หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 113 ปราบฮูหยิน
บทที่ 113
ปราบฮูหยิน
พวกเขาถูกนำทางมาโดยหลินซีเหยียน เดินทางมายังโรงหมอหุยชุน
และด้วยการช่วยเหลือของช่างช่าน ก็ได้พากันประคอง ฮูหยินสี่ลงมาจากรถม้า จากนั้นก็ได้เขียนสูตรยาให้กับคนในโรงหมอหุยชุน
“ตามที่เขียนในสูตรยานี้ รีบไปหาสมุนไพรต่างๆแล้วเอามาให้ข้าเร็วเข้า” หลินซีเหยียนสั่งคนคนนั้น
จากนั้นนางก็ได้หยิบเอาผ้าพันแผลและยาใส่แผลออกมาแล้วไปหาจงซู่เฟิง ที่กำลังนั่งรออยู่เงียบๆ “คุณชาย ได้โปรดยื่นมาของท่านออกมา ข้าจะได้ทำแผลให้”
จงซู่เฟิงก็ได้ยื่นมือออกมาด้วยความร่วมมือ ซึ่งมือของเขานั้นซีดเผือดเพราะไม่ได้โดนแสงแดดมานานเป็นปี
สีผิวที่ผิดปกติเช่นนี้ สำหรับคนที่รู้วิธีรักษาแล้ว ก็จะมองออกได้ทันทีเพียงแค่มองปราดเดียว หลินซีเหยียนจึงได้พูดขึ้นมา “คุณชาย ท่านป่วยเป็นโรคเรื้อรังเหรอเจ้าคะ?”
เหลยถิงกับช่างช่านที่ยืนอยู่ด้านหลังจงซู่เฟิงนั้น ก็ได้มีแววตาความหวังปรากฏขึ้นมาในดวงตาของพวกเขาทันที บางทีหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขานี้อาจจะช่วยองค์ชายได้ก็ได้
แต่พวกเขาจะโชคดีขนาดนั้นเลยเหรอ?
จงซู่เฟิงเมื่อได้ยินคำถามของหลินซีเหยียนแล้วก็ได้ตอบไปอย่างเลี่ยงๆ “แม่นางคงจะมีความสามารถในการรักษาที่ไม่ธรรมดา ใช่แล้วข้าป่วยเป็นโรคเรื้อรังจริงๆ โรคเรื้อรังนี้ข้าได้มาจากในครรภ์ของแม่และไม่สามารถรักษาได้”
หลินซีเหยียนนั้นไม่พลาดที่จะเห็นดวงตาที่เหม่อลอยของจงซู่เฟิง นางจึงได้หยิกมือของเขา “ไม่มีโรคใดที่ไม่สามารถรักษาไม่หายหรอก ถ้าจะมีก็คงเป็นหมอที่ไร้ความสามารถมากกว่า”
ถึงแม้จงซู่เฟิงนั้นรู้ว่าหลินซีเหยียนนั้นตั้งใจที่จะปลอบเขา แต่หัวใจของเขาก็ได้เต้นเร็วขึ้นมา เมื่อเขามองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว อาการเจ็บปวดที่มือของเขาก็ได้ทำให้เขาได้สติกลับมา
“อ๊ะ โทษทีๆ ข้ามือหนักเกินไปหน่อย” หลินซีเหยียนก็ได้ขอโทษทันที แล้วจากนั้นนางก็ได้เบามือลงเรื่อยๆ
ในขณะที่กำลังพันผ้าพันแผลอยู่นั้น ก็ได้มีร่างเล็กๆวิ่งเข้ามา แต่ก่อนที่หลินซีเหยียนจะได้ทันรู้ตัว ก็ได้มีเสียงแหลมๆดังเข้าหูของนาง
“ท่านแม่”
เมื่อจงซู่เฟิงได้ยินเสียงเรียกเช่นนี้แล้ว เขาก็ได้รีบหันกลับมามองทันที
“แม่นางแต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ?” จงซู่เฟิงก็ได้ยิ้มอย่างฝืนๆ แล้วชักมือกลับมาพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความพ่ายแพ้กลับมา
ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่เจ้าลูกชิ้นขาว โดยไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของคนที่อยู่ข้างหลังนาง
