หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1549 ดีดนิ้วสังหารปีศาจ
มู่เฉินย่างเท้าออกไป
พริบตาก็ไปปรากฏที่เบื้องหน้าร่างอสูรปีศาจด้วยสีหน้าสงบนิ่งพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยโค้งขึ้นที่มุมปาก
“แกนี่รนหาที่ตาย ครั้งก่อนข้าสามารถทำให้แกต้องหนีหางจุกตูดได้ ครั้งนี้ข้าก็บดขยี้แกได้!” จอมปีศาจเฮยซือเทียนสังเกตเห็นร่องรอยเยาะเย้ยบนมุมปากมู่เฉินก็คำรามด้วยไอสังหารเข้มข้นทำให้พื้นดินโยกคลอนไปหมด
ยามนี้จอมปีศาจเฮยซือเทียนกำลังคลุ้มคลั่งที่ถูกมดในสายตาของเขาเมื่อก่อนมองเหยียด นี่เป็นการดูถูกอย่างที่สุด
ตู้ม!
ขณะที่รัศมีปีศาจไร้ขอบเขตพวยพุ่งขึ้น ร่างอสูรปีศาจที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าก็เปล่งแสงเย็นเยือกออกจากดวงตา ก่อนที่มือจะประสานเข้าด้วยกันวาดตราประทับที่แปลกประหลาด ทันใดนั้นรัศมีปีศาจก็รวมตัวกันก่อร่างเป็นอักขระที่น่ากลัวนับไม่ถ้วนที่เอิบอาบไปด้วยพลังที่สามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดาหวาดผวาได้
“ตราประทับศพปีศาจสวรรค์!”
เสียงเคร่งเครียดดังก้อง หมัดของร่างอสูรปีศาจก็เหวี่ยงออกไป
อ๊ากๆๆๆๆๆ!
เมื่อหมัดทะยานออกมาก็กลายเป็นร่างศพร้องโหยหวนนับไม่ถ้วนซึบซาบด้วยคลื่นความเย็นยะเยือก ปกคลุมพื้นดินเป็นชั้นน้ำแข็ง
ความมีชีวิตชีวาถูกลบออกไปภายใต้ความเย็นเยือกสุดขั้ว
หมัดดูราวกับตราประทับของของมัจจุราช ตัดความเป็นตายออกจากกัน
ภายในสำนักศึกษาทุกคนขนลุกซู่ ขณะมองตราประทับปีศาจที่กวาดลงมาด้วยความกลัวใหญ่หลวงในใจ สิ่งนี้ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายสูญเสียการควบคุมไป ร่างกายของแต่ละคนที่สูญเสียการควบคุมก็สั่นสะท้านทันที
หากหมัดนั้นบดขยี้ลงมา พื้นที่รัศมีล้านลี้ก็คงต้องราบเป็นหน้ากลอง ลบล้างทุกสรรพชีวิตในใต้หล้านี้
“นี่เหรอ พลังของจอมปีศาจเฮยซือเทียน…” เป่ยหมิงฉายสีหน้าซีดขาวและขมขื่น เผชิญหน้ากับพลังระดับนี้เขารู้ว่าแม้จะอยู่ในระดับเทียนจื้อจุน แต่ตัวเขาก็เป็นเพียงมดที่ตัวใหญ่ขึ้นหน่อยเท่านั้น
ไม่รู้ว่ามู่เฉินจะรับการโจมตีดุร้ายจากจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้หรือไม่
เมื่อมองไปที่หมัดนี้ มู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีความตายที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งทำให้ประหลาดใจอยู่หลายส่วน หมัดนี้น่าจะเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเฮยซือเทียนแล้ว เผชิญหน้ากับหมัดนี้กระทั่งจอมยุทธ์อย่างฉิงเทียนก็ยังต้องเลือกที่จะหลบเลี่ยง
