หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 229 ความคิดของผู้ยิ่งใหญ่มักคล้ายคลึงกัน
บทที่ 229
ความคิดของผู้ยิ่งใหญ่มักคล้ายคลึงกัน
หลังจากที่ได้ยินที่หลินเสวี่ยเหยียนพูดถึงหลินซีเหยียนแล้ว เหล่าคุณหนูทั้งหลายที่ได้ยินก็ถึงกับเปลี่ยนสีหน้าทันที แล้วมองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตารังเกียจ ในสายตาของพวกนางแล้วการกระทำของหลินซีเหยียนนั้นมันสำส่อนเกินไปแล้ว
หลินเสวี่ยเหยียนนั้นรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศโดยรอบแล้วรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก นางอยากที่จะเห็นหลินซีเหยียนถูกรังเกียจและตราหน้าว่าเป็นพวกไร้ค่า
ถ้าไม่ใช่เพราะนางอยู่ที่นี่ในเวลานี้ นางคงจะหัวเราะเยาะและชี้หน้าหลินซีเหยียนไปแล้ว
ท่ามกลางสีหน้าดูหมิ่นของผู้คนแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้จับมือของเจียงหวายอย่างนุ่มนวล “เขายังไม่ได้แต่งงาน ข้าเองก็ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วจะทำไม?”
ในชั่วขณะนั้นเอง ทุกคนรอบๆต่างก็ตกตะลึง รวมถึงเจียงหวายเย่ด้วย
หลังจากที่ฟื้นจากอาการตกใจ เจียงหวายเย่ก็ได้เคลิบเคลิ้มไปกับความสุข ดวงตาของเขาที่ปกติดำมืดและเย็นยะเยือกก็ได้อ่อนโยนลงมาเล็กน้อย
“การแต่งงานคือพิธีสำคัญชั่วชีวิต โดยปกติจะต้องเป็นคำสั่งมาจากพ่อแม่และคำพูดของผู้จับคู่ เจ้าจะมาตัดสินใจเองได้อย่างไร?” หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ทำเป็นประหลาดใจ แล้วจากนั้นก็ได้รีบเปลี่ยนเป็นเสียใจ “หรือว่าจะไม่มีพ่อแม่ในสายตาของท่านพี่กัน?”
ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเนรคุณอย่างมาก
“หลินซีเหยียน อย่างเจ้าไม่สมควรที่จะเกิดเป็นคนหรอก!” ไฉ่อันเชิงได้พูดราวกับคลื่นไส้โดยไม่ปิดบัง แต่ก็ยังไม่ลืมเรื่องพิษของลูกพี่ลูกน้องเขา “วันนี้หากว่าเจ้ามอบยาถอนพิษมา ข้าก็จะให้อภัยเรื่องที่เจ้าเป็นผู้หญิงสำส่อนและอกตัญญูก็ได้”
ไฉ่อันเชิงกล่าวด้วยความรู้สึกเหนือกว่าผู้อื่น และมองไปที่เจียงหวายเย่อย่างดูถูกดูแคลน
เดิมทีในวันนี้เขาคิดที่จะพาเสี่ยวเหยียนเอ๋อมาสนุกด้วยกันแท้ๆ แต่ไม่คิดว่าพวกคนหนุ่มมีความสามารถในเมืองหลวงนี้ล้วนแล้วแต่มีศีลธรรมเช่นนี้ ช่างน่าผิดหวังเสียจริงๆ
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่เหล่าคนโง่ด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย แล้วถามด้วยเสียงเบาๆและน่าดึงดูด “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าต้องการให้เปิ่นหวางจัดการกับพวกเขาไหม?”
รอยยิ้มที่กระหายเลือดนี้ได้เพิ่มความน่าหลงใหลที่ชั่วร้ายให้กับใบหน้าธรรมดาๆที่ปลอมตัวอยู่ของเขา
ร่างกายของผู้คนก็ได้นำหน้าสมองของพวกเขาไปแล้ว พวกเขารู้สึกได้ถึงความกลัวแล้วตัวก็เริ่มสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
มองไปที่ชายที่อยู่ตรงหน้าหลินซีเหยียน ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นคนที่ดูธรรมดามากแท้ๆ แต่กลับสามารถทำให้พวกเขารู้สึกอยากที่จะยอมแพ้ขึ้นมาได้
ไฉ่อันเชิงก็ได้กัดฟันและพยายามที่จะฝืนไม่สั่นกลัว “แกเจ้าชนชั้นต่ำ คิดที่จะทำร้ายทายาทขุนนางในพระราชสำนักอย่างนั้นเรอะ?”
“ชนชั้นต่ำ?” หลินซีเหยียนผู้ที่ถูกปกป้องอยู่นั้น ก็ได้รู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับคำพูดนี้ แล้วนางก็ได้มองไปที่ไฉ่อันเชิงด้วยสายตาที่ติเตียนโดยไม่ปิดบัง “ชนชั้นต่ำ? นั่นคือคำพูดของคุณชายที่มีการศึกษาเขาพูดกันอย่างนั้นเหรอ?”