“แม่นาง ข้าอยากรู้ว่าท่านสามารถรักษาโรคเรื้อรังของนายน้อยของข้าได้หรือไม่?” ช่างช่านนั้นไม่อยากที่จะพลาดโอกาสนี้ ถึงแม้ว่าความหวังนั้นจะริบหรี่มากก็ตามที
จงซู่เฟิงก็ได้หลบสายตาลงต่ำ เขานั้นรู้ตัวของเขาดีอยู่แล้ว จึงได้กล่าวด้วยเสียงที่หนักแน่น “ข้านั้นไม่ได้หวังอะไรมาก ข้าแค่หวังว่าข้าจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสักหน่อยเพื่อที่จะได้ทำให้ผู้คนจากสองรัฐนั้นอยู่อย่างปลอดภัยเท่านั้น
มีคนจำนวนมากมายในโลกนี้ที่ยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อให้ตัวมีชีวิตรอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซีเหยียนพบคนที่อยากมีชีวิตรอดเพื่อคนอื่นเช่นนี้
ในขณะที่หลินซีเหยียนคิดที่จะถามคุณชายที่อยู่ตรงหน้านางกลับไปนั้นเอง
“พี่ชาย, ท่านไม่ต้องหมดอาลัยตายอยากขนาดนั้นก็ได้ ด้วยฝีมือของท่านแม่ข้าแล้วท่านจะไม่เป็นอะไรแน่นอน” เทียนเอ๋อก็ได้ยิ้มกริ่มและตบอกของเขา
ริมฝีปากของนางก็ได้กระตุกขึ้นมาแล้วมองไปที่เจ้าลูกชิ้นขาวที่อยู่ตรงหน้านางที่ดันไปตกปากรับคำเสียแล้ว ดูเหมือนว่าเพื่อที่จะปกป้องชื่อเสียงของนางแล้ว ต่อให้ชายหนุ่มคนนี้เป็นโรคร้ายแรงนางก็ต้องหาทางรักษาให้หายให้ได้
“เถ้าแก่ ยาได้แล้ว”
ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังอยากที่จะรู้ว่าจงซู่เฟิงนั้นป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่อยู่นั้นเอง ก็มีชายหนุ่มที่โผล่ออกมาพร้อมกับชามยา หลินซีเหยียนจึงได้เดินไปและป้อนยาเสียก่อน
หลังจากที่ฮูหยินสี่ได้ดื่มยาเสร็จ หลินซีเหยียนจึงได้เตรียมที่จะกลับไปที่จวนมหาเสนาบดี แต่นางก็นึกได้ว่ามีคนไข้อีกคนอยู่ นางจึงได้กล่าว “คุณชายค่อยมาที่นี่อีกทีพรุ่งนี้นะ”
“ได้สิ ข้าขอตัวก่อน” จงซู่เฟิงก็พบว่าแม่นางหลินนั้นมีธุระอื่นที่ต้องสะสาง จึงเป็นการดีกว่าที่เขาจะหลีกไปก่อน
เมื่อหลินซีเหยียนและคนอื่นๆได้กลับมาที่จวนมหาเสนาบดี นางก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีคนที่รออยู่ที่หน้าจวนมหาเสนาบดี แต่ก่อนที่นางจะได้เห็นหน้าชัดๆ คนคนนั้นก็ได้หนีไปเสียก่อน
แล้วก็มีแววตาสีดำปรากฏเข้ามาในดวงตาของ หลินซีเหยียน แล้วจากนั้นนางก็ได้พาหลินซีเหยียนกลับเข้าไปที่เรือน แต่นางก็ยังไม่ได้กลับออกมา
ไม่นานนักฮูหยินอวี้ก็ได้รีบมาหา ทันทีที่นางเขามาในเรือน นางก็ได้กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “นังเฉิงเหยียนมันอยู่ที่ไหน?”
หลินซีเหยียนกำลังนั่งอยู่ที่ม้าหิน และมีแววตาที่ขบขันอยู่ในดวงตาของนาง “ฮูหยินสี่กำลังท้องอยู่และเดินทางไกล ตอนนี้นางกำลังเหนื่อยมากจึงอยากที่จะพักผ่อน!”
“ไปพานังนั่นออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” ฮูหยินอวี้ก็ได้ออกคำสั่งหลินซีเหยียน
“ครั้งที่แล้วฮูหยินอวี้ยังรับบทเรียนไปไม่พออีกเหรอ?”
