หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1541 สงครามใกล้เข้ามา
เกือบสี่ปี
หลังจากการเดินทางของกองทัพสมาพันธ์มหาพันภพ เวลานี้เหล่าจอมยุทธ์ผู้กล้ากลับคืนสู่ถิ่นฐาน พวกเขาไม่ได้ปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นแต่กระจายข่าวตามความเป็นจริงไปทุกหัวระแหง
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถทำให้เผ่าปีศาจอ่อนแอลงได้หลายส่วน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถป้องกันการฟื้นตัวของเทพปีศาจจักรพรรดิได้ อีกไม่นานจักรวรรดิปีศาจจะเปิดสงครามเมื่อเทพปีศาจก้าวเข้าสู่จุดสูงสุด
ข่าวนี้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างไม่ต้องสงสัยในมหาพันภพ ทุกคนตกอยู่ในอาการหวาดกลัว เนื่องจากความกลัวที่มาจากเทพปีศาจจักรพรรดิเหนือล้ำเกินไป
เพื่อปลอมประโลมทุกคน เซียวเหยียนและหลินต้งประจำการร่วมกับกองทัพสมาพันธ์มหาพันภพที่ชายแดนระหว่างสองมิติเพื่อสร้างแนวป้องกันการรุกรานของจักรวรรดิปีศาจ
ภายใต้การพิทักษ์นี้ครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แม้จะมีความไม่สบายใจ แต่จอมยุทธ์ทุกคนก็ไม่สูญเสียการควบคุมภายใต้การนำเทพจักรพรรดิทั้งสอง กลับกันยังเกิดความโกรธเกรี้ยวที่ก่อตัวจากความไม่สบายใจใส่เผ่าปีศาจ
ในเมื่อพวกมันต้องการทำลายล้างมหาพันภพ อย่างน้อยพวกเขาก็จะลากพวกเผ่าปีศาจตายตามไปให้ได้!
ภายใต้ความคลั่งแค้นนี้จำนวนจอมยุทธ์ที่เกิดพัฒนาการก็เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม พวกเขาปล่อยวางปัญหาในจิตใจ เริ่มสร้างความก้าวหน้าเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน
แม้ว่าจะมีผู้ล้มเหลวแต่ก็มีผู้ที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นขุมกำลังทั้งหมดของมหาพันภพจึงทะยานขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้บรรยากาศนี้มหาพันภพไม่ได้ตกอยู่ในความไม่สบายใจอีกต่อไป มีแม้กระทั่งบางคนทนรอไม่ไหว หวังให้จักรวรรดิปีศาจปรากฏตัวด้วยซ้ำ เพราะแทนที่จะรอความตาย สู้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีซะจะดีกว่า
ครึ่งปีผ่านไปภายใต้การรอคอยนี้
ชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาพันภพ
ร่างเงาห้าร่างปรากฏขึ้นบนเทือกเขาสายตากวาดมองไปรอบๆ
นี่คือกองลาดตระเวนเล็กที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสี่คนและขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มหนึ่งคน ซึ่งหน้าที่ของพวกเขาก็คือตรวจตราพื้นที่แห่งนี้
“หัวหน้า เราเฝ้าระวังที่นี่มาประมาณสองเดือนแล้ว” จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นคนหนึ่งยืดเอวขึ้นพลางมองเข้าไปในระยะไกล ไม่มีความผิดปกติแม้แต่น้อยซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่าย
“เบื่อความสงบเรอะ?” จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มมองไปตอบว่า “ไม่ต้องกังวล ความสงบสุขนี้จะคงอยู่อีกไม่นาน ต่อไปเจ้าจะโหยหาความสงบนี้เอง”
ทันทีที่จักรวรรดิปีศาจปรากฏขึ้น ก็จะเป็นชนวนพายุเลือดที่ทั้งมหาพันภพจะถูกกวาดล้าง
สมาชิกคนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในความเงียบพร้อมกับท่าทางเคร่งเครียด ถ้าในหลายปีก่อนพวกเขาสามารถเป็นผู้นำในทวีปของมหาพันภพได้เลย แต่ในขณะนี้พวกเขาต้องรวมตัวสร้างกลุ่มเพื่อป้องกันแนวหน้าของมหาพันภพไว้เท่านั้น
พวกเขารู้ดีว่านี่เป็นความรับผิดชอบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิฉะนั้นมหาพันภพจะถึงกัลปาวสาน ทั้งสหายและครอบครัวจะถูกฆ่าจนหมดสิ้น
“หัวหน้า เจ้าคิดว่าเราจะสามารถเอาชนะจักรวรรดิปีศาจได้ไหม? ข้าได้ยินมาว่าไอ้เทพปีศาจกำลังจะเข้าสู่จุดสูงสุดในครั้งต่อไปที่มันปรากฏตัว” สมาชิกกลุ่มคนหนึ่งถามขึ้น
หลังจากเงียบไปชั่วครู่คนเป็นหัวหน้าก็ตอบว่า “ตามข่าวที่ข้าทราบมากระทั่งเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็ต่อกรกับเทพปีศาจจักรพรรดิไม่ได้ หากมันเข้าสู่สถานะสุดยอด”
สมาชิกทั้งสี่ตัวสั่นเทา สีหน้าดูเคร่งขรึมลง เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามได้รับการยอมรับให้เป็นจอมทัพสมาพันธ์มหาพันภพขณะนี้และก็เป็นทั้งสองคนที่สร้างความมั่นใจในการต่อสู้กับเผ่าปีศาจให้กับพวกเขา
แต่ตอนนี้กระทั่งหัวหน้ายังบอกว่าเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามไม่สามารถต่อกรกับเทพปีศาจจักรพรรดิได้?
