หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1534 เทพปีศาจเก้าเนตร
“เทพปีศาจเก้าเนตร!”
เสียงของเทพปีศาจจักรพรรดิดังก้องไปทั่วดินแดนวั้นมู่ในความเงียบงัน เหล่าจอมยุทธ์สวมสีหน้าขาวซีด รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง
เทพปีศาจห้าเนตรก็ทรงพลังมากอยู่แล้ว…และถ้าเขามีเก้าเนตรที่จุดสูงสุดจะน่ากลัวขนาดไหน?
เซียวเหยียนและหลินต้งหดตาลงทันใด ใบหน้าพวกเขาเย็นชาลง สายตาจ้องมองไปที่เทพปีศาจพยายามตรวจสอบว่าอีกฝ่ายพูดความจริงหรือไม่
“ทำไม? ไม่เชื่อเหรอ?”
เมื่อเห็นแววตาของเซียวเหยียนและหลินต้ง เทพปีศาจก็ยิ้มพร้อมกับร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน เสื้อผ้าท่อนบนกระจุยเป็นฝุ่นผง เผยให้เห็นรูปร่างแข็งแกร่ง ขณะที่หน้าอกของเขาสั่น ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดวงตาปิดอยู่บนหน้าอกนั่น
นอกจากนี้ยังมีดวงตาเผยขึ้นที่หน้าท้องอีกด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อเขาแบมือออกก็มองเห็นดวงตาที่ฝ่ามือแต่ละข้าง
แม้ว่าดวงตาทั้งสี่นี้จะยังปิดอยู่ แต่ความผันผวนน่ากลัวที่แทรกซึมออกมาก็ทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน
ทุกคนมีความไม่เชื่อเขียนบนใบหน้าขณะมองไปดวงตาทั้งสี่ดวง
ในความเงียบงันสรรพเสียงหายไปภายใต้ดวงตาเก้าดวง แรงกดดันที่น่าเหลือเชื่อค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา ลึกซึ้งไม่อาจหยั่งรู้ได้ราวกับขุมนรก
“หรือว่ามหาพันภพ…จะถึงคราวอวสานจริงๆ…” เสียงเหล่าจอมยุทธ์ดังก้องในความสิ้นหวัง เมื่อเผชิญกับเทพปีศาจเก้าเนตร พวกเขาไม่มีกระทั่งความกล้าที่จะต่อต้าน
เทพปีศาจมองไปที่ความสิ้นหวังที่ปกคลุมดินแดนวั้นมู่ จากนั้นก็เบนดวงตาไปที่เซียวเหยียนและหลินต้งพลางคลี่ยิ้ม “ถ้าพวกเจ้าฉลาดก็จงสวามิภักดิ์ต่อจักรวรรดิปีศาจของข้าซะ ข้ารับประกันความปลอดภัยของครอบครัวเจ้าและจะให้พวกเจ้าปกครองมหาพันภพ”
ความรังเกียจเพิ่มขึ้นบนริมฝีปากของเซียวเหยียน “อย่างแกนะเหรอคิดจะเก็บพวกข้าสองคนไว้? แกถึงคราวตายแน่ทันทีที่พวกข้าสลักชื่อเต็มไว้ในทำเนียบเหนือภพได้”
รอยยิ้มของเทพปีศาจหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนที่จะพยักหน้าพลางถอนหายใจ “ก็จริงพวกเจ้าสองคนคุกคามเกินไป… ดังนั้นข้าควรกำจัดทิ้งซะ”
หลินต้งมองไปที่เทพปีศาจพูดเสียงเย็นชา “ตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถใช้เก้าเนตรได้!”
แม้ว่าดวงตาอีกสี่ดวงจะเปล่งความผันผวนที่น่ากลัว แต่หลินต้งก็สัมผัสได้อย่างคลุมเครือว่าเทพปีศาจยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้
มิฉะนั้นมันคงไม่ยืนพล่ามในเมื่อสามารถจัดการพวกเขาได้
เทพปีศาจหรี่ตาลงพร้อมกับคลี่ยิ้ม “ประสาทสัมผัสเฉียบมาก… อันที่จริงข้ายังไม่สามารถเปิดตาได้ทั้งหมด เพราะยังไงข้าก็เพิ่งหลุดออกจากผนึก ซึ่งข้าจะต้องใช้พลังงานมหาศาลเพื่อฟื้นฟูดวงตาทั้งเก้า ตามการประมาณก็คงต้องใช้เวลาประมาณห้าปี”
“ดังนั้นพวกเจ้าจงดีใจที่ยังมีเวลาเหลือหายใจอีกห้าปี”
เทพปีศาจจักรพรรดิยิ้มร่าขณะที่ดวงตาวับวาวด้วยความโหดร้าย
“ห้าปีนับจากนี้ ข้าจะเคลื่อนทัพมาอีกครั้ง ถึงเวลานั้นมหาพันภพจะอยู่ใต้ฝ่าเท้าข้า ทุกคนจะต้องกลายเป็นทาส”
ผู้คนในดินแดนวั้นมู่ใบหน้าไร้สีกันไปหมด ห้าปีเป็นเวลาเพียงพริบตาสำหรับพวกเขา กระทั่งความสามารถของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าสิบปีในการจารึกชื่อเต็มไว้บนทำเนียบเหนือภพ ซึ่งไกลเกินกว่าห้าปีถึงสิบเท่า
ดังนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในช่วงห้าปีนี้ เมื่อใดที่เทพปีศาจจักรพรรดิกลับมาก็จะเป็นวันโลกาวินาศของมหาพันภพแท้จริง
เซียวเหยียนและหลินต้งขมวดคิ้ววูบหนึ่งก่อนที่ไอสังหารจะระเบิดออกมาจากดวงตา พวกเขามองไปที่เทพปีศาจพูดเสียงเย็นชา “งั้นแบบนี้พวกข้าก็ไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายในราคาเท่าใดก็ตาม”
ในเมื่อเทพปีศาจต้องใช้เวลาห้าปีในการฟื้นตัว พวกเขาก็ฝังมันอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร์ตั้งแต่ตอนนี้เลย!
“คิดจะฝังข้าเหรอ? พวกเจ้ายังไม่ความสามารถทำเช่นนั้นได้หรอก” เทพปีศาจตอกกลับ ในเมื่อเขาเลือกเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เขาก็ไม่คิดกลัวเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามที่พยายามจะหยุดเขาไว้
“งั้นพวกข้าสองคนก็ขอลองดู!” ไอเยือกเย็นพล่านในนัยน์ตาของเซียวเหยียนและหลินต้ง
ฮึ่ม!
หลินต้งเคลื่อนไหวออกมาเป็นคนแรก อักขระโบราณแปดตัวควบแน่นในมือก่อนจะรวมกันเป็นบาตรโบราณที่มีองค์ประกอบทั้งแปดไหลอยู่ภายใน
“บาตรแก้วแปดเทวลิขิต!”
หลินต้งส่งเสียงคำราม บาตรแก้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นกรอบคลุมขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างเทพปีศาจเอาไว้
บาตรแก้วนี้มีทั้งพลังป้องกันและโจมตี ถ้าถูกขังไว้ภายในก็จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อเทพปีศาจแน่
“บ่วงเพลิงจักรพรรดิมัดปีศาจ!”
เซียวเหยียนขยี้มือเข้าด้วยกันก่อร่างเป็นบ่วงเพลิงโชติช่วง หากวัตถุนี้มัดเข้ากับเป้าหมายละก็ แม้แต่เทพปีศาจก็ต้องทนทุกข์ทรมาน
ในเวลานี้ทั้งเซียวเหยียนและหลินต้งไม่กล้าประมาทศัตรูอีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รั้งรอที่จะโจมตี
มองไปที่การโจมตีสองสายที่พุ่งเข้ามาในทิศทางของตน เทพปีศาจก็หรี่ตาลง เขารู้ว่าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะบ้าคลั่งเหมือนเทพจักรพรรดินิรันดร์ที่ยอมสละชีวิตเพื่อต่อสู้กับเขาหรือไม่
เทพปีศาจกัดนิ้วตนเอง เลือดสีดำไหลลงมา เขาเช็ดดวงตาที่ปิดอยู่บนหน้าอกวาดยันต์ไว้
เมื่อรัศมีสีดำเบ่งบาน ดวงตาดวงที่หกก็เริ่มปรือออก…
แม้ว่าจะเปิดเพียงเล็กน้อย แต่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากภายในร่างเทพปีศาจก็พุ่งสูงขึ้น ในช่วงเวลาถัดมาเขาก็ประสานมือพร้อมกับเสียงหอนของปีศาจ
“แสงปีศาจแยกขอบเขต!”
