หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 549
บทที่ 549 บุกฆ่าถึงที่
หลังจากที่ลู่เสี้ยงหยางทะลุแดนมาถึงระดับแปดตอนปลาย เขาไม่รีบร้อนที่จะลุกขึ้นยืน หากแต่ทดลองร่างกาย ทดสอบความแข็งแกร่งของนักบู๊ระดับแปด
เมื่อเข้าสู่นักบู๊ระดับแปด พลังที่กล้าแกร่งในร่างกาย ถือว่าเป็นกำไรมหาศาลของลู่เสี้ยงยาง เขาต้องคุ้นเคยกับมันถึงจะเรียกใช้ได้อย่างอิสระ
สถานการณ์นี้กินเวลาต่อเนื่องกว่าชั่วโมง ลู่เสี้ยงหยางถึงได้ถึงลืมตาขึ้น
เขายันกายลุกขึ้นจากที่พื้น ลู่เสี้ยงหยางหมุนกำปั้นเบาแผ่ว บรรยากาศรอบทิศระเบิดแตกออก ส่งเสียงดังหวิว ราวกับว่าถูกกระทบจากพลังอันมหาศาล
“ฮ่าฮ่า นี่หรือพลังของนักบู๊ระดับแแปดตอนปลาย?” ลู่เสี้ยงหยางตื่นเต้น ความรู้สึกของการครอบครองพลังแบบนี้ดีชะมัด
ในหัวของเขานึกถึงภาพของลายวันก่อน ที่เขาถูกยอดฝีมือจากซี่ฟางโหลวอย่างขุยกางไล่ฆ่า
ขุยกางเป็นนักบู๊ระดับแปดตอนต้น แต่ก่อนเขาถูกจู่โจมจนไม่มีทางโจมตีกลับได้ หากตอนนี้ตนพบเขาเข้าอีกหน ต่อให้ฆ่าเขาไม่ได้ ก็เอาตัวรอดมาได้อย่างสบาย
จู๋หวินที่ไม่ได้อยู่ในการเปิดผนึก กล่าวกับลู่เสี้ยงหยาง “ยินดีด้วยที่นายก้าวไปอีกขั้น”
ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะอย่างได้ใจ “เพราะความช่วยเหลือจากคุณผมถึงได้ก้าวไปถึงนักบู๊ระดับแปดตอนปลาย ผมไม่มีอะไรที่ตอบแทนคุณได้ มีแต่จะต้องใช้ร่างกายของผมตอบแทนคุณแล้วล่ะ”
“……เอ่อ!” จู๋หวินพูดไม่ออก ใบหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นระรัว
ทีแรกลู่เสี้ยงหยางคิดที่จะเย้าแหย่เธอต่อไป แต่เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเต็มไปด้วยความสงสัย
การที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากจู๋หวิน ทะลุแดนไปถึงระดับแปดตอนปลายเป็นเรื่องดี แต่เธอกลับทำให้เรื่องยุ่งยก
แม้ว่าเธอจะทำให้ปราณของเขามีกำลังเพิ่มขึ้นสามเท่าในคราวเดียว ในระยะสั้นถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ในระยะยาวถือว่าเป็นการทำร้าย
การใช้พลังการภายนอกในการทะลุแดน เพื่อเพิ่มกำลัง จะส่งผลให้ร่างกายชินชาต่อการเพิ่งพา
สำหรับลู่เสี้ยงหยางการบำเพ็ญที่ดีที่สุดคือการค่อยๆ ไปทีละขั้น เพิ่งพาตนเอง ก้าวไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าของเขาเอง การใช้ประโยชน์จากคนอื่นสุดท้ายก็คือการขี้โกง
ลู่เสี้ยงหยางไม่ต้องการให้ร่างกายของเขาเกิดชินชากับการเพิ่งพา
จู๋หวินรู้ว่าลู่เสี้ยงหยางคิดอะไรอยู่ เธอกลับยิ่งชื่นชมเขาเข้าไปอีก ไม่คิดเลยว่าลู่เสี้ยงหยางจะมีจิตใจที่ดีถึงเช่นนี้ อายุน้อยๆ แต่กลับไม่โลภมาก
หากเป็นคนอื่น ไม่มีใครที่จะคิดมาก ขอเพียงแค่พลังตรงหน้าช่วยเขาได้ พวกเขาจะใช้มันให้ได้ในทุกวิถีทาง
แขนทั้งสองข้างถูกไขว้เอาไว้ที่ด้านหลัง จู๋หวินอธิบายกับลู่เสี้ยงหยาง “ยาที่ฉันให้นายใช้ไปเมื่อสักครู่มีความพิเศษ นายใช้ไปแล้วไม่ส่งผลกระทบให้ร่างกายของนายคุ้นชินกับการเพิ่งพา ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น วันหลังนาสมควรจะฝึกยังไงก็เป็นไปตามนั้น ไม่ส่งผลอะไรต่อนายทั้งสิ้น”
อะไรนะ?
