หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 226 หอเสียงสัมผัสสมบูรณ์
บทที่ 226
หอเสียงสัมผัสสมบูรณ์
กลับไปยังเรือนเชียนเหยียน หลินซีเหยียนก็ได้กลับไปที่ห้องเพื่อนอนพักผ่อน แต่นางก็ยังไม่ได้นอนหลับลงทันที แล้วนางก็ได้กำมือของนางแน่น “มหาเสนาบดีหลิน, ฮูหยินอวี้ เวลาของการลงทัณฑ์กำลังจะมาถึงในไม่ช้าแล้ว”
แล้วคำพูดที่หนาวเหน็บนั้นก็ได้ค่อยๆสลายไปในห้องนั้น
วันต่อมาหลินซีเหยียนก็ได้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตา แล้วทันทีที่นางออกมาจากห้องนางก็พบหลินหนานเฟิงกับเทียนเอ๋อ สองคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะรอทานอาหาร
ป้าแม่ครัวนั้นไม่รู้ว่าหลินหนานเฟิงชอบกินอะไรนางจึงได้ทำออกมาหลายๆแบบรวมถึงอาหารรสจัดบางอย่าง ด้วยวิธีนี้จะได้มีบางอย่างที่ถูกปากเขาบ้าง
เมื่อเห็นหลินซีเหยียน หลินหนานเฟิงก็ได้ผงกหัวเป็นเชิงทักทาย
และเพราะเมื่อคืนนั้นนางไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มนัก หลินซีเหยียนจึงได้ขอบตาคล้ำจางๆ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับท่าทางของหลินซีเหยียน
“ท่านลุง ข้าได้ยินมาจากท่านแม่ว่าท่านนั้นเป็นจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สูงส่ง ในอนาคตหากว่าท่านจะออกท่องยุทธภพช่วยพาเทียนเอ๋อไปด้วยได้ไหม?”
ดวงตาของเทียนเอ๋อเต็มไปด้วยความปรารถนา เพราะการได้เป็นจอมยุทธ์นั้นคือสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กแล้ว เขาใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้ลงโทษคนไม่ดีและปราบปรามความชั่วร้าย
แต่ทว่าตราบเท่าที่มีผู้คนอยู่รวมกัน ก็ย่อมที่จะมีแผนร้ายก่อเกิด จึงไม่มีที่ใดที่มีแต่ความดีงามบนผืนแผ่นดินนี้
หลินซีเหยียนนั้นไม่อยากที่จะทำลายความฝันของ เทียนเอ๋อ นางจึงได้ตีเข้าไปที่หัวน้อยๆของเขาเบาๆแล้วกล่าว “อยู่กับแม่ที่นี่ไม่ดีรึยังไง? ทำไมเจ้าถึงได้ชอบที่จะออกไปท่องยุทธภพอยู่เรื่อยเลยนะ”
เทียนเอ๋อจึงได้แลบลิ้นออกมาแล้วรีบวิ่งไปหา หลินซีเหยียน “ท่านแม่นั้นสุดยอดที่สุดแล้ว แต่เทียนเอ๋อไม่คิดว่าที่จวนมหาเสนาบดีแห่งนี้น่าอยู่นี่นา!”
เด็กมักไม่พูดโกหก ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้มืดดำขึ้น นางนั้นรู้ดีว่าการที่พาเทียนเอ๋อมาที่แห่งนี้นั้นเป็นความคิดที่ผิดจริงๆ นางจึงได้สัญญากับเขา “เอาไว้แม่จะพาเจ้าออกไปท่องยุทธภพเองยามที่เจ้าโตกว่านี้แล้วดีไหม?”
เทียนเอ๋อที่หดหู่เมื่อสักครู่ก็ได้ตื่นเต้นขึ้นมา เขาจับมือของหลินซีเหยียนกับหลินหนานเฟิงแล้วกล่าว “ท่านแม่ ท่านพาท่านอาจารย์กับท่านลุงไปด้วยนะ!”
“ก่อนหน้านั้นเจ้าต้องถามท่านลุงกับท่านอาจารย์ของเจ้าก่อนนะ” หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มตอบ รอยยิ้มของนางนั้นสว่างไสวมาก เจิดจ้าราวกับพระอาทิตย์ยังไงอย่างงั้น
แล้วสาวใช้ในเรือนเชียนเหยียน อย่างจิ่งชุนกับรั่วฉุ่ยนั้นเมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว พวกนางต่างก็มีความสุขที่ได้เห็นคุณหนูของพวกนางนั้นยิ้มออกมาจากใจเช่นนี้
ในจวนมหาเสนาบดีที่น่าหดหู่เช่นนี้ ด้วยการมาอยู่ร่วมของหลินหนานเฟิงนั้น ทำให้หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้สู้อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป จึงทำให้นางอารมณ์ดีอย่างมาก
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเจียงหวายเย่ก็ได้เข้ามา วันนี้เขาก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขามา
“วันนี้ที่หอเสียงสัมผัสสมบูรณ์มีการจัดงาน เสี่ยวเหยียนเอ๋อสนใจไปร่วมสนุกไหม?”
