หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 558
บทที่ 558 สำนักกลั่นอาวุธ
เมื่อลู่เสี้ยงหยางได้ยินประโยคข่มขู่ เขาไม่แยแสแม้แต่น้อย ฝีเท้าที่ถูกยกขึ้นยังคงลงต่ำเรื่อยๆ เหยียบลงกับลูกกระเดือกของขุยกาง
แควก
ลูกกระเดือกของขุยกางแหลกสลาย
เสียงร้องอนาถของขุยกางที่ได้เพียงครึ่ง สิ้นสุดลงกะทันหัน
ลูกตาโปนออกด้านนอก เสมือนกับปลาทอง เนื้อหนังบนใบหน้า หดเข้าหากัน รูปลักษณ์น่าหวาดผวา
ลู่เสี้ยงหยางยังคงสีหน้าเรียบเฉย เขากลับหลังหันก้าวฝีเท้าเดินออกจากที่ แต่ในตอนนี้เอง ยามที่รับผิดชอบการลาดตระเวนนอกประตูรีบแจ้นเข้ามา
เมื่อเห็นภาพที่ขุยกางถูกฆ่า สายตาของทุกคนแทบจะพ่นไฟด้วยความโกรธ
ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าคำราม “กล้าดีนัก ที่บุกรุกที่พำนักของสำนักซี่ฟางโหลว ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม”
“สหาย จับกุมไอ้หมอนี่เอาไว้ แก้แค้นให้กับหัว”
จบประโยค ยามจำนวนมากรีบวิ่งเข้าหาลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางไร้การเปลี่ยนแปลงบนใบหน้า ราวกับถูกสร้างขึ้นจากเหล็ก
ร่างของเขาเคลื่อนตัวเข้าสู่ฝูงชน
เสมือนกับเสื้อที่ท่ามกลางฝูงแกะ เสียงร้องอนาถดังสะท้อนในฝูงชน เหล่ายามต่างกองกับพื้นไปตามๆ กัน
ไม่ถึงนาที ลู่เสี้ยงหยางได้จัดการยามทั้งหมดจนราบคาบ
ลู่เสี้ยงหยางไร้ปฏิกิริยามดบนใบหน้า ก่อนที่จะโยนไฟเข้าไปที่วิลล่า ทันใดนั้นวิลล่าเกิดไฟไหม้
ลู่เสี้ยงหยางไม่หยุดนิ่ง พลันตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
เย่สวนยังคงเป็นเหมือนเก่า ที่นอนอยู่บนเตียงราวกับเจ้าหญิงนิทรา
วันนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญจะทำการประชุมเป็นครั้งสุดท้าย หากยังไม่สามารถรักษาอาการของเย่สวนได้ ลู่เสี้ยงหยางก็จะพาเย่สวนออกจากโรงพยาบาล
ช่วงบ่าย โอหยางรั่วสุ่ยมาเยี่ยมเย่สวน
เมื่อเห็นสภาพของเย่สวนในตอนนี้ เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกันความรู้สึกที่มีต่อลู่เสี้ยงหยาง ก็สับสนมากเช่นเดียวกัน
ผู้ชายตรงหน้าคือคนที่เธอรักหมดหัวใจ แต่น่าเสียดาย ที่เขาเป็นสามีจองเพื่อนรักของเธอเอง
ในเวลานี้ เธอจับจ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยางที่อารมณ์ไม่สู้ดีนัก โอหยางรั่วสุ่ยจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายไม่ต้องเป็นห่วงเย่สวนหรอก เธอจะต้องตื่นขึ้นมาแน่ เพียงแค่เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น”
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้ารับ ความหวังในใจเขาน้อยลงทุกที
บอกตามตรง วิชาแพทย์ระดับเขายังไม่สามารถวินิจฉัยได้ ว่าเย่สวนเป็นอะไรกันแน่ การตื่นขึ้นมาในสถานการณ์แบบนี้นั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย
โอหยางรั่วสุ่ยกล่าวเสริม “หากเย่สวนตื่นขึ้นมาไม่ได้อีก ฉันจะรับหน้าที่ดูแลเธอเอง”
เมื่อพูดประโยคนี้ ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาอย่างประหลาด หัวใจของเธอเต้นโครมอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้ำอึ้ง “แน่นอน แน่นอน ว่าฉันจะดูแลนายด้วย”
ประโยคสุดท้ายนั้นเธอกล่าวอย่างลึกซึ้ง สายตาที่จับจ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยางนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เสมือนกับคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่จ้องมองสามีของตนเอง
ลู่เสี้ยงหยางมึนงง แสร้งไม่ได้ยินประโยคของโอหยางรั่วสุ่ย พลันนิ่งไม่ตอบโต้
โอหยางรั่วสุ่ยรวบรวมความกล้ากล่าวต่อ “ฉันรอนายได้ รอวันที่นายพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่แล้วบอกฉัน”
จบประโยคใบหน้าจองโอหยางรั่วสุ่ยแดงก่ำไปจนถึงลำคอ ลำคอที่ขาวนวลแดงแปร๊ด เสมือนกับหยกชั้นดีที่ประทินด้วยบลัชออน ช่างเย้ายวนรัญจวนใจ
เฮ้อ
ลู่เสี้ยงหยางแอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
โอหยางรั่วสุ่ยไม่อยากจะอยู่ต่อ เพื่อสร้างความกดดันให้กับลู่เสี้ยงหยาง จึงออกไปจากห้องพักฟื้น
หลังจากนั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญได้ทำการวินิจฉัยอาการของเย่สวน คราวนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญมาจากทั่วประเทศ
พวกเขาต่างก็มาเพื่อพิชิตอาการประหลาดของเย่สวน แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ของเย่สวน เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างก็ส่ายหน้า เพื่อแสดงให้รู้ว่าอาการของเธอนั่นเป็นโจทย์ที่ยาก ไม่สามารถคลี่คลายได้เลย
หลังผ่านการวินิจฉัยแล้ว ลู่เสี้ยงหยางจึงพาเย่สวนออกจากโรงพยาบาล
เมื่อหลิวจิ้งได้รับรู้อาการของลูกสาว จึงได้สติขึ้นมา ไม่เที่ยวเล่นเข้าบ่อนอีก แต่อยู่บ้านคอยดูแลเย่สวนแทน
ตกดึกหลังทานอาหารเสร็จ ลู่เสี้ยงหยางได้รับสายเรียกเข้า ที่มาจากกงหยู่หนิง
เมื่อกดรับสาย เสียงที่ตื่นเต้นของกงหยู่หนิงก็แล่นผ่านเข้ามา “ลู่เสี้ยงหยาง บางทีอาการของคุณเย่อาจมีทางรักษาแล้ว”
อะไรนะ?
รักษาได้?
เมื่อได้ยินประโยคนั้นร่างของลู่เสี้ยงหยางสั่นเครือเล็กน้อย พลันกล่าวถามอย่างเสียอาการ “เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”
กงหยู่หนิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เรื่องแบบนี้ ฉันจะล้อเล่นได้ยังไง”
ลู่เสี้ยงหยางแววตาประกาย พลันเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ผมควรจะทำยังไง?”