“เป็นแค่ชนชั้นต่ำที่มาขออาศัยอยู่ในรัฐเจียงแท้ๆ แต่กลับมาพูดจาไร้สาระที่นี่ การที่ข้าจะพูดดูถูกเขามันผิดตรงไหนอย่างนั้นเหรอ?” ไฉ่อันเชิงได้พยายามพูดให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่พุ่งเป้าความโกรธไปที่เจียงหวายเย่
แต่ที่พวกเขาไม่รู้เลยคือในด้านของฐานะแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครที่เทียบกับเจียงหวายเย่ได้เลย
ส่วนเจียงหวายเย่ที่ถูกยั่วโมโหโดยคำพูดเมื่อสักครู่นั้น กลับกำลังรู้สึกมีความสุขอย่างมากกับการออกมาปกป้องของหลินซีเหยียนในเวลานี้
หลินซีเหยียนเองก็เริ่มรู้สึกว่าเจียงหวายเย่นั้นขี้เกียจและผลักภาระมาให้นาง นี่มันอะไรกัน? คนที่จะออกมาปกป้องแต่กลับถูกรังแกโดยคนอื่นเช่นนี้
“หึ เจ้าน่ะไม่ได้แค่ผิดเฉยๆหรอกนะ แต่ผิดมหันต์เลยต่างหาก” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็นและแฝงไปด้วยเย้ยหยัน “อย่างที่คนพูดเอาไว้ น้ำสามารถพยุงเรือได้ให้ลอยได้ก็สามารถคว่ำเรือให้จมได้เช่นกัน ผู้คนเปรียบเสมือนรากฐานของประเทศ แต่เจ้ากลับไปพูดดูถูกรากฐานของประเทศเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถมากพอที่จะปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามืออย่างนั้นเหรอ?”
คำพูดง่ายเพียงไม่กี่คำ นางได้ใช้คำพูดที่สั่นไหวอย่างรากฐานของประเทศและปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ ตอกใส่ลงไปในหัวของไฉ่อันเชิง
อย่างไรเสียไฉ่อันเชิงนั้นอายุยังน้อยนัก เพียงแค่เจอคำพูดเช่นนี้ แต่เขาก็รู้สึกเสียเปรียบไปชั่วขณะหนึ่ง โดยไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลย
“แม่นางหลินนั้นช่างมีวาจาที่ชาญฉลาดยิ่งนัก”
คำพูดที่สุภาพและแฝงไปด้วยรอยยิ้มได้ลอยเข้าหูของทุกคน เมื่อนางหันหน้าไปก็พบคุณลุงในชุดสีขาวและสวมกวานหยกไว้บนหัวของเขา
คุณลุงท่านนี้ดูจากโครงกระดูกแล้วน่าจะอายุราวๆ 40 แต่เพราะดูแลรักษาตัวเป็นอย่างดี ใบหน้าจึงดูเหมือนคนอายุ 30 ต้นๆเท่านั้น
และยังรู้สึกได้ถึงความงามที่อยู่ในตัวเขา แม้จะอายุปูนนี้แล้วแต่ก็ยังคงมีหญิงสาวจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบเขาเป็นแน่
หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มแล้วตอบกลับอย่างไม่สุภาพนัก “ท่านกล่าวชมเกินไปแล้ว”
เมื่อทุกคนรอบๆได้เห็นตัวตนของชายคนนั้นแล้ว พวกเขาต่างก็ได้สำรวจตนเองทันทีเพื่อดูว่ามีอะไรผิดไปหรือเปล่า
แล้วในขณะเดียวกันหัวใจของทุกคนก็ได้เป็นสุขขึ้นมา เพราะคนที่มานั้นคือไป๋รุ่น ผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงสัมผัสสมบูรณ์ ผู้ที่เกลียดชังคนที่สกปรก และน่ารังเกียจมากที่สุดในชีวิตของเขา
ซึ่งในวันนี้หลินซีเหยียนก็ได้ตกเป็นเป้าหมายพอดี อย่างที่รู้กันว่าไป๋รุ่นนั้นมีวิธีที่ใช้ทำความสะอาดผู้คนได้ไม่รู้จบ
ในขณะที่ทุกคนกำลังมองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาแปลกๆและรอดูนางทำตัวเองขายหน้า แต่แล้วไป๋รุ่นก็ได้หัวเราะออกมา
ไป๋รุ่นนั้นหาได้สนใจท่าทีของหลินซีเหยียนเลยแม้แต่น้อย แต่กลับชื่นชมหลินซีเหยียนอย่างมาก “ข้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้าพูดถึงเรื่องของผู้คนกับฮ่องเต้แล้ว ไม่ว่าเจ้าจะขุนนางหรือฮ่องเต้ เจ้าก็ควรจะคำนึงผู้คนก่อนเสมอ”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวอย่างไม่ออกความเห็นใดๆ สายตาของนางได้จับจ้องไปที่ไป๋รุ่นด้วยดวงตาที่ระแวดระวังในดวงตาของนