีดำขยายอย่างรวดเร็ว ดวงตาแนวตั้งที่หลุดออกมาก็ก่อร่างเป็นอุกกาบาตที่เหมือนถูกสร้างขึ้นจากความตาย พร้อมกับรัศมีความตายที่สามารถทำลายทั้งทวีปหากพุ่งลงจอด
เมื่อเห็นอุกกาบาต ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากมัน
พลังนี้สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลย!
“เคลื่อนไหวพร้อมกัน!” ใบหน้าของฉิงเทียนเปลี่ยนไปมาก รีบตะโกน
ไม่ต้องพูดให้มากความ จอมยุทธ์คนอื่นๆ ก็คำราม คลื่นหลิงเร้าพุ่งขึ้นสูง ฉีกฟ้าดินออกจากกัน ขณะที่การโจมตีทรงพลังซัดใส่อุกกาบาตสีดำไม่ยั้ง
ด้วยการออกกระบวนท่าของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายจำนวนมาก พลังก็น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
ตู้ม ตู้ม!
ภายใต้สายตากังวลของทุกคน การโจมตีทั้งหมดก็ปะทะกับอุกกาบาตสีดำ
ปัง!
จังหวะที่ปะทะกันคลื่นกระแทกน่าสะพรึงกลัวก็กวาดออกทำลายทุกสรรพสิ่งในระยะหลายแสนลี้…
ขณะที่มิติพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง ทุกคนก็มองไปที่จุดปะทะด้วยสายตาเคร่งเครียด
เมื่อคลื่นกระแทกค่อยๆ จางลงลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาปรากฏในครรลองสายตาของทุกคน
นั่นคืออุกกาบาตที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีความตาย กระทั่งขนาดก็ไม่ได้หดลง การโจมตีประสานจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ซื้ด!
ทุกคนที่อยู่ในดินแดนวั้นมู่สูดลมหายใจเย็นพร้อมกับสีหน้าซีดขาว
แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายอย่างฉิงเทียนยังตกตะลึงไป พวกเขารู้สึกได้ว่าพลังที่อยู่ภายในนั้นเกินขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนไปแล้ว
“หรือนี่จะเป็นจุดจบของมหาพันภพจริงๆ?” ปู้สื่อพูดด้วยความสิ้นหวังเขียนอยู่ในดวงตา
“ขาตั๊กแตนขวางรถม้า”
เทพปีศาจจักรพรรดิส่ายหัวกับฉากนี้
“ปู้ซิ่วขอให้ศพของแกถูกทำลายไปพร้อมกับสุสานนี้ ไม่ต้องกังวลแกผนึกข้ามาสี่หมื่นเก้าพันปี ดังนั้นข้าจะชำระหนี้นี้ด้วยมหาพันภพ”
ฟิ้ว!
เมื่ออุกกาบาตฉีกผ่านมิติก็มาปรากฏเหนือสุสาน ทำให้ฉิงเทียนและคนอื่นๆ ทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่ยืนมองมันพุ่งเข้ามา
“ทุกคน ปกป้องด้วยชีวิตเถอะ” ฉิงเทียนหลับตามือประสานกันด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว คลื่นหลิงในร่างกายเริ่มระเบิดขึ้น เขาตั้งใจจะระเบิดตัวตายเพื่อตอบโต้การโจมตีจากเทพปีศาจจักรพรรดิ
เหล่าจอมยุทธ์แลกเปลี่ยนสายตากันพลางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ โดยไม่มีคำพูดใดๆ คลื่นหลิงในร่างกายของพวกเขาก็เริ่มจุดชนวน
ทว่าเมื่อพลังงานในร่างกายของทุกคนเร้ามาถึงขีดจำกัด มิติก็ฉีกออกจากกันกะทันหัน คลื่นไร้ขอบเขตกวาดออกมาปกคลุมร่างพวกเขาไว้
ทันใดนั้นคลื่นหลิงที่อาละวาดภายในร่างกายก็ถูกยับยั้ง
ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นความผันผวนคุ้นเคย…
“ความผันผวนนี้…”
ขณะที่มิติฉีกออกจากกัน ร่างเงาสองร่างก็ยืนอหังการเหนือดินแดนวั้นมู่
“เพลิงจักรพรรดิ!”
“ฝ่ามือแปดเทวลิขิต!”
เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นเสียงก็ดังกึกก้องออกมาจากลำคอ
ฟู่!
เพลิงโชติช่วงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นใบมีดกวาดข้ามขอบฟ้าพร้อมกับความร้อนแรงที่สามารถเผาผลาญโลกได้
ฝ่ามือซัดออกไปซึ่งมีพลังงานแตกต่างกันแปดชนิดหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ปะทะกับอุกกาบาตสีดำในเวลาเดียวกันกับใบมีดเพลิง
ตู้ม!
เวลานี้มิติสั่นสะท้านจากคลื่นกระแทกของการโจมตีสามสายและพังทลายลง แต่ครั้งนี้อุกกาบาตสีดำสั่นสะเทือนรุนแรงแล้วระเบิดออกภายใต้สายตาไม่อยากเชื่อของเผ่าปีศาจ…
นักรบปีศาจมองไปที่ดินแดนวั้นมู่ด้วยความตกใจหวาดหวั่น พวกเขาเห็นร่างสองร่างยืนอยู่ในห้วงมิติ เงาทั้งสองยืนเอามือไพล่หลังอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าสามารถพยุงท้องฟ้าทั้งหมดไม่ให้ร่วงลงมา
เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ฝั่งมหาพันภพเห็นภาพเงาทั้งสองก็ตัวสั่นเทา “นั่นคือ…เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม!”
“ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่นี่แล้ว!!”