หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 874 ได้รับการอบรมอย่างเท่าเทียม
ตอนที่ 874 ได้รับการอบรมอย่างเท่าเทียม
เยี่ยเทียนคิดออกว่าในดินแดนแห่งทวยเทพต่อให้ไม่เป็นเหมือน เกาะเซียน “เผิงไหล” ก็น่าจะเป็นสถานที่ๆมีพลังวิเศษเต็มเปี่ยม มียาวิเศษอยู่ทั่วไป เหอปู้อวี่น่าจะพกสิ่งของป้องกันตัวมาบ้าง
เยี่ยเทียนใช้ดวงจิตสำรวจเสร็จแล้ว กลับพบว่านอกจากกระบี่สั้นกับตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุนแล้ว ยังมีขวดยาอยู่อีกหลายขวด แล้วก็ไม่มีอาวุธวิเศษอื่นอีก ทำให้เยี่ยเทียนที่ตั้งความหวังเอาไว้สูงสบถออกมา
“เยี่ยเทียน ตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุนเป็นของตกทอดมาในตระกูลซือคง ทำมาจากไหมทองหมื่นปี แกอย่าคิดว่ามันถูกเจ้าสิงห์ขนทองฉีกขาดแล้วสิ แต่คนที่ฝึกถึงระดับเซียนเทียนขั้นสูงถูกม่านนี้เข้าครอบคลุมไว้ ก็ยังหนีไปไหนไม่รอด”
วานรขาวที่อยู่มาหลายร้อยปี เห็นท่าทางดูหมิ่นของเยี่ยเทียนแล้วรีบนำเอาตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุนยื่นให้
“ฉันไม่มีทางใช้เพลิงปราณแท้ ซ่อมแซมมันได้ เอาไปก็ไม่มีประโยชน์ ยกให้แกไปก็แล้วกัน!”
แม้มันกับเยี่ยเทียนจะเคยผูกมิตรกันเพียงเล็กน้อย แต่ในโลกของการฝึกวิชา ต่างยกย่องผู้ที่มีตบะเหนือกว่า วานรขาวรู้ว่าเยี่ยเทียนมีความปรารถนาในสิ่งเดียวกับเหอปู้อวี่ มันถึงมอบตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุนให้เขา
“อ้อ? มันจะดีหรือ?”
เยี่ยเทียนเอ่ยอย่างเกรงใจ แต่มือขวายื่นไปรับสิ่งนั้นมาแล้ว ใช้มือสองข้างออกแรงฉีก เขาก็ต้องตกใจ เพราะรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือเหมือนถูกมีดบาด ส่วนตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุนไม่ปรากฏร่องรอยเลยแม้แต่น้อยและยังคงทอประกายสีทองอ่อนออกมา
“พี่วานรขาว ถ้าอย่างนั้นฉันขอรับไว้ก็แล้วกัน”
เยี่ยเทียนเห็นว่าตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุนพกพาง่าย ใช้มือม้วนมันเป็นก้อนก็เหมือนกับมัดด้ายป่านนิ่มมัดหนึ่ง ยัดลงไปในกระเป๋า ยังไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันเลย ทั้งยังไม่กินพื้นที่ในกระเป๋ามากอีกด้วย
“เยี่ยเทียน ครั้งนี้ต้องขอบคุณแกมาก”
วานรขาวมองดูเยี่ยเทียนที่เมื่อหลายปีก่อนยังอ่อนแอจนใช้มือบีบก็ตายได้ ตอนนี้วานรขาวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ตามชั้นอาวุโสในการฝึกตบะฝึกวิชา มันควรจะเรียกเยี่ยเทียนว่าผู้อาวุโส แต่วานรขาวพูดคำนั้นไม่ออก
“พี่วานรขาวเกรงใจเกินไปแล้ว”
เยี่ยเทียนส่ายหัว
“พี่วานรขาว ก็เห็นแล้วนี่ ตอนนี้ตบะของผมอยู่ในขั้นเจี่ยตันแล้ว จะต้องรับเคราะห์กรรมอัสนีสวรรค์เมื่อไหร่ก็ได้ ครั้งนี้ที่มาถึงอาณาเขตแห่งเทพกสิกร เพราะอยากจะมาขอยาวิเศษจากพี่วานรขาว ไม่รู้ว่าได้หรือไม่?”
เยี่ยเทียนไม่อ้อมค้อม เขาบอกจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ตามตรง ตอนแรกเขายังกังวลอยู่ว่าสวนสมุนไพรเป็นของทายาทตระกูลซือคง ถ้าเป็นของที่มีเจ้าของแล้วตนเข้าไปแย่งมา อนาคตจะต้องถูกเจ้าของมาทวงคืนให้อับอาย
แต่เมื่อได้พบกับเหอปู้อวี่ เยี่ยเทียนเดาออกว่าทายาทคนสุดท้ายของตระกูลซือคงน่าจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
สวนสมุนไพรที่มีหลิงจือเติบโตอยู่ทั่วทั้งสวนนั้นไม่มีเจ้าของแล้ว แน่นอนว่าใครมีบุญก็จะได้ไปครอบครอง แน่นอนว่าเยี่ยเทียนนั้น “มีบุญ” มากพอที่จะได้รับส่วนแบ่งในนั้น
“คือ…สวนสมุนไพรนั่นเป็นของตระกูลเจ้านายที่สืบทอดสะสมมาเป็นพันปี!”
ได้ยินคำของเยี่ยเทียนแล้ว วานรขาวชักสีหน้า คนกับวานรสามารถแสดงออกทางสีหน้าท่าทางได้เหมือนกัน
“ช่างเถอะ เจ้านายจากไปแล้ว ตระกูลซือคงก็ไม่เหลือทายาทอีก”
วานรขาวคิดได้ว่าเจ้านายของมันน่าจะตายไปแล้ว ถ้ามันยังยืนกรานต่อไปคงจะทำให้เยี่ยเทียนไม่พอใจ จึงถอนหายใจออกมาแล้วตอบว่า
“ในสวนสมุนไพรแกอยากเด็ดยาอะไรก็เด็ดได้ตามสบาย แต่หวังว่าแกจะไม่ไปตัดถูกรากของหญ้าวิเศษนะ อีกหลายปีต่อไปมันจะได้โตขึ้นมาใหม่”
เยี่ยเทียนหัวเราะ “พี่วานรขาว วางใจเถอะ ฉันแค่เก็บสมุนไพรแค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น ไม่ทำเสียหายหรอก!”
เยี่ยเทียนรู้ตำแหน่งของสวนสมุนไพรดี วานรขาวจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตาของสวนสมุนไพรได้ ไม่เช่นนั้นเยี่ยเทียนคงมีวิธีจัดการในแบบของเขาเอง
“เยี่ยเทียน!”
ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังสนทนากับวานรขาวเรื่องสวนสมุนไพรอยู่นั้น ในหัวมีเสียงเรียกชื่อตัวเองดังขึ้น เขามองหาไปทั่ว แล้วก็ดีใจที่เห็นว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าเหมาโถวฟื้นตัวแล้ว ร่างของมันเป็นเหมือนเงาสีขาวพุ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมอกเขา
“เหมาโถว ไม่เป็นไรแล้วนะ วิธีการสื่อทางจิตนี้วานรขาวเป็นคนสอนแกใช่ไหม?”
เยี่ยเทียนขยี้หัวเจ้าเหมาโถวแรงๆ คิดถึงตอนนั้นที่เขาช่วยชีวิตเจ้าเฟอร์เร็ตนี้ออกมาจากรอยแยกของภูเขาหิมะ ทั้งเลี้ยงดูมันจนโต ความผูกพันลึกซึ้ง เหมาโถวถูกทำร้ายสาหัสและเป็นสาเหตุที่เยี่ยเทียนคิดจะสังหารเหอปู้อวี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน
“ใช่แล้ว ฮ่าๆๆ ฉันคุยกับนายได้แล้ว เยี่ยเทียน ฉันมีความสุขมากเลย!”
เหมาโถวตื่นเต้นเหมือนเด็ก มันม้วนตัวปีนขึ้นไปพันอยู่บนไหล่ของเยี่ยเทียน มันใช้อุ้งเท้าหน้าสองข้างพยายามสร้างทรงผมใหม่ให้เขา เป็นสิ่งที่มันชอบทำมาตั้งแต่ยังเล็ก
“เจ้าบ้า เรียกฉันว่าอาจารย์ ห้ามเรียกชื่อฉันตรงๆนะ!”
เยี่ยเทียนคำรามในลำคออย่างไม่พอใจ เขาดึงตัวเหมาโถวลงมาจากบ่า ล้วงเอาพลอยวิเศษธาตุไม้ก้อนเล็กๆที่อยู่ในปากมันออกมา โยนให้วานรขาว
“พี่วานรขาว พี่ก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ใช้พลอยวิเศษนี้รักษาสิ ใช้ยามันจะไม่ทันใจ รอเจ้าเสี่ยวจินตื่นขึ้นมาก่อนค่อยว่ากัน!”
“ได้สิ ขอบคุณ!”
