หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 551
บทที่ 551 ผมคิดถึงคุณจะแย่
เมื่อเห็นความมืดมนที่กำลังจะตกกระทบร่างของเขา ลู่เสี้ยงหยางนึกยอมรับชะตากรรม วันนี้เขาคงจะต้องตายอยู่ที่นี่เสียแล้ว
ทันใดนั้นหมัดทั้งสองข้างกำแน่น จนปลายนิ้วเป็นสีเขียวจางๆ ความไม่เต็มใจจับกุมสุดขั้วหัวใจ
หากแต่ในตอนนี้เอง แสงสีเงินสาดส่องลงมาจากเหนือหัวของเขา เสมือนกับทางช้างเผือกบนสวรรค์ทอดยาวลงมา กลายเป็นลำแสง หยุดอยู่ที่ร่างของลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางดีใจเป็นที่สุด หรือว่าจู๋หวินเปิดผนึกได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
ชายหนุ่มหันกลับไป เป็นไปตามคาดเขาได้เห็นจู๋หวินลุกขึ้นยืนจากหิน ความแข็งแกร่งที่ยากจะหยั่งรู้กลับคืนมาอีกครั้ง จนเกือบจะกลายเป็นปราณสีเงินที่องอาจ ห่อหุ้มร้างของเธอเอาไว้ ทำให้ร่างกายของเธอดูสว่างไสว เสมือนกับดวงดาวที่ตกลงมายังโลกมนุษย์
“ตุ่บ!”
แสงสีดำนั้น ได้กระทบกับแสงสีเงินที่อยู่ตรงหน้าของลู่เสี้ยงหยาง
แสงสีดำที่ไม่มีสิ่งใดทำร้ายไม่ได้ กระจายแตกออกกลายเป็นกลุ่มควันสีดำสลายตัวหายไป
ทันใดนั้น แสงสีเงินเสมือนกับว่ากระแทกเข้ากับกระจก จนเกิดรอยแตกมากมายนับไม่ถ้วน ก่อนที่จะระเบิดกระจัดกระจาย
ลู่เสี้ยงหยางถอนหายใจออกมา วันนี้เขารอดตัวไปได้แล้ว
ความสุขสันต์ในชีวิตที่เหลืออยู่แล่นเข้ามาในใจ แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น เสื้อผ้าทั้งร่างของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเหงื่อ ราวกับว่าเพิ่งขึ้นมาจากการแช่น้ำแร่มาหมาดๆ
รองเจ้าสำนักเทียนเหมินที่อยู่อีกด้านตกใจ อย่างไม่สบอารมณ์ ไม่คิดเลยว่าจะเสียเวลาไปกับลู่เสี้ยงหยาง จนทำให้เขาไม่ทันได้สังหารจู๋หวินก่อนที่เธอจะเปิดผนึกได้
ไม่ทันไร เขาก็โล่งใจ พร้อมหันไปทางจู๋หวิน พร้อมกับแสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต “นางบ้า ฉันปิดผนึกเธอได้รอบหนึ่ง ก็สามารถปิดผนึกเธอรอบที่สองได้ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะเป็นวันตายของเธอ
จู๋หวินกล่าวอย่างเย็นชา “ประโยคนี้ต้องเป็นฉันต่างหากที่พูดกับแก”
จบคำ ร่างของเธอกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปนอกถ้ำ ทิ้งไว้เพียงประโยคหนึ่งที่เท่านั้น “ที่นี่เล็กเกินไป แสดงอิทธิฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ เราขึ้นมีบนฟ้า”
“ได้ ฉันจะทำตามคำขอ” รองเจ้าสำนักเทียนเหมินกล่าวอย่างเย็นชา ทันใดนั้นร่างจองเขากลายเป็นลำแสงสีดำ ก่อนที่จะพุ่งออกจากถ้ำ
ลู่เสี้ยงหยางรู้ดีว่าการที่จู๋หวินทำแบบนี้ก็เพื่อตัวเขาเอง ยังไงซะนี่ก็เป็นการต่อสู้ของระดับปรมาจารย์ พลังคลื่นนั้นน่ากลัวมาก ชายร่างเล็กอย่างเขา หากถูกคลื่นพลังเหล่านั้นกระทบเข้า ต้องสิ้นใจแน่นอน
ไร้ความลังเลแต่อย่างใด เขาวิ่งออกไปที่นอกถ้ำ แหงนหน้ามองฟ้า
บนท้องฟ้า การต่อสู้ของจู๋หวินและเจ้าสำนักเทียนเหมินได้เริ่มขึ้นแล้ว
มือทั้งสองข้างของจู๋หวินกำดาบยาวสีเงินเอาไว้แน่น พลันจ้วงดาบไปที่แขนของรองเจ้าสำนักเทียนเหมินอย่างช้าๆ
แสงสะท้อนของดาบสีเงินทะยานขึ้นฟ้า กลายเป็นดาบใหญ่ยักษ์
เสียงดังสนั่น!
ดาบใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนไปที่ร่างของรองเจ้าสำนักเทียนเหมินอย่างช้าๆ กลางอากาศ
รองเจ้าสำนักเทียนเหมินปล่อยหมัดใส่อากาศ หมัดสีดำพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นใบหน้าที่น่ากลัวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในแสงกำปั้นสีดำ เสียงแหลมและแสบแก้วหูดังขึ้น เสมือนกับว่าพื้นที่ท้องฟ้าตรงนั้นได้กลายเป็นสวนสนุกผีสิงไปแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นดาบที่ใหญ่ยักษ์หรือแสงหมัดสีดำ ทั้งคู่ต่างก็มีความเร็วสูง เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ปะทะถึงกันแล้ว
ปัง!
เสียงที่แสบแก้วหูดังสะท้อนกึกก้อง หากแต่ใบหน้าที่น่ากลัวนับไม่ถ้วนบินออกมานั้นที่วนรอบดาบใหญ่สีเงิน กัดกร่อนจนดาบใหญ่สีเงินแตกเป็นเสี่ยงๆ
ปัง!
เสียงดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง ดาบใหญ่สีเงินแตกสลายกะทันหัน
ใบหน้าที่น่าสยดสยองที่อยู่รอบทิศทั้งหลายก็แตกดับไปด้วยเช่นเดียวกัน
การต่อสู้ในครั้งนี้ จู๋หวินและรองเจ้าสำนักเทียนเหมินต่างกินกันไม่ลงทั้งคู่
ลู่เสี้ยงหยางที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านล่างนั้นหลงใหลตาลุกวาว นี่หรือความสามารถของนักบู๊ระดับปรมาจารย์
ถึงระดับพวกเขาแล้ว ต้องให้ขยับภูเขาเคลื่อนแม่น้ำก็คงจะทำได้ลู่เสี้ยงหยางไม่สงสัยแต่อย่างใด
กระบวนท่าของจู๋หวินเมื่อสักครู่ เพียงพอที่จะทำลายเขาลูกนี้ได้เลย
ต่อจากนั้น การต่อสู้จู๋หวินและรองเจ้าสำนักเทียนเหมินเริ่มขึ้นอีกครั้ง ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด จนท้องฟ้าแทบจะถล่มลงมา
ลำแสงสีเงินของดาบยักษ์และแสงหมัดสีดำพันเกี่ยวกัน แสงที่เจิดจ้าสะท้อนแสบตาจนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ เสมือนกับดวงอาทิตย์สีดำและสีขาวแขวนอยู่บนท้องฟ้า
ทั้งคู่ต่อสู้กันบ้างถอยห่างจากกันบ้าง ไม่ถึงนาที การต่อสู้ก็ถูกเคลื่อนไปที่ขอบฟ้า
ในสายตาของลู่เสี้ยงหยาง ร่างของทั้งคู่เล็กเท่ากับจุดสีดำ
ต่อมา ร่างทั้งทั้งคู่หายลับตาไป ท้องฟ้ากลับมาสงบอีกครั้ง
ลู่เสี้ยงหยางร้อนรนกังวลใจ ไม่รู้ว่าในการต่อสู้ในครั้งนี้ ใครกันแน่ที่จะได้รับชัยชนะ?