ถ้าเป็นเมื่อห้าปีก่อนเขาคงจะหลบหนีไปแน่แล้ว…
แต่น่าเสียดายที่เวลาผ่านมาห้าปีแล้ว
มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า ตราประทับปีศาจขยายขนาดออกไปอย่างรวดเร็วในดวงตาเขา รัศมีปีศาจพัดปกคลุมไปทั่ว ทว่าถึงจะอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถขยับเขยื้อนเสื้อผ้าของเขาได้ ไม่กี่ลมหายใจต่อมาขณะที่ตราประทับกำลังจะสัมผัสตัว ภายใต้สายตาของทุกคน เขาก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นเหยียดนิ้วออกไปก่อนจะแตะเบาๆ ไปที่ตราประทับปีศาจ
ทั้งสองฝั่งช่างมีขนาดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตราประทับปีศาจช่างใหญ่โตมโหฬาร ขณะที่มู่เฉินมีขนาดเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกัน นิ้วที่ยื่นออกมาก็ยิ่งราวกับเส้นขนเส้นหนึ่ง…
จากนั้นสองกระบวนท่าก็ปะทะกัน
จังหวะที่ปะทะกัน ผู้คนก็ต่างส่งเสียงคราง เพราะร่างมู่เฉินช่างราวกับตั๊กแตนที่ยืนขวางหน้าล้อรถ…
“ตายซะ!”
จอมปีศาจเฮยซือเทียนคำรามลั่นขณะที่หมัดปีศาจระเบิดออกพร้อมกับรัศมี ด้วยพลังที่น่าสะพรึงก็จะทำลายมู่เฉินที่ขัดขวางอยู่ตรงหน้าให้สิ้นซากในพริบตา
เมื่อพลังน่ากลัวหลั่งไหลออกมา ศพนับล้านก็กวาดเข้ามา
ฉากเบื้องหน้าสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาของมู่เฉิน รอยยิ้มอ่อนยกขึ้น เขาค่อยๆ เหยียดนิ้วออกแล้วดีดเข้าที่หมัดตราประทับปีศาจเบาๆ
เคร้ง!
เมื่อมู่เฉินดีดนิ้ว เสียงดังกึกก้องและระลอกคลื่นที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็กระจายออกไป
พลังงานที่ไม่สามารถพรรณนาได้บีบกดลงมาในขณะนี้ ห่อหุ้มปลายนิ้วมือของมู่เฉินไว้
ทั่วบริเวณเงียบงันภายใต้พลังอำนาจนี้ มากจนกระทั่งคลื่นหลิงในฟ้าดินยังแสดงสัญญาณโค้งคารวะ ราวกับว่าเป็นบริวารแห่งจักรพรรดิ
เวลานี้กระทั่งลั่วหลี เซียวเซียวและหลินจิ้งยังเบิกตาโตกว้าง พวกนางมองไปที่ร่างเงาของมู่เฉินด้วยความตกตะลึง นั่นเป็นเพราะขณะนี้แรงกดดันลึกลับที่ปลดปล่อยออกมาจากเขาทำให้คลื่นหลิงในร่างกายของพวกนางสงบลง มากจนพวกนางรู้สึกกดดันด้วยความอยากที่จะหมอบตัวลงไปในทิศทางของมู่เฉิน
กึก กึก!
แม้ว่าพวกนางจะพอต้านไว้ได้ แต่เหล่าศิษย์ในสำนักศึกษาทำไม่ได้ ดังนั้นแต่ละคนเข่าถึงกับทรุดลงพร้อมกับความหวาดผวาฉายบนใบหน้า
พร้อมกับที่นิ้วมือมู่เฉินดีดออกไป ซากศพนับล้านก็แข็งตัว ไม่มีริ้วอารมณ์ใดบนใบหน้าของมู่เฉินขณะมองไปที่ร่างอสูรปีศาจใหญ่โตมโหฬารเบื้องหน้า
ตราประทับปีศาจที่น่ากลัวแข็งค้าง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเขาก็เคาะนิ้วอีกครั้ง
ฮึ่ม!