แล้วก็มีสายลมพัดผ่านหน้าม้าของหลินซีเหยียน จากนั้นนางก็ได้เงยหน้าและยืดมือยืดแขนของนาง และมองไปที่ฮูหยินอวี้อย่างตรงๆ
ฮูหยินอวี้ก็ได้กำหมัดแน่น นางนั้นจะลืมไปได้อย่างไรว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านางนั้นได้ทำร้ายลูกสาวของนาง ดังนั้นนางจะไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน
แม้ฮูหยินอวี้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สายตาของนางก็ได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว
“นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับนังนั่น นี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า?” ฮูหยินอวี้ก็ได้มีแววตาที่มืดดำขึ้นมาและไหล่ของนางก็สั่นเทาแสดงให้เห็นว่านางกำลังโกรธจัด
หลินซีเหยียนก็ได้ยักไหล่แล้วกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ฮูหยินอวี้ข้าจะบอกอะไรเอาไว้อย่าง ในฐานะที่เป็นผู้หญิงมานานหลายปี ท่านควรจะรู้ถึงความร้ายแรงของการฆาตกรรมแม่กับลูกดีนะ”
เสียงที่เหมือนกับกระดิ่งลมของหลินซีเหยียนก็ได้ดังก้องอยู่ในหูของฮูหยินอวี้ และดูเหมือนว่าจะแฝงเอาคำประชดประชันลงไปด้วย
ฮูหยินอวี้โกรธจัดและได้ยกมือขึ้นมาตบหลินซีเหยียน แต่ในขณะที่นิ้วมือของนางกำลังจะสัมผัสหลินซีเหยียน นางก็ได้ยินเสียงดัง “แกร๊ก” มือของนางเจ็บปวดทันที
“เจ้ากล้าดียังไง!” กล้าดียังไงถึงได้ทำกับนางเช่นนี้ นางที่เป็นถึงนายหญิงของจวนนี้ แล้วฮูหยินอวี้ก็ได้สั่นไปทั้งตัวโดยไม่รู้เลยว่านางสั่นเพราะเจ็บหรือโกรธกันแน่
ฮูหยินอวี้นั้นกำลังรอให้คนที่เข้าไปจัดการกับเฉิงเหยียนนั้นออกมา แต่ก็ช้ามากจนผ่านไปตั้งนานแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงา
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ฮูหยินอวี้จากนั้นก็ได้เตือนนางอย่างหวังดี “ฮูหยินอวี้ไม่จำเป็นต้องรอหรอก คนพวกนั้นถูกจัดการไปหมดแล้ว”
“ไม่มีทาง” ฮูหยินอวี้นั้นคิดว่าหลินซีเหยียนนั้นคงจะหลอกนาง เพราะคนตั้งมากมายไม่มีทางที่จะแพ้ผู้หญิงท้องได้อยู่แล้ว
หรือว่าจะมีคนอื่นอยู่ในห้องนั้น แล้วจากนั้นนางก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก แล้วสายตาของนางก็ได้บึ้งตึงทันที “มีชายอื่นอยู่ในห้องของฮูหยินสี่อย่างนั้นสินะ? ข้าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับท่านพี่”
จากนั้นนางก็ได้ให้สาวใช้ไปรายงาน แล้วนางก็ได้อยู่ต่อเพื่อคอยจับตาดู
เป็นฮูหยินที่ร้ายกาจจนถึงขีดสุดจริงๆ ไม่น่าแปลกใจนักเพราะฮูหยินอวี้นั้นเดาว่าจะต้องมีชายอื่นอยู่ในเรือนแน่ หลินซีเหยียนที่คิดเช่นนั้นจึงได้ยิ้มอย่างประชดประชันที่ริมฝีปากของนาง
“เจ้ากำลังยิ้มอะไรอยู่?” บางทีรอยยิ้มนั้นอาจจะเป็นที่ดึงดูดสายตามากเกินไป ทำให้หัวใจของฮูหยินอวี้มีอาการตื่นตระหนก
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ฮูหยินอวี้โดยที่ไม่ได้กล่าวอะไร แต่ก็มีความพอใจในดวงตาของนางอย่างชัดเจน
ฮูหยินอวี้ก็รู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ นางนั้นอยากที่จะบุกเข้าไปในเรือนด้วยตัวเองเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ในขณะที่นางกำลังจะทำเช่นนั้น มหาเสนาบดีหลินก็ได้มาถึงเสียก่อน
“นางอยู่ที่ไหน?” เขาที่เป็นถึงมหาเสนาบดีของรัฐนี้ เขานั้นไม่เคยถูกสวมเขามาก่อนเลย ในเวลานี้เขาจึงได้โกรธจัด
ฮูหยินอวี้จึงได้คลายความกระวนกระวายในใจของนางออกมา แล้วไปหามหาเสนาบดีหลินจากนั้นก็ชี้ไปในห้องนั้น “ท่านพี่ นางอยู่ในห้องนั้นพร้อมชู้รักของนางด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ”