หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1559 หนึ่งในใต้หล้า
ม่านแสงโบราณเชื่อมต่อกับโลก
ร่างเงาทั้งห้าเปล่งด้วยรัศมีสดใสใต้ทำเนียบเหนือภพ ทั้งห้าคนราวกับดวงอาทิตย์ห้าดวงขณะที่แผดแสงไปทั่วหล้า
สายตาของทุกคนในมหาพันภพรวมกันอยู่บนร่างเงาทั้งห้าในขณะนี้
มู่เฉินหายใจเข้าลึก คลื่นหลิงภายในร่างกายก็พุ่งสูงขึ้นก่อนที่จะรวมอยู่ที่ปลายนิ้ว ทั้งนิ้วเต็มไปด้วยความผันผวนที่น่าสะพรึง
ตู้ม!
ในเวลาเดียวกันร่างรองทั้งสี่ก็สร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียว หมุนเวียนคลื่นหลิงโดยไม่รั้งรอ อึดใจต่อมากระแสพลังสี่สายที่ราวกับแม่น้ำดวงดาวก็พุ่งออกมาจากร่างของพวกเขาไปรวมกันที่ปลายนิ้วของมู่เฉิน
เมื่อพลังงานไร้ขอบเขตบรรจบกัน นิ้วของมู่เฉินก็เริ่มสั่นสะท้าน ยามนี้หากเขาขยับมือเพียงเล็กน้อยก็จะลบพิภพเขตล่างแห่งหนึ่งไปได้เลย
สัมผัสถึงพลังน่ากลัวมารวมกันที่นิ้ว ดวงตาของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ เวลานี้เขาไม่เหลือความลังเลอีกต่อไป นิ้ววางลงบนทำเนียบเหนือภพ
เมื่อมู่เฉินแตะปลายนิ้วก็รู้สึกถึงการกีดขวางที่ไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ ม่านกั้นลึกลับและทรงพลัง แม้จะดูเบาบาง แต่ก็มีพลังที่น่ากลัวทำให้มู่เฉินไม่สามารถทิ้งนิ้วลงไปได้
ดวงตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นเฉียบคมขณะหมุนเวียนพลังงานอย่างรุนแรง แม้แต่บาดแผลก็เปิดขึ้นบนนิ้ว เลือดหยดลงพร้อมกับนิ้วสั่นไหวไปหมด
แต่ไม่ว่ามู่เฉินจะพยายามอย่างไรม่านกั้นก็ยังมั่นคง เขาไม่สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ นั่นหมายความว่าเขาจะไม่สามารถเขียนชื่อเต็มไว้บนทำเนีบเหนือภพ…
“ฮ่าๆๆๆ ข้าบอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝากชื่อเต็มไว้บนกระดานเส็งเคร็งนั่น แม้ว่าแกจะแตกตัวเป็นแฝดห้า มิหนำซ้ำแต่ละคนยังมีร่างมหาเทพสั่วๆ แต่ก็ยังมีช่องว่างอยู่ระดับหนึ่ง!” เทพปีศาจเยาะเย้ยขณะแสงเย็นวูบไหวในดวงตา
ด้วยสายตาร้ายกาจเขาสามารถบอกได้เลยว่ามู่เฉินอาจมีพลัง แต่ก็ยังขาดอีกนิดที่จะทำให้สำเร็จ
หลินต้งและเซียวเหยียนถอนหายใจพร้อมกัน ยากเหลือเกินที่จะจารึกชื่อแท้จริงไว้บนทำเนียบเหนือภพ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในอดีตถึงไม่มีจอมยุทธ์คนใดบรรลุเป้าหมายนี้
ในมหาพันภพ ในดวงตาของทุกคนเหลือความหวังริบหรี่แล้ว
ภายในสำนักศึกษาเป่ยชาง
ทุกคนจับจ้องไปที่หน้าจอ เมื่อเห็นมือของมู่เฉินสั่นเบื้องหน้ากระดาน หยดเลือดไหลลงมาเป็นทางแต่ก็ยังไม่สามารถทิ้งลงได้ก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
“ช่างเป็นเรื่องยากเกินไป” เสิ่นชังเสิงพูดความคิดออกมา แม้ว่าเขาจะนึกไม่ออกถึงระดับนั้น แต่เขาก็บอกได้ว่ายากแค่ไหนโดยตัดสินจากความพยายามของมู่เฉิน
“มู่เฉิน…สู้เขา!” เวินชิงเฉวียนกัดริมฝีปากพร้อมกับกำมือแน่น
“พี่ใหญ่มู่เฉินเอาเลย! ท่านต้องทำสำเร็จ!” เยี่ยนสุนเอ๋อขบฟันขณะที่ร้องลั่นด้วยหัวใจที่เต้นแรง
ทวีปเทียนหลัว ตำหนักมู่
มู่เฟิง จิ่วโยว หลิงซีและมั่นถัวหลัวยืนอยู่หน้าสำนักมองไปที่หน้าจอบนท้องฟ้า หัวใจแต่ละดวงสั่นสะท้าน
“ไอ้ลูกชาย” มู่เฟิงมองไปที่ร่างเงานั้นด้วยดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง เด็กน้อยที่เขาต้องโอบอุ้มปกป้องในมณฑลเป่ยหลิงมาถึงจุดสูงสุดที่ไกลเกินนึกถึง แต่เขารู้ว่ามู่เฉินกำลังทุ่มชีวิตเพื่อปกป้องทุกคน
“ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เจ้าคือความภาคภูมิใจของพ่อเสมอ”
ทวีปหลิงหมัว ลั่วหลีมองไปที่พิภพเขตล่างพึมพำว่า “มู่เฉินไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข้าจะติดตามเจ้าไปทุกหนแห่ง”
ภายในพิภพเขตล่าง มู่เฉินมองหยดเลือดที่ไหลลงมาจากนิ้วและรู้ว่าทั่วทั้งจักรวาลกำลังมองมาที่เขา
เขาคือความหวังสุดท้ายของทุกคน หากเขาล้มเหลว ก็จะต้องสู้ตายพร้อมกับหลินต้งและเซียวเหยียนเพื่อลากเอาเทพปีศาจลงนรกไปพร้อมกัน
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึก หันกลับมามองร่างรองทั้งสี่พยักหน้าให้ “พี่น้องได้โปรดช่วยข้าหน่อยนะ”
ร่างรองทั้งสี่สบตากันก่อนจะยิ้ม “เราเป็นหนึ่งเดียวทำไมจะต้องพูดว่า ‘ได้โปรด’ ด้วย”
มู่เฉินยิ้มก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนไป อึดใจเสียงทุ้มต่ำก็ดังออกมาจากปาก
“วิชาสามพิสุทธิ์ รวมขั้นสุด!”