ระลอกคลื่นแผ่วงออกมา
คลื่นนี้ทำให้เกิดสายลมฉ่ำพัดไปทั่วฟ้าดิน เปลี่ยนซากศพกลายเป็นควันสีฟ้าอมเขียวสลายหายไป
ใบหน้าของจอมปีศาจเฮยซือเทียนเขียนความตกใจหวาดผวาขีดสุดพร้อมกับความกลัววูบไหวดวงตา ในเวลาเดียวกันเสียงร้องแหลมก็ดังก้องขึ้น
“พลังงานนี้…พลังเอกภพ?!”
“เป็นไปได้ยังไง?! เป็นไปไม่ได้! พลังเอกภพจะถูกใช้โดยผู้ที่สามารถกระตุ้นทำเนียบเหนือภพได้เท่านั้น แล้วแกจะทำได้ยังไง?!”
เมื่อมองไปที่จอมปีศาจเฮยซือเทียนที่มีความกลัวอยู่บนใบหน้า มู่เฉินก็สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่แยแส
“ข้าบอกแกแล้วว่าตอนนี้ควรคิดวิธีรักษาชีวิตตัวเองไว้…แต่แกดันคิดพลาด”
แกร็ก แกร็ก!
เมื่อภาพซากศพสลายไป รอยแตกก็ปรากฏขึ้นบนกำปั้นแล้วกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
อ๊าก!
จอมปีศาจเฮยซือเทียนส่งเสียงร้องโหยหวน เขารู้สึกได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่บุกรุกเข้ามา ในทางผ่านรัศมีปีศาจในร่างกายเขาก็เริ่มสลายลง
นั่นคือพลังของมหาพันภพเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต้านทานได้
“ให้ตายเถอะ ที่แท้แกเป็นจอมยุทธ์บนทำเนียบคนที่สามของมหาพันภพ! ข้าต้องรายงานเรื่องนี้กับท่านเทพ!” จอมปีศาจเฮยซือเทียนคำราม ร่างอสูรปีศาจขนาดใหญ่ก็ระเบิดออกทันที เมื่อรัศมีปีศาจน่ากลัวแผ่ออกไปก็ครอบลงไปในทิศทางของทวีปเป่ยชาง ชัดเจนว่าตั้งใจจะทำลายทั้งทวีป
มู่เฉินมองดูการต่อต้านของจอมปีศาจเฮยซือเทียนแบบไม่แยแสพลางเป่าลมเบาๆ
ฟู่!
พายุทอร์นาโดหลิงกวนตัวขึ้นมาซึ่งบรรจุไปด้วยพลังเอกภพ ภายใต้เส้นทางรัศมีปีศาจที่รุนแรงก็พังทลายทั้งหมด
ฟิ้ว!
