หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 217 ข้าไม่อนุญาต
บทที่ 217
ข้าไม่อนุญาต
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ หลินซีเหยียนก็ได้ปล่อยมือของเขา แต่สีหน้าของนางนั้นยังคงหนักอึ้งอยู่
ป้าเฉินที่ยืนดูอยู่ ก็ได้รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาเมื่อนางเห็นสีหน้าของหลินซีเหยียน “คุณหนูรองเจ้าคะ คุณชายเขา….”
หลินซีเหยียนก็ได้สติคืนมา เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของป้าเฉินแล้วนางก็ได้ชะงักขึ้นมา เกรงว่าสีหน้าของนางนั้นคงจะจริงจังมากเกินไปจนทำให้ป้าเฉินรู้สึกกลัว นางจึงได้รีบยิ้ม
“ป้าเฉินไม่ต้องกังวลหรอก ร่างกายของพี่ใหญ่หลินไม่เป็นอะไรมาก ก็แค่เขาเสียเลือดมากไปก็เท่านั้น”
หลังจากที่พูดจบ หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่ หลินหนานเฟิง
นอกจากจะติเตียนแล้วก็ยังมีแววตาเป็นกังวลในดวงตาของนางด้วย ซึ่งทำให้หลินหนานเฟิงนั้นรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาแต่เขาก็รู้สึกดีใจที่หลินซีเหยียนช่วยเขาปิดบัง
“แค่เสียเลือดมากงั้นเหรอ?” ป้าเฉินก็เหมือนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แล้วก็ถามหลินซีเหยียนด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณหนูรองเจ้าคะ ท่านตรวจดูคุณชายให้ดีๆนะเจ้าคะ ในตอนที่เขากลับมาเมื่อคืนนี้น่ะ ไม่เพียงแต่จะเลือดท่วมตัวแล้ว แต่ที่ปากของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด และริมฝีปากก็ยังดำม่วงด้วยนะเจ้าคะ”
จากนั้นป้าเฉินก็เหมือนจะรำลึกเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาได้ ภาพตอนนั้นน่ากลัวมาก ท้องฟ้ามืดมิดและลมก็แรง นางเปิดหน้าต่างออกไปและเฝ้ามองไปที่ถนนเพื่อรอหลินหนานเฟิงกลับมา
แต่หลังจากรออยู่พักใหญ่ๆ นางก็ได้เลิกรอและเตรียมที่จะไปนอน แต่แล้วประตูจู่ๆก็เปิดออกมาเองและเป็น หลินหนานเฟิงที่กลับเข้ามา
ในเวลานั้นในหัวของนางนั้นก็รู้สึกสับสนขึ้นมา และพบว่ามีมีดที่ดูสวยงามปักอยู่ที่ท้องของเขา เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้นางรู้สึกกลัวมาก
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวเมื่อนางได้ยินที่พูด “ไม่ต้องกังวลป้าเฉิน ข้าไม่ล้อเล่นกับอาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่หลินหรอก”
ป้าเฉินก็ได้ผงกหัว จากนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่ามีเสื้อผ้าที่นางต้องเย็บให้เรียบร้อย นางจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “คุณหนูรองเจ้าคะ พวกท่านพูดคุยกันไปก่อน ป้าขอตัวไปเย็บชุดที่อีกห้องก่อนนะเจ้าคะ”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว ในโรงเตี๊ยมนั้นได้เช่าเอาไว้สองห้องอยู่ตรงข้ามกันเพื่อเป็นห้องพักของหลินหนานเฟิงกับป้าเฉิน ดังนั้นป้าเฉินจึงไม่ได้ยินเสียงของทั้งคู่พูดคุยกันในเวลานี้
ดังนั้นหลินซีเหยียนจึงได้ไม่ปิดบังอีกต่อไป แล้วจ้องไปที่หลินหนานเฟิงอย่างเงียบๆ
สำหรับหลินหนานเฟิงแล้วการตำหนิอย่างเงียบๆเช่นนี้เจ็บปวดไม่แพ้ต่อยหรือเตะเลย
มองไปที่หลินซีเหยียนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา หลินหนานเฟิงก็ได้รู้สึกถึงความไร้พลังของตัวเอง เขานั้นรู้สึกได้ว่าหลินซีเหยียนนั้นโกรธก็เพราะเป็นห่วงเขา
เขานั้นควรที่จะขอโทษนาง แต่ด้วยความโง่เขลาของเขาแล้วจึงไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรดีไปชั่วขณะหนึ่ง
แล้วห้องนั้นก็ได้ตกอยู่ในความเงียบที่น่าอึดอัด ซึ่ง หลินซีเหยียนนั้นครุ่นคิดอยู่ว่าจะรักษาพิษของหลินหนานเฟิงเช่นไรดี พิษที่อยู่ในร่างกายของเขานั้นรุนแรงมาก แต่ก็ถูกสะกดเอาไว้ได้ด้วยวิธีที่ไม่รู้จัก
ถึงแม้ว่าพิษนั้นจะถูกสะกดเอาไว้ได้สักระยะก็ตามที แต่นั่นก็เป็นการรักษาที่ปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ ยิ่งไปกว่านั้นพิษหลังจากที่ถูกสะกดเอาไว้จะทำให้พิษรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงที่เบาราวกับยุงบินดังเข้าหูของนาง “ข้าขอโทษ”
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาแล้วจากนั้นก็ยิ้ม
ด้วยความที่นางเกิดมาหน้าตาดี เมื่อนางยิ้มขึ้นมาเช่นนี้แล้วก็ราวกับว่าทั้งห้องนี้ได้สว่างไสวขึ้นมาในสายตาของ หลินหนานเฟิง เขาจึงได้หลับตาลงแล้วทำสีหน้าที่อ่อนโยนลงมา
“ท่านพี่หลิน ท่านสะกดพิษนี้ไว้ในร่างของท่านได้อย่างไร?”