เจียงหวายก็ได้เดินไปหาหลินซีเหยียนแล้วนั่งลง แล้วจากนั้นเขาก็ได้ตักเอาที่หลินซีเหยียนทานเหลือขึ้นมากิน
“เอ่อ ถ้าท่านอยากที่จะกิน ก็ให้คนไปเอาชามกับตะเกียบมาอีกชุดสิ” หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดแล้วแสดงสีหน้าไม่พอใจกับการกระทำของเขา
เจียงหวายเย่ก็ได้ส่ายหัวเบาๆ “เสี่ยวเหยียนเอ๋อไม่ต้องมองเราเช่นนี้ก็ได้”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ได้กะพริบตาให้หลินซีเหยียน
หลินหนานเฟิงนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และอยากที่จะเป่าให้เจ้าหมูตรงหน้าเขากระเด็นหายไปจริงๆ เขามองไปที่ หลินซีเหยียนแล้วก็มองไปที่เจียงหวายเย่ด้วยสีหน้าเศร้าๆ
หัวกะหล่ำปลีงามๆต้องถูกกินไปเสียแล้ว
รอจนกระทั่งเจียงหวายเย่กินอาหารเสร็จ เทียนเอ๋อก็ได้เข้ามาหาแล้วกล่าว “ท่านอาจารย์ เทียนเอ๋อก็อยากเห็นอะไรสนุกๆบ้าง”
เจียงหวายเย่นั้นเดิมทีวางแผนจะไปแค่เขากับ หลินซีเหยียน เพื่อที่จะได้สานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมพาเจ้าพระอาทิตย์ดวงน้อยไปด้วย
“เจ้ายังเล็กอยู่ อยู่ที่บ้านเล่นกับลุงของเจ้าไปก่อน” เจียงหวายเย่ก็ได้ลูบหัวของเทียนเอ๋อ แล้วจากนั้นก็ได้พา เทียนเอ๋อไปให้หลินหนานเฟิง
เดิมทีเขานั้นอยากที่จะหาให้อะไรหลินหนานเฟิงทำบ้าง เพื่อที่จะได้หยุดมองมาที่เขากับเสี่ยวเหยียนเอ๋อเสียที มันส่งผลต่อการสานความสัมพันธ์ของเขา
เทียนเอ๋อก็ได้บิดริมฝีปากแล้วมองดูอย่างไม่พอใจ แล้วกลับไปยังที่นั่งของเขาอย่างโมโห
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เราได้สั่งให้คนไปเตรียมรถม้ามาให้พร้อมแล้ว เดี๋ยวเราไปกันเลยเถอะ!”
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ถูกพามาที่หน้าประตูจวนมหาเสนาบดี แต่ก็พบว่าไม่ได้มีรถม้าเพียงแค่คันเดียว แต่ว่ามีถึงสาม
โดยที่ไม่ได้มองดูอย่างตั้งใจ ก็พบว่ามีคนโผล่หัวออกมาจากรถม้าหนึ่งในสองคันนั้น
“พี่สาม ท่านเองก็จะไปที่เสียงสัมผัสสมบูรณ์ด้วยเหรอเจ้าคะ?” หลินรั่วจิ่งก็ได้โผล่หัวออกมาจากรถม้าคันแรกด้วยความยินดีอย่างมาก “ข้านึกว่าท่านพี่จะไม่ชอบอะไรแบบนี้ ถ้าข้ารู้ว่าท่านพี่ชอบ ข้าจะได้ชวนท่านพี่มาด้วย”
แล้วคนจากรถม้าคันที่สองที่ได้ยินเสียงพูดคุยกัน ก็ได้เปิดม่านออกมาและเผยให้เห็นใบหน้าที่ตกแต่งมาเป็นอย่างดี
เดิมทีนางนั้นมีความสุขราวกับดอกท้อ แต่พอสายตาของนางมองปราดไปที่หลินซีเหยียน ใบหน้าของหลินเสวี่ยเหยียนก็ได้หดหู่ลงมาแล้วกล่าวอย่างแปลกๆ “ฮึ สงสัยพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก! แม้แต่พี่สามเองก็จะไปที่หอเสียงสัมผัสสมบูรณ์งั้นเหรอ?”
เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลง แต่รูปโฉมที่ธรรมดาของเขากลับปล่อยความรู้สึกอันตรายออกมา
หลินรั่วจิ่งก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างชาญฉลาด ด้วยแววตาพินิจพิจารณาของนาง ก็พบว่าใบหน้าและการแต่งตัวที่ดูธรรมดาๆของเจียงหวายเย่นั้น แต่กลับทำให้นางมองเห็นไม่เป็นเช่นนั้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
นางจึงได้สลายบรรยากาศหนักอึ้งนี้ด้วยรอยยิ้ม “อย่ามัวแต่อยู่เฉยๆเลย นี่ก็ใกล้เวลาที่หอเสียงสัมผัสสมบูรณ์จะเปิดแล้ว ถ้าพวกเราไปช้าอาจจะไม่ได้เข้าไปก็ได้นะ”
“น้องหกปล่อยพวกเขาไว้ที่นี่แล้วไปกันก่อนเถอะ!” หลินเสวี่ยเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าติเตียน “อย่างไรเสียคนไร้ความสามารถอย่างนาง เกรงว่าคงจะไม่ได้เข้าไปที่นั่นหรอก”
“แล้วถ้าข้าเข้าไปในหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์ได้ล่ะ?”
หลินซีเหยียนก็ได้เผยรอยยิ้มที่มั่นใจบนใบหน้าของนาง แสงแดงที่ส่องบนใบหน้าของนางนั้น ได้ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวนางถึงกับต้องสูญเสียสีของตัวเองไป
ทำเอาผู้คนโดยรอบถึงกับต้องอึ้ง
ด้วยใบหน้างดงามที่เจิดจ้าและน่าดึงดูดนี้ ทำให้ หลินเสวี่ยเหยียนต้องเอามือกับผ้าม่านรถม้าแน่น ด้วยความรู้สึกอิจฉาหลินซีเหยียน
“ท่านพี่สามอย่าได้สนใจที่พี่สี่พูดเลย พวกเราไปด้วยกันหมดนี่แหละและจะไม่มีใครมาห้ามพวกเราได้แน่นอน”
คำพูดของหลินรั่วจิ่งนั้นมองผิวเผินแล้วเหมือนอยากจะช่วยเหลือหลินซีเหยียน แต่ผู้คนต่างก็รู้กันดีว่าคุณหนูรองบ้านมหาเสนาบดีหลินนั้นเป็นผู้หญิงที่ไร้พรสวรรค์, ไร้ความสามารถ และไร้ศีลธรรม
ถ้าหากต้องอาศัยตัวเองอย่างเดียวแล้ว ก็เกรงว่าจะไม่สามารถเข้าหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์ได้เลยตลอดชีวิตของนาง
เมื่อได้ยินที่พูดความอิจฉาของหลินเสวี่ยเหยียนก็ได้หายไป แต่นางเองก็ไม่อยากที่จะเห็นหลินซีเหยียนนั้นเข้าไปในหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์เช่นกัน “น้องหก เจ้าก็ใจดีเกินไป คนที่อวดดีอย่างพี่สามน่ะเหรอจะยอมรับความใจดีของเจ้าน่ะ”
หลินซีเหยียนก็ไม่ได้สนใจที่ทั้งสองคนนั้นพูด แต่มองไปที่หลินรั่วจิ่งด้วยความใจเย็น “น้องหกเจ้าใจดีจริงๆ แต่เสียใจที่ข้าคงต้องปฏิเสธ”
หลินเสวี่ยเหยียนทำสีหน้าอย่างชัดเจน ราวกับพูดกับคนอื่นโดยไม่ต้องพูด: เห็นไหม ข้าเดาผิดที่ไหน!
“แต่ทว่าข้านั้นอยากที่จะพนันสักหน่อยกับน้องสี่ ถ้าข้าหากว่าข้าสามารถเข้าไปที่หอเสียงสัมผัสอิสระได้ด้วยตัวเองล่ะ เจ้าจะว่ายังไง?” น้ำเสียงนี้เหมือนจะไม่พอใจนิดหน่อยและแฝงด้วยความโมโหอย่างมาก
หลินเสวี่ยเหยียนนั้นรู้ดีว่าหลินซีเหยียนนั้นเป็นเช่นไร ต่อให้นางโชคดีพอที่จะได้วิชาการรักษาที่สุดยอดมาและการเขียนหนังสือที่งดงามก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีความรู้ความสามารถในหัวของนาง แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่นางจะเข้าใจเรื่องของความงามของบทประพันธ์และเหล่าแขกที่สง่างามเช่นนี้
ดังนั้นจะให้นางไม่กล้าเดิมพันได้อย่างไร?