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลู่เสี้ยงหยางจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก และตื่นเต้นดีใจในเวลาเดียวกัน
จู๋หวินกล่าวเสริม “ร่างกายของนายแตกต่างจากคนอื่น หากคนอื่นใช้ยานั่นละก็ จะสามารถทะลุแดนไปยังนักบู๊ระดับเก้า แต่นายกลับอยู่ที่นักบู๊ระดับแปดตอนปลาย”
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า เขามีความรู้สึกนั้น ร่างกายของเขารองรับปราณในจำนวนมาก
แต่แบบนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องดี นั่นเท่ากับว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป เพราะงั้นถึงได้รองรับปราณในจำนวนมาก
เวลาที่เหลือ จู๋หวินไม่พูดอะไรอีก เธอกลับไปนั่งที่โขดหินเพื่อเปิดผนึกต่อไป
ส่วนลู่เสี้ยงหยางนอกจากการคุ้นเคยกับพลังของตัวเองแล้ว ก็บำเพ็ญอย่างไม่หยุดหย่อน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามวันผ่านไปในพริบตา
ในสามวันนี้ ค่อนข้างสงบ พิษนั่นกักตัวเขาเอาไว้สามวัน แต่หลังสามวันผ่านไป ความอาฆาตของเขามากไปกว่าเดิม
ลู่เสี้ยงหยางคิดที่จะเปลี่ยนสถานที่ในคราแรก แต่เหมือนว่าจู๋หวินกำลังจะเปิดผนึกได้
ตอนนี้พลังงานที่กล้าแกร่งวนเวียนอยู่รอบตัวของเธอ พลังงานเหล่านี้ไหลเวียนภายในร่างขอเธอต่อเนื่อง แต่พลังงานเหล่านี้ไม่คงที่นัก เดี๋ยวกล้าแกร่ง เดี๋ยวอ่อนแอ
ใบหน้าของจู๋หวินมีพลังงานแสงดำและขาวสองอย่างสถิตอยู่
คราวแรกพลังงานแสงดำและขาวปรากฏขึ้นในพร้อมกัน เวลาผ่านไป พลังงานแสงสีดำค่อยๆ ลดน้อยลง พลังงานสีขาวเพิ่มมากขึ้น
เธออยู่ในระหว่างการกำจัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งทิ้งไป
พลังที่ถูกแผ่ออกมาก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ลู่เสี้ยงหยางตื่นเต้นดีใจ ดูเหมือนว่าจู๋หวินกำลังอยู่ในขึ้นตอนทำลายผนึกที่สะกดพลังของเธอเอาไว้ ถึงได้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น
ลู่เสี้ยงหยางคาดการณ์ ไม่ถึงสิบนาที จู๋หวินก็จะเปิดผนึกจงได้ พละกำลังที่กล้าแกร่งจะกลับมาอีกครั้ง
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกยินดีแทนจู๋หวิน แต่ส่วนลึกในใจกลับเจ็บปวด
หากจู๋หวินฟื้นฟูกำลัง เธอก็จะอยู่ในพื้นที่ของปรมาจารย์ ส่วนเขาเป็นเพียงนักบู๊ระดับแปดตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ทั้งคู่ต่างกันราวกับฟ้าดิน
บางทีวันนี้อาจจะเป็นวันที่เขาและเธอต้องจากลากันแล้วสินะ
หลายวันมานี้ที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เขามีความรู้สึกต่อจู๋หวินที่ไม่เหมือนเดิม
สิ่งนี้ทำให้เขายากที่จะแยก แต่ก็ยากไม่จะไม่ทำแบบนั้นได้
“เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่คิดมากแล้วดีกว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือการพัฒนาความสามารถของเขา หากวันหนึ่งเขายืนอยู่ในจุดสูงสุดในโลกหล้า ถึงจะได้ทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำได้” ลู่เสี้ยงหยางลอบคิดในใจ
ตอนนี้เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ปรารถนาให้ตัวเขายิ่งใหญ่
ซวบ!
ในขณะที่ลู่เสี้ยงหยางตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด พลังจิตตกกระทบลงมาจากฟากฟ้า สาดส่องที่ร่างของจู๋หวิน
ลู่เสี้ยงหยางตระหนก รองเจ้าสำนักเทียนเหมินมาแล้ว!
เพียงแต่เขามาไม่ได้เวลาเลย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จู๋หวินจะเปิดผนึกได้
หากจู๋หวินถูกรบกวนในเวลานี้ สถานเบาจะได้รับบาดเจ็บสถานหนักถึงแก่ชีวิต
ดูเหมือนว่าในสถานการณ์แบบนี้ เขาคงต้องออกโรงอีกหน เพื่อถ่วงเวลาของรองเจ้าสำนักเทียนเหมินเอาไว้
เมื่อคิดได้อย่างนั้นลู่เสี้ยงหยางลุกขึ้นอย่างไม่ลังเลเตรียมออกจากถ้ำ
เพียงไม่กี่ก้าว ปากถ้ำเหมือนกับวิญญาณ เต็มไปด้วยเงาร่างสีดำ กลุ่มไอพลังงานสีดำ ซึ่งส่งกลิ่นเหม็นของคาวเลือดลอยมา
“แย่แล้ว” ลู่เสี้ยงหยางรูม่านตาขยาย เขาช้าไปหนึ่งก้าว ปล่อยให้รองเจ้าสำนักไล่ล่ามาถึงที่นี่จนได้
กลุ่มพลังงานสีดำค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ร่างรองเจ้าสำนักเทียนเหมิน เขาเผยดวงตาที่แดงก่ำใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษสีขาว
เขาดูเหมือนปีศาจร้ายจากในนรก ที่น่าหวาดผวา
“ฮ่าฮ่า ปล่อยให้พวกแกมีชีวิตอยู่ตั้งนาน วันนี้จะเป็นวันตายของพวกแก” รองเจ้าสำนักเทียนเหมินส่งเสียงหัวเราะที่เยือกเย็นแสบแก้วหูออกมา