เมื่อมองไปที่ท่าทางของทุกคน คนเป็นหัวหน้าก็ยิ้ม “อย่าสิ้นหวัง ข้ารู้ว่ามีจอมยุทธ์ในมหาพันภพที่กำลังพยายามทุ่มสุดกำลัง หากเขาทำสำเร็จมหาพันภพก็จะมีสามเทพจอมยุทธ์ที่ก้าวเกินขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ ในเวลานั้นเราก็อาจสามารถต่อสู้กับเทพปีศาจได้”
ทั้งสี่คนร้องเสียงหลงขณะถาม “ใครกัน? ท่านฉิงเทียน? หรือว่าท่านชิงซัน? หรือจะเป็นหนึ่งในจักรพรรดิมหาเทพอสูร?”
คนเป็นหัวหน้าส่ายหัวขณะที่ตอบอย่างลึกลับว่า “ข้าได้ยินมาว่าจอมยุทธ์คนนั้นมาจากตำหนักมู่”
“ตำหนักมู่? หรือจะเป็นประมุขมู่? ราชันมู่?!” ทั้งสี่คนร้องอุทานด้วยความไม่เชื่อ ท้ายที่สุดไม่มีข่าวใดๆ จากมู่เฉินตลอดหลายปี ข่าวสุดท้ายที่พวกเขารู้ก็คือการต่อสู้ของมู่เฉินกับหมัวเฮอเทียน
ในเวลานั้นมู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเท่านั้น ต่อให้มีความสามารถในการต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แต่ก็ยังมีระยะห่างจากจอมยุทธ์อย่างฉิงเทียนอยู่
ดังนั้นทั้งสี่จึงรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลยว่ามู่เฉินจะเป็นคนที่กำลังพยายามเข้าสู่ทำเนียบเหนือภพเป็นคนที่สาม
“เรื่องนี้ได้รับการยอมรับจากท่านเทพจักรพรรดิทั้งสองที่เห็นพ้องต้องกัน ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไรต่อไป ในแง่ของมุมมองเราไม่สามารถเทียบเคียงกับท่านเทพจักรพรรดิทั้งสองได้ใช่ไหมล่ะ?” หัวหน้ายิ้ม
ทั้งสี่ยิ้มเขินขณะที่โล่งใจไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิทั้งสองมาถึงจุดสุดยอดแล้ว ถ้าไม่ใช่พวกเขามหาพันภพก็คงโกลาหลไปนานแล้วก่อนที่จะถูกจักรวรรดิปีศาจโจมตีซะอีก
เมื่อหัวหน้าพูดจบก็ไม่ใส่ใจทั้งสี่คนอีกต่อไป เขายืนขึ้นเตรียมสำรวจไปรอบๆ ต่อ
“หืม?”
ทันใดนั้นท่าทางเขาก็เปลี่ยนไปพลางเงยหน้าขึ้น เกิดสีหน้ารุนแรงเมื่อเห็นอุกกาบาตสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับแสงทำลายล้าง
รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากบีบกดลงมา
“ตู้ม!”
เมื่ออุกกาบาตเหล่านั้นตกลงมา ผลกระทบก็ทำให้เทือกเขาพังทลาย
“ถอย!” หัวหน้าอุทานขณะที่ร้องตะโกน “เผ่าปีศาจปรากฏตัวแล้ว!”