“ข้าทานยาถอนพิษที่ซื้อมาจากตลาดมืดน่ะ”
หลินหนานเฟิงนั้นไม่กล้าที่จะทำให้น้องสาวของเขาโกรธอีก จึงได้ตอบหลินซีเหยียนไปตามที่นางถาม
ทันทีที่เขาพูดออกมา หลินซีเหยียนก็รู้ในสิ่งที่นางต้องการเกือบหมดแล้ว จากนั้นนางก็ได้กล่าว “เราจะต้องขจัดพิษนี้ออกโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นเมื่อใดที่ยานี้หมดฤทธิ์ ก็เกรงว่าสถานการณ์คงได้ไม่สู้ดีแน่”
หลินหนานเฟิงก็ได้ผงกหัว เขานั้นรู้สภาพร่างกายของตัวเองดี แต่เขาก็ไม่กลัวเพราะน้องสาวของเขาจะต้องรักษาเขาได้แน่
เขาจึงได้ยิ้มและกล่าว “เรื่องนี้พักเอาไว้ก่อน ตอนนี้เรามาคุยเรื่องของจวนมหาเสนาบดีก่อน!”
เมื่อพูดถึงเรื่องของจวนมหาเสนาบดีแล้ว สีหน้าของ หลินหนานเฟิงก็ได้เยือกเย็นขึ้นมา และใบหน้าของหลินซีเหยียนก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน
“ในเวลานี้ตำแหน่งของมหาเสนาบดีหลินในราชสำนักนั้นกำลังสั่นคลอน เขาจึงต้องการคนช่วย แล้วพี่ใหญ่ท่านเป็นคนที่เขาต้องการในเวลานี้”
ในตอนที่หลินหนานเฟิงยังเด็กนั้น เขาได้แอบตามป้าเฉินออกมาจากจวนเพื่ออาศัยอยู่ด้วยกัน เขาจึงได้ไม่มีความรู้สึกผูกพันใดๆกับมหาเสนาบดีหลิน
“แล้วเมื่อไร?” หลินหนานเฟิงก็นึกขึ้นได้ว่าเขานั้นยังมีธุระที่ต้องสะสางให้เสร็จ เขานั้นกลัวว่ามันอาจจะสร้างปัญหาให้กับหลินซีเหยียนได้
“พรุ่งนี้” หลินซีเหยียนได้พูดให้หลินหนานเฟิงฟังอย่างชัดเจน “ยิ่งท่านพี่ได้กลับไปที่จวนมหาเสนาบดีอย่างเป็นทางการได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี แต่ถ้าช้าเกินไปข้าเกรงว่าอาจจะมีอะไรผิดพลาดได้”
หลินหนานเฟิงก็ได้คิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วจากนั้นเขาก็ได้เงียบลงไป
เขานั้นคิดว่าปัญหาของเขาก็ควรจะจัดการมันด้วยตัวเองแต่เขาจำต้องรีบแล้ว ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะให้มีชีวิตอยู่รอดแล้วเขาได้เข้าร่วมกับองค์กรลอบสังหาร และในเวลานี้ถ้าเขาอยากที่จะออก เขาก็จำต้องทำทั้งสามอย่างให้กับองค์กรเสียก่อน ในเวลานี้เขาทำเสร็จไปแล้วสองอย่างและเหลืออีกแค่อย่างสุดท้ายอย่างเดียวเท่านั้น!
ขอเพียงแค่รอดจากงานสุดท้ายให้ได้เท่านั้น
ความเงียบของเขานั้นได้ทำให้หลินซีเหยียนนั้นได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล หลินซีเหยียนจึงได้จ้องด้วยดวงตาหงส์ไฟของนาง “พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้ปิดบังอะไรจากข้าจะดีกว่า”
เมื่อถูกจ้องมองเช่นนี้ หลินหนานเฟิงก็รู้สึกราวกับถูกมองทะลุปรุโปร่งขึ้นมาทันที เขากระแอมด้วยสีหน้าที่ไม่ปกติเล็กน้อย แล้วจากนั้นก็กล่าว “ข้าติดหนี้ใครบางคนเอาไว้และข้าจะต้องชดใช้คืนให้เขาน่ะ”
หลินซีเหยียนที่เห็นว่าหลินหนานเฟิงนั้นยังคงลังเลที่จะพูด และคิดว่าอีกฝ่ายเองก็คงจะมีความคิดของตัวเอง นางจึงไม่อาจที่จะก้าวก่ายไปมากกว่านี้ได้จึงทำได้แค่กล่าวออกไป “ถ้าท่านพี่จำเป็นต้องการข้า ก็ขอให้บอกมาได้เลย”
เมื่อได้ยินที่พูดมา สีหน้าของหลินหนานเฟิงก็ได้ผ่อนคลายลงอย่างมาก แม้แต่ริมฝีปากบางๆของเขาก็ได้ประกบกันแน่นด้วยความรู้สึกยินดี
หลังจากนั้นหลินซีเหยียนกับหลินหนานเฟิงก็ได้นัดแนะกัน ว่าจะไปพบกันที่โรงหมอหุยชุนในยามบ่าย
หลินซีเหยียนก็ได้เดินไปที่โรงหมอหุยชุนก่อนเพื่อเตรียมตัว
แต่ก็ไม่คาดคิดว่าที่โรงหมอหุยชุนที่นางไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานแล้วนั้น จะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
ที่หน้าประตูของโรงหมอหุยชุนนั้นไม่ได้โล่งเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่มีผู้ป่วยต่อคิวกันมากมาย และดูงานของที่นี่วุ่นวายมาก
ซึ่งหลังจากที่ได้ยินสำเนียงของผู้ป่วยเหล่านี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะมีคนมากมายที่มาจากต่างเมืองอีกด้วย
“เถ้าแก่เนี้ย ในที่สุดท่านก็กลับมา” ลูกจ้างหนุ่มของโรงหมอหุยชุนเมื่อเห็นหลินซีเหยียนก็ได้รีบมาหานาง
เมื่อหลินซีเหยียนเข้ามาในโรงหมอ นางก็พบว่าหมอหลงจงกับหมอชิงจู๋นั้นช่วยกันรักษาคนไข้กันอย่างขะมักเขม้น
“เถ้าแก่เนี้ย ช่วงนี้มีคนไข้เข้ามาที่โรงหมอหุยชุนของเรามากขึ้นเรื่อยๆ เถ้าแก่เนี้ยช่วยเปลี่ยนสถานที่ด้วยเถอะ ที่นี่รับคนไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ก่อนหน้านี้หลินซีเหยียนคิดว่าที่นี่เป็นที่ไกลผู้คนและไม่คาดคิดว่าจะมีคนมารักษามากขนาดนี้ นางจึงได้เลือกร้านเล็กๆที่พอจะให้ 5-6 คนเข้ามารอข้างในได้ถึงจะแออัดสักหน่อย
แต่เมื่อนึกถึงแถวที่ยาวเป็นมังกรที่รออยู่นอกร้านแล้ว นางก็ได้กัดริมฝีปากของตัวเองแล้วคิด “ดูเหมือนจำเป็นที่จะต้องเลือกร้านที่ใหญ่กว่านี้แล้วจริงๆ”
แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากหากจะค่อยจัดการทีหลัง ที่ต้องทำในเวลานี้คือเตรียมสมุนไพรสำหรับใช้ถอนพิษให้พี่ใหญ่หลินก่อน
ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังวุ่นวายอยู่นั้น เจียงหวายเย่ก็ได้เดินทางกลับมาจากกุ้ยโจวด้วยรถม้า
และเพราะกำลังภายในของเจียงหวายเย่กลับมาแล้ว การเดินทางของพวกเขาจึงเร็วมากขึ้นกว่าเดิม