วานรขาวคว้าก้อนพลอยไว้ในมือ รู้สึกถึงพลังแห่งชีวิตที่แผ่กระจายออกมาจากพลอยนั้น มันจึงไม่พูดอะไรต่อ ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นเพื่อดูดซับพลังวิเศษนั้นใช้เดินพลังลมปราณในร่างกาย สำหรับมันแล้วเยี่ยเทียนแม้จะเป็นแขกที่มาร้าย แต่เป็นคนที่มันเชื่อถือได้
“เหมาโถว เอาไป นี่เป็นของที่อาจารย์ลุงให้แก!”
เห็นท่าทางสนิทสนมของเยี่ยเทียนกับเหมาโถวแล้ว โก่วซินเจียล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบเอาพลอยวิเศษธาตุน้ำออกมา ก่อนที่เหมาโถวจะเริ่มฝึกเต๋ามันเป็นสัตว์แสนรู้ พวกศิษย์พี่ของเยี่ยเทียนอย่างโก่วซินเจียรักใคร่เอ็นดูมันมาก
“ก็ได้ อาจารย์ก็อาจารย์ ขอบคุณอาจารย์ลุง!”
เหมาโถวเอนหัวมองพลอยวิเศษสีฟ้าก้อนนั้นแล้วครุ่นคิด ในที่สุดก็ยอมรับ มันกระโจนไปที่ฝ่ามือของโก่วซินเจียคาบพลอยธาตุน้ำเอาไว้ในปาก ร่างกายของมันเย็น เหมาะจะใช้ธาตุน้ำในการฝึกวิชา
“แกเรียกอาจารย์จริงๆด้วย?”
ได้ยินเสียงดวงจิตของเจ้าเหมาโถวเรียกเขาว่าอาจารย์แล้วเยี่ยเทียนก็อึ้งไป เมื่อครู่เขาเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น ไม่คิดอยากรับสัตว์วิเศษ….หรือที่คนทั่วไปเห็นว่าเป็นปีศาจตัวน้อยมาเป็นลูกศิษย์
“โจวเซี่ยวเทียนเรียกนายว่าอาจารย์ ฉันก็จะเรียกบ้าง!”
เหมาโถวพยักหน้าอย่างจริงจัง
“เยี่ยเทียน ลัทธิเต๋าของเราเคยกล่าวไว้ว่าการรับศิษย์รับได้จำนวนแต่ไม่แบ่งแยก ประเภท เธอรับมันไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก?”
เห็นเยี่ยเทียนท่าทีลังเล โก่วซินเจียจึงบอกพลางหัวเราะออกมา
สำหรับโก่วซินเจียที่อายุเกือบร้อยปี ยังสามารถเดินทางที่จะไปสู่การบรรลุเซียนได้ ก็จะทำให้อายุยืนยาวขึ้นอีกร้อยสองร้อยปี เป็นเรื่องที่ใครก็คิดไม่ถึง ตำนานปรัมปราที่เล่าสืบทอดกันมาในลัทธิเต๋านั้นเป็นเรื่องที่ถูกจดบันทึกไว้ โก่วซินเจียเชื่อว่าเป็นจริงเสียส่วนมาก
“ดี แต่ว่าแกต้องเป็นอันดับสามนะ ก่อนหน้าแกมีศิษย์พี่โจวแล้วก็ศิษย์พี่เหลย”
เยี่ยเทียนผูกพันกับเจ้าเหมาโถวมาก และรักมากที่สุดด้วย ตามหลักพุทธศาสนาที่เชื่อเรื่องผลกรรม ลัทธิเต๋าที่เชื่อเรื่องโชควาสนา เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเองคงจะมีวาสนาจะเป็นอาจารย์ให้เหมาโถว
“อาจารย์คืออะไร? ฉันเรียกนายว่าอาจารย์ด้วย!”
เยี่ยเทียนเพิ่งรับเหมาโถวเป็นศิษย์ คลื่นเสียงอีกระลอกเข้ามากระทบสมองของเยี่ยเทียน เสียงนั้นดังกึกก้องจนวานรขาวที่นั่งสมาธิเดินพลังอยู่สะดุ้งโหยง
ยังไม่ทันดูให้แน่ใจว่าเป็นเสียงอะไร วานรขาวรีบหดหัวลงทันใด นายท่านตัวนี้ไม่ควรไปมีเรื่องด้วยจริงๆ มันหลบออกมาให้ไกลกว่าเดิม แล้วนั่งลงดูดซับพลังจากพลอยวิเศษต่อ
“เสี่ยวจิน? ดวงปัญญาแกเปิดแล้ว?”