จู๋หวินเปิดผนึกได้แล้ว พลังของเธอกลับมาแข็งแกร่งดั่งเดิมแล้ว ก็ต้องแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว
แต่รองเจ้าสำนักเทียนเหมินได้เข้าสู่วิชามารแล้ว ในตัวเขามีพลังลับวิชาที่กล้าแกร่ง
เพราะงั้นในครั้งนี้ ใครกันแน่ที่จะเป็นผู้ชนะนั้นพูดยากจริงๆ
“จู๋หวิน ผมเชื่อคุณ คุณต้องขจัดมารและกลับมาได้แน่” หากแต่ลู่เสี้ยงหยางก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวจู๋หวิน
ตอนนี้เมื่อสงบลงมาแล้วลู่เสี้ยงหยางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง ซึ่งเป็นบาดแผลจากการที่ถูกรองเจ้าสำนักเทียนเหมิน
ลู่เสี้ยงหยางเดินกลับเข้าไปบังถ้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะนั่งลงบนโขดหิน ลู่เสี้ยงหยางใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการฟื้นฟูร่างกายจนหายดี
บนท้องฟ้ายังคงเงียบสงบเช่นเคย เป็นสีน้ำเงิน ไร้ก้อนเมฆแม้แต่น้อย ดุจดั่งไพลินที่แกะสลักอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อไม่ได้ยินเสียงของจู๋หวิน ลู่เสี้ยงหยางเกิดกังวลใจ
ยังดี ที่ความเงียบสงบนี้อยู่ได้ไม่นาน วินาทีต่อมา ลู่เสี้ยงหยางก็ได้พบกับเงาร่างหนึ่งลอยออกมาจากพุ่มไม้
เงาร่างนี้สง่างาม สว่างไสว เรือนร่างงดงาม ออร่าจับไปทั่วร่าง ราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์
ไม่ใช่จู๋หวินแล้วจะเป็นใครไปได้
ลู่เสี้ยงหยางตื่นเต้นดีใจ พลันวิ่งไปที่จู๋หวินอย่างไว โผเข้ากอดเธอแน่น พลางหมุนกลางอากาศไม่หยุด
“ฮ่าฮ่า เสี่ยวหวินหวิน เสี่ยวหวินหวินของผม กลับมาแล้วหรือ เมื่อกี้เป็นห่วงแทบแย่” ลู่เสี้ยงหยางดีใจจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ มิอาจหาคำเพื่อบรรยายความยินดีในใจของเขาไม่เลย
ร่างบางของจู๋หวินแน่นิ่ง หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะที่ทรวงอก ราวกับเจ้ากว้างน้อยที่วิ่งอยู่กลางอก
ใบหน้างดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แดงเรื่อง เสมือนกับหยกชั้นดีที่แต่งแต้มด้วยบลัชออน ช่างน่าดึงดูดยิ่ง
เดิมทีนิสัยอย่างจู๋หวิน เธอต้องไม่ลังเลที่จะหั่นลู่เสี้ยงหยางเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้เธอกลับไร้ปฏิกิริยาใด พลันยืนนิ่งปล่อยให้ลู่เสี้ยงหยางกอดอยู่อย่างนั้น
บอกตามตรง เธอกลับรู้สึกดีในใจ
แต่ไม่นาน ความรู้ผิดชอบชั่วดีชนะจนได้ จู๋หวินจ้องลู่เสี้ยงหยางเขม็งพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้ายังไม่ปล่อยฉัน ฉันจะตัดหัวของแกทิ้งซะ”