ลำแสงปีศาจสีดำมะเมื่อมยิงออกมาจากศีรษะเทพปีศาจขยายออกไป มันมีขนาดไร้ขอบเขตเมื่อพาดผ่านก็แยกโลกออกเป็นสองส่วน
ด้านหนึ่งคือดินแดนวั้นมู่ อีกด้านหนึ่งคือกองทัพจักรวรรดิปีศาจ
ขณะที่บาตรแก้วและบ่วงเพลิงพุ่งเข้าไปก็ต้องหยุดอยู่ที่ขอบเขตไม่สามารถเข้าไปได้ ราวกับถูกต้านไว้อยู่ด้านนอก
ดวงตาที่อยู่ที่หน้าอกของเทพปีศาจปิดลง รัศมีปีศาจที่พลุ่งพล่านก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่าเขาจ่ายราคาไปมากกับการเปิดดวงตาที่หกผ่านทางทักษะลับ
ยามนี้เทพปีศาจอ่อนแอลงอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิ แต่เซียวเหยียนและหลินต้งก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากแสงปีศาจแยกโลกออกเป็นสองส่วน แม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้
“เพียงแค่เปิดเนตรที่หก พลังของมันก็น่ากลัวมากแล้ว ถ้ามันฟื้นคืนเนตรทั้งเก้าจะน่ากลัวขนาดไหน?” เซียวเหยียนและหลินต้งแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาสามารถมองเห็นความกังวลและครั่นคร้ามในดวงตาของกันและกัน
เทพปีศาจมองไปที่ทั้งสองพลางพูดอย่างไม่แยแส “ข้าจะตอบแทนสิ่งที่พวกเจ้าทำในวันนี้อีกห้าปี ถึงเวลานั้นมหาพันภพจะถูกปกคลุมไปด้วยเลือด ทุกสรรพชีวิตจะถูกทำลายล้าง”
เขาโบกมือเสียงเยือกเย็นดังก้องในโสตประสาทของเหล่าปีศาจ “ถอยทัพ!”
พร้อมกับคำสั่ง รัศมีปีศาจรุนแรงพุ่งสูงขึ้นขณะที่นักรบเผ่าปีศาจพุ่งเข้าไปในรอยแยกของมิติ…
เทพปีศาจจักรพรรดิและจอมปีศาจเซิ่งเทียนอยู่รั้งเป็นคนสุดท้าย สายตามองไปที่เหล่าจอมยุทธ์ที่ไร้ประโยชน์ของมหาพันภพด้วยอาการเยาะเย้ย
ในช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป เหล่าปีศาจต่างมิติก็หายไปพร้อมกับรัศมีปีศาจรุนแรง
มองกองทัพที่ล่าถอยไปแล้ว จอมปีศาจเซิ่งเทียนก็เข้าไปในรอยแยกมิติ เหลือเพียงเทพปีศาจจักรพรรดิยืนนิ่งอยู่คนเดียว เขาเหลือบเซียวเหยียนกับหลินต้ง
“สนุกกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตซะ นี่ถือเป็นความเมตตาครั้งสุดท้ายจากข้าที่มีต่อมหาพันภพ”
รอยยิ้มอ่อนคลี่บนใบหน้า ฝ่าเท้าก็ก้าวเข้าไปในรอยแยกมิติ จากนั้นก็โบกมือปิดรอยแยกที่ด้านหลัง
พร้อมกับการจากไปของเทพปีศาจ ขอบเขตที่แยกพื้นที่จากกันก็จางหายไป บาตรแก้วและบ่วงเพลิงไม่สามารถคว้าจับอะไรไว้ได้…
มองไปยังมิติที่ว่างเปล่า เซียวเหยียนและหลินต้งก็ฉายสีหน้าถมึงทึง เทพปีศาจจักรพรรดิอันตรายแท้จริง!
เมื่อแลกเปลี่ยนสายตากัน ก็เห็นท่าทางช่วยไม่ได้ในสายตาของกันและกัน ศึกครั้งนี้พวกเขาทำดีที่สุดแล้ว แต่พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเทพปีศาจจะยากแท้หยั่งถึงขนาดนี้…
พวกเขาพลิ้วตัวลงมาสู่ดินแดนวั้นมู่
ฉิงเทียนและจอมยุทธ์คนอื่นๆ มีสีหน้าซีดขาว ดวงตาวูบไหวด้วยความวิตกกังวล
“เทพจักรพรรดิอัคคี เทพจักรพรรดิสงคราม… เราจะทำยังไงดี?”
เซียวเหยียนและหลินต้งแลกเปลี่ยนสายตากันก็พากันถอนหายใจก่อนจะกล่าวว่า “เปิดประชุมเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน เราจะรวบรวมความคิดเข้าด้วยกันและหาทางออกสำหรับห้าปีนับจากนี้…”