ทั้งกลุ่มตื่นตะลึงก่อนร่างจะเปลี่ยนเป็นลำแสงทะยานออกไปทันที พวกเขาจะต้องแจ้งข่าวนี้ออกไปให้เร็วที่สุด
“คิกๆ จะไปไหนกัน?”
ทว่าเมื่อพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวเสียงน่าขนลุกก็ดังก้องกรงเล็บปีศาจปรากฏขึ้นคว้าเข้าที่ร่างสมาชิกทั้งสี่
ปัง!
ทั้งสี่ไม่สามารถตอบโต้ได้ด้วยซ้ำ ร่างฉีกขาดอยู่ในกรงเล็บ
เมื่อคนเป็นหัวหน้าเห็นฉากนี้ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความโกรธรุนแรง ทว่าเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังจากคนที่โจมตีเข้ามาว่าจะต้องเป็นนักรบราชันปีศาจแน่นอน ดังนั้นเขาไม่กล้าที่จะอยู่ ทิ้งภาพมายาไว้ข้างขณะทะยานหลบหนี
ทว่าไม่ช้าเขาก็ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากมีปีศาจมาปรากฏตัวต่อหน้าพร้อมกับสายตาโหดร้ายจ้องมองมา
“คิดว่าจะหนีได้เหรอ?” ปีศาจหัวเราะเสียงแหลม
ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มซีดขาว นี่คือนักรบราชันปีศาจแน่แท้แล้ว เขารู้ว่าวันนี้ไม่มีทางหนีได้ ดังนั้นจึงหายใจเข้าลึก ท่าทางเริ่มสงบลงพร้อมกับความเด็ดขาดในสายตา
“ขอสวรรค์จงคุ้มครองมหาพันภพ!”
เขาแผดเสียงลั่นขณะร่างพุ่งออกไปหาปีศาจ
“ความพยายามที่ไร้ค่า” นักรบราชันปีศาจหัวเราะเยาะขณะที่ยื่นมือออกมากำเป็นหมัดแน่น
ตู้ม!
แต่ทันใดนั้นลวดลายวิญญาณก็ปรากฏขึ้นบนร่างหัวหน้าคนนั้นพร้อมกับคลื่นหลิงระเบิดรุนแรง
เมื่อรู้สึกถึงสิ่งนี้ใบหน้าของนักรบราชันปีศาจก็เปลี่ยนไป
ตู้ม ตู้ม!
ร่างของหัวหน้ากลุ่มลาดตระเวนระเบิดออก คล้ายกับดวงอาทิตย์ส่องแสง ความผันผวนคลื่นหลิงรุนแรงสร้างความหายนะ
พักใหญ่เมื่อมวลระเบิดลดลงร่างปีศาจก็ถูกเปิดเผย เขาอยู่ในสภาพย่ำแย่ยามนี้พร้อมกับสีหน้าเขียวคล้ำ เขาไม่คิดว่ามนุษย์คนนี้จะเลือกระเบิดตนเองอย่างเด็ดขาด
“หึ เจ้านี่เยี่ยมดีจริงๆ ตอนแรกกะจะจับทรมาน ตายไปแบบนี้ถือเป็นเรื่องดี”
นักรบราชันปีศาจส่งเสียงขึ้นจมูกขณะโบกมือและหายตัวไป
ในเวลาเดียวกันแสงปีศาจนับไม่ถ้วนก็วูบไหว เหล่านักรบปีศาจพุ่งข้ามขอบฟ้า
ในเมืองยิ่งใหญ่ที่ชายแดนมหาพันภพ
รัศมีแสงเปล่งประกายออกมาเป็นล้านลี้ไมล์ ทำให้ทุกคนถูกครอบคลุมไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย
ในเวลาเดียวกันหลินต้งและเซียวเหยียนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับแววตาเย็นเยือก นั่นเป็นเพราะขณะนี้พวกเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงที่แปลกประหลาดซึ่งเกิดจากการทำลายตัวเอง
เห็นได้ชัดว่ามีกลุ่มลาดตระเวนพบปัญหา
“ในที่สุดพวกมันก็มาแล้วเรอะ…”
พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันจากนั้นก็โบกมือ ระฆังยิ่งใหญ่แกว่งไกวดังก้อง เสียงอันเกรียงไกรกระจายไปทั่วทุกมุมโลก
เสียงระฆังเก้าครั้งแสดงถึงระดับอันตรายสูงสุด
ทุกคนในมหาพันภพเมื่อได้ยินเสียงระฆังก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางของชายแดน พวกเขารู้ว่าจักรวรรดิปีศาจต่างมิติเปิดศึกแล้ว….