กงหยู่หนิงกล่าว “ก่อนหน้านี้ฉันให้คนที่บ้านช่วยสืบหาอาการของคุณเย่ว่าเป็นอะไรกันแน่ บ้านของที่มีตำราโบราณอยู่ ของเมื่อร้อยปีที่แล้ว บรรพบุรุษของตระกูลกงท่านหนึ่ง มีอาการเหมือนกับคุณเย่เลย หลังจากนั้น ภายใต้วาสนาความบังเอิญของตระกูลกง ได้รับยาวิเศษอะไรบางอย่างจากสำนักกลั่นอาวุธ หลังจากนั้นบรรพบุรุษท่านนั้นของตระกูลฉันก็ตื่นขึ้นมา”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลู่เสี้ยงหยางจับประเด็นสำคัญ ที่สำนักกลั่นอาวุธอาจจะมียาวิเศษอยู่ สามารถรักษาอาการของเย่สวนได้
สำนักกลั่นอาวุธ ลู่เสี้ยงหยางคุ้นเคยอยู่บ้าง แม้ว่าสำนักกลั่นอาวุธจะไม่ใช่สมาชิกของสำนักใหญ่ทั้งห้า แต่อำนาจของสำนักกลั่นอาวุธนั้นไม่ด้อยไปกว่าสำนักใหญ่ทั้งห้าเลย
สำนักกลั่นอาวุธมีหน้าที่กลั่นอาวุธโดยเฉพาะ อาวุธบางอย่างนั้นมีจิตวิญญาณ จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นอาวุธวิเศษ อาวุธวิเศษเหล่านั้นหากอยู่ในมือของนักบู๊สามารถเสริมพลังได้อย่างมาก
เหล่านักบู๊มากมายต่างใฝ่ฝันว่าจะได้นักกลั่นอาวุธกลั่นอาวุธให้กับพวกเขาสักชิ้น
“ดูเหมือนว่า ผมคงต้องไปที่สำนักกลั่นอาวุธสักหน่อย” ลู่เสี้ยงหยางคิดในใจ
เหมือนว่าเธอจะรู้ทันความคิดของลู่เสี้ยงหยาง กงหยู่หนิงจึงกล่าว “บังเอิญจังเลย หลายวันมานี้สำนักกลั่นอาวุธกำลังรับสมัครลูกศิษย์ บางทีนายอาจจะไปลงสมัครนะ มีเพียงแค่ได้เป็นศิษย์ของสำนักกลั่นอาวุธ นายก็จะได้มีสิทธิ์สืบค้นตำราเก่าของสำนักกลั่นอาวุธ บางทีอาจจะได้เบาะแสบ้าง”
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า
กงหยู่หนิงกล่าวเสริม “สำนักกลั่นอาวุธก่อตั้งที่พำนักที่ปินเหอขึ้นพอดี อยู่ที่อดีตสถาบันยานยนต์ปินเหอ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อไปแล้ว หากนายมีความต้องการก็ไปที่นั่นสิ”
“ได้” ลู่เสี้ยงหยางตอบรับคำ
หลังจากนั้น เขาพูดคุยกับกงหยู่หนิงอีกหลายประโยคก่อนที่จะตัดสายทิ้ง
เช้าวันที่สอง ลู่เสี้ยงหยางก็ได้ออกเดินทางไปที่สถาบันยานยนต์ปินเหอ
เมื่อมาถึงสถาบันยานยนต์ปินเหอ ก็ได้พบกับเหล่าผู้คนมากมาย ผู้คนมากมายต่างก็ยืนต่อแถวรอคิว ดูเหมือนว่าจะเรียงคิวกันสมัครเป็นนักกลั่นอาวุธสินะ
ป้ายของสถาบันยานยนต์ปินเหอได้ถูกเปลี่ยนแล้ว ตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นป้ายชื่อของสำนักกลั่นอาวุธแล้ว
ลู่เสี้ยงหยางเข้าคิวตามระเบียบ เพื่อรอการทดสอบ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสิทธิ์ได้เป็นนักกลั่นอาวุธ มีเพียงแค่คนที่ผ่านการทดสอบถึงจะได้เป็นสมาชิกของสำนักกลั่นอาวุธ
ตอนนี้ลู่เสี้ยงหยางเห็นผู้คนมากมายต่างส่ายหน้าเดินออกไปอย่างสลด น่าจะยังไม่มีคนผ่านการทดสอบ
ลู่เสี้ยงหยางตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ได้พบว่ามีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะผ่านการทดสอบไปได้
ลู่เสี้ยงหยางประหลาดใจ เขารู้สึกได้ว่าเหล่าคนที่มาสมัครทดสอบในวันนี้ต่างก็เป็นนักบู๊ทั้งนั้น ร่างของพวกเขามีพลังปราณแผ่ซ่าน แต่ไม่คิดเลยว่าเปอร์เซ็นต์ที่ตกรอบจะสูงขนาดนี้
ดูเหมือนว่าเงื่อนไขการรับศิษย์ใหม่ของสำนักกลั่นอาหารจะเข้มงวดขนาดนี้