เห็นว่าขาหน้าของสิงห์ขนทองหายดีแล้ว เยี่ยเทียนก็ปลื้มใจ
กายหยาบของสิงห์ขนทองนั้นใหญ่โตมาก สามารถข่มกับเหอปู้อวี่ผู้ฝึกถึงระดับเซียนเทียนขั้นสูง แต่จิตวิญญาณของมันยังไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถพูดสื่อสารกับใครได้ ตอนนี้จู่ๆมันพูดออกมา แสดงว่าดวงปัญญาของมันถูกเปิดออกแล้ว
“อืม ฉันก็จะเรียกนายว่าอาจารย์ด้วย”
สิงห์ขนทองผงกหัว แล้วก็พุ่งมาเกาะบนบ่าของเยี่ยเทียน มันอ้าปากขึ้น เสียงดังต่อเนื่องออกมาจากปากมัน
“แต่ว่าฉันอยากเป็นที่สาม เจ้าหนู แกยกให้ฉันเถอะ ต่อไปฉันจะดูแลแกเป็นอย่างดี!”
มันอาเจียนเอาดวงจิตดั้งเดิมของเหอปู่อวี่ออกมาแล้วทำให้มันรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่เพียงแต่ความคิด ยังไปกระตุ้นความสามารถทางการสะท้อนความคิดเป็นคลื่นเสียงซึ่งเป็นความสามารถที่สืบทอดทางสายเลือดของมันออกมา
แต่ความจริงแล้วสิ่งนี้เป็นการโจมตีแบบหนึ่ง ที่ถูกเรียกว่าสิงห์ขนทองคำราม แต่มันกลับใช้วิธีนี้ในการสื่อสารภาษามนุษย์กับเยี่ยเทียน
เฟอร์เร็ตสีขาวเป็นสัตว์วิเศษอีกชนิดหนึ่ง แต่สายเลือดนั้นเทียบสิงห์ขนทองไม่ติด ทั้งด้วยมันออกจะขี้ขลาดขี้กลัวมาก พอถูกสิงห์ขนทองคำรามเข้า มันรีบกระโดดจากบ่าขวาของเยี่ยเทียนลงไปอยู่ในอ้อมอกเขา
“ใครสอนให้แกพูดแบบนี้?”
เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงว่าสิงห์ขนทองจะพูดออกมาได้แบบนี้ เขาโมโหจนตบกะโหลกของมันไปทีหนึ่ง ทำไมมันถึงวุ่นวายขนาดนี้?
“ฉันได้ยินมาจากศิษย์พี่เหลย อาจารย์ ไม่อย่างนั้นฉันจะดูแลอาจารย์ด้วย?”
สิงห์ขนทองน้อยใจจนตาหยี คำพูดพวกนี้ได้ยินมาตอนที่เยี่ยเทียนเก็บตัวฝึกวิชาในทะเล เขาอยู่กับพวกเหลยหู่แล้วบังเอิญได้ยินมา เรือลำนั้นเป็นเรือของสมาคมหงเหมิน เวลาพูดคุยกันจึงไม่ต้องระวังตัว กลับทำให้เจ้าสิงห์ขนทองเรียนเอาสิ่งที่ไม่ดีมาด้วย
“อย่าไปฟังศิษย์พี่เหลยของแกเลย แกเป็นที่สามก็ได้ แต่ว่าอย่าไปรังแกเขา!”
เยี่ยเทียนถูกเจ้าสิงห์ขนทองพูดจนไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร การอบรมสั่งสอนควรทำตั้งแต่เด็ก ต่อไปเขาเองก็ต้องมีลูก และเขาจะไม่ยอมให้เหลยหู่เข้าใกล้ลูกของเขาเด็ดขาด
“แน่นอนอยู่แล้ว ใครกล้ารังแกศิษย์น้อง ฉันจะตะปบมันให้ตายเลย!”
สิงห์ขนทองมีนิสัยแบบเด็กน้อย มันได้ยินเยี่ยเทียนแล้วดีใจจนยั้งไม่อยู่ มันอ้าปากพ่นเอาพลอยวิเศษชิ้นหนึ่งที่ปกติมันใช้เป็นอาหารว่างออกมามอบให้เหมาโถว เพื่อแสดงถึงความเป็นพี่น้อง
“ขอบคุณศิษย์พี่”
เหมาโถวเห็นพลอยชิ้นนั้นแล้วลืมความกลัวไปเสียสนิท มันรีบคาบเอาไว้ในปาก
เยี่ยเทียนนึกขึ้นได้ ก็รีบพูดว่า
“ใช่แล้ว พวกแกสองตัวพอกลับเข้าเมืองไปแล้วต้องใช้การสื่อจิตคุยกันเท่านั้น ห้ามพูดภาษาคนต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด!”