และในยามนี้ลำแสงปีศาจสายหนึ่งก็กะพริบวูบวาบต้องการที่จะหลบหนีโดยการฉีกขาดผ่านมิติออกไป
ทว่าเมื่อจอมปีศาจเฮยซือเทียนกำลังจะฉีกมิติออก ทันใดนั้นก็ตระหนักว่าตนเองได้สูญเสียการควบคุมร่างกายไป ร่างเงาของมู่เฉินปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ เบื้องหน้า
“ไอ้ศพดำ คิดจะหนีแล้วเหรอ?” มู่เฉินยิ้มอ่อนขณะมองคนตรงหน้า
ตอนนี้รัศมีปีศาจรอบร่างจอมปีศาจเฮยซือเทียนบางจางลง ชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนัก ส่วนใบหน้าก็ไม่ได้มืดครึ้มเหมือนก่อนหน้า กลายเป็นซีดเผือดและเกรงกลัว
เห็นได้ชัดว่าพลังที่มู่เฉินเผยออกมาทำให้เขาหวาดกลัวไปหมดแล้ว
“ที่แท้มหาพันภพก็มีการเตรียมการมาตลอดหลายปี ดูเหมือนว่าแกคือความหวังสุดท้ายของที่นี่สินะ!” จอมปีศาจเฮยซือเทียนจ้องเขม็งไปที่มู่เฉินพลางเอ่ยเสียงเข้ม
ทว่ามู่เฉินเพียงปรายตามองอย่างแผ่วเบา
จอมปีศาจเฮยซือเทียนรู้ทันทีว่าวันนี้คงไม่สามารถหนีไปได้ ดังนั้นสีหน้าจึงสาดความน่าขนพองสยองเกล้าออกมาอีกครั้ง มองไปที่มู่เฉินด้วยอาการเยาะเย้ย “เฮ้ แม้ว่าแกจะแข็งแกร่งพอกับไอ้เทพจักรพรรดิทั้งสองแล้วยังไง? แกคิดว่าพวกแกสามคนสามารถต้านทานท่านเทพของพวกข้าได้หรือ?”
“ฮ่าๆ พวกแกไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! พวกแกไม่รู้หรอกว่าท่านเทพของพวกข้าน่ากลัวแค่ไหนในสภาพพร้อมรบสูงสุด!”
“ดังนั้นคราวนี้จักรวรรดิปีศาจจะทำลายมหาพันภพจนสิ้นซากแน่นอน!”
ไม่มีระลอกคลื่นวาบไหวในนัยน์ตา มู่เฉินแค่ยืนรอให้อีกฝ่ายพล่ามในวาระสุดท้าย ก่อนที่จะยื่นมือออกไปพร้อมกับพลังน่ากลัวควบรวมกัน
“พูดเสร็จแล้วก็ตายไปซะ”
หมัดของเขากำแน่น ทันใดนั้นร่างจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็ถูกบดขยี้ด้วยพลังที่ไม่อาจต้านทานได้จนระเบิดออก
รัศมีปีศาจแผ่กระจายออกมา พริบตาก็สลายหายไป
แต่จะอย่างไรเสียงหัวเราะเสียดแทงของจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็ยังคงดังก้องไปทั่วขอบฟ้า
“ฮ่าๆ ท่านเทพปีศาจจะแก้แค้นให้ข้า! แกรอเถอะมู่เฉิน! มหาพันภพถึงกาลอวสานแน่!”
พร้อมกับการตายของจอมปีศาจเฮยซือเทียน รัศมีปีศาจในภูมิภาคนี้ก็เริ่มกระจัดกระจาย แสงแดดส่องลงมายังดินแดนที่วินาศสันตะโร
ในสำนักศึกษาทุกคนตกตะลึงไปขณะมองท้องฟ้า แม้แต่เป่ยหมิง เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกสุดปอด
พวกเขามองไปที่ร่างเงาบนท้องฟ้า แผ่นหลังนั่นช่างพร่างพราวภายใต้แสงตะวัน
ไม่มีใครคิดว่าจอมปีศาจเฮยซือเทียนที่น่าสะพรึงกลัวจะตายด้วยน้ำมือของมู่เฉิน…
เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินก้าวไปถึงจุดที่ไม่อาจบรรยายได้ด้วยคำพูดแล้ว
ตู้ม!
ในที่สุดเหล่าศิษย์ในสำนักศึกษาเป่ยชางก็ฟื้นสติจากหายนะครั้งนี้ อึดใจต่อมาเสียงโห่ร้องก็ดังกระหึ่ม
“มู่เฉิน!”
“มู่เฉิน!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องตื่นเต้น เป่ยหมิงก็รู้สึกโล่งใจมากก่อนที่จะหันไปมองไท่ชางด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนว่าสำนักศึกษาเป่ยชางได้สร้างจอมยุทธ์ที่น่าเกรงขามขึ้นแล้ว”