เมื่อเสียงของเขาดังก้องทุกคนที่มองมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างรองทั้งสี่ลุกเป็นไฟ
เพียงสิบกว่าลมหายใจร่างรองทั้งสี่ก็ถูกแผดเผาก่อนจะกลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าสู่ร่างกายของมู่เฉิน
มู่เฉินหลับตาลงฉายสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อมาถึงขั้นสามพิสุทธิ์ เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ที่สุดของทักษะ พูดตามตรงมีอีกขั้นที่ไปไกลกว่านั้น
เป็นการรวมที่เรียกว่า—-รวมขั้นสุด
แต่เมื่อเขาเสร็จสิ้นกระบวนการรวมนี้ร่างรองจะหายไป นั่นหมายความว่ามู่เฉินจะสูญเสียรากฐานนั่น
“เริ่มจากหนึ่ง ลงท้ายด้วยหนึ่ง” มู่เฉินพึมพำ ทันใดนั้นดวงตาก็เปิดออกกะทันหัน
ตู้ม!
เมื่อดวงตาเปิดออก พายุหลิงทรงพลังก็ระเบิดออกมาทำให้หลินต้งและเซียวเหยียนเปลี่ยนสีหน้า แม้แต่หัวใจของเทพปีศาจก็ยังสั่นสะท้าน
นิ้วสั่นไหวของมู่เฉินหยุดลง สายตามองไปที่กระดานโบราณด้วยดวงตาเปล่งประกาย จากนั้นก็วาดนิ้วอีกครั้ง
ฮึ่ม!
เมื่อเขาจรดปลายนิ้วเสียงก็ดังกึกก้องไปทั้งจักรวาล
สีหน้าเคร่งขรึมฉายขึ้น ปลายนิ้วของมู่เฉินค่อยๆ เหยียดไปที่กระดาน รัศมีกีดขวางผันผวนเป็นแนวต้านสุดท้าย
แกร็ก!
ทว่าการต่อต้านก็คงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกคนได้เห็นแสงเริ่มกลั่นตัวบนกระดาน
นิ้วของมู่เฉินพลิ้วไหวพร้อมกับทุกเส้นสายลากต่อเนื่องตวัดขึ้น
ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ทำเนียบเหนือภพขณะที่อักขระกำลังค่อยๆ ถูกเขียนหลังคำว่า ‘มู่’
‘เฉิน!’
เมื่อถึงจังหวะสุดท้ายทั้งจักรวาลก็เงียบงัน
ทำเนียบเหนือภพเจิดจรัส ส่องแสงไปทั่วทุกมุมของมหาพันภพ
ทุกคนมองไปด้วยความไม่เชื่อ ชื่อที่สมบูรณ์ถูกสร้างขึ้น แรงกดดันที่เอิบอาบเข้ามาทำให้พวกเขาอยากคุกเข่าลงกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า
รัศมีเปล่งประกายไม่มีที่สิ้นสุดห่อหุ้มร่างมู่เฉินไว้ ยามนี้เขารู้สึกได้ถึงการรับรู้ที่แพร่กระจายไปทั่วจักรวาล
เขาสามารถเห็นความสุขบนใบหน้าของศิษย์น้องในสำนักศึกษาเป่ยชาง สามารถเห็นเสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทง เวินชิงเฉวียนและถังเชี่ยนเอ๋อ…
เขายังเห็นความตื่นเต้นของมู่เฟิง จิ่วโยว มั่วถัวหลัวและหลิงซีที่ตำหนักมู่…
ขณะนี้ความรู้แจ้งแท้จริงของการควบคุมพุ่งขึ้นภายในหัวใจราวกับว่าทั้งมหาพันภพอยู่ในความรู้แจ้งของเขาหมดแล้ว
ราวกับว่าเขาเป็นจักรพรรดิ
มู่เฉินกำมือแน่นเสียงสะท้อนก้อง “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไประดับที่อยู่เหนือขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งจะถูกเรียกว่าระดับจู๋ไจ่”
คำพูดช่างฟังดูเหมือนคำสั่ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่อักขระสีทองที่อยู่บนกระดาน จากนั้นเสียงเขาก็ดังก้องในโสตประสาทของทุกคนในมหาพันภพ
“ในมหาพันโลกทุกคนต่อสู้เพื่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และข้า-คือ-หนึ่งในใต้หล้า—ต้าจู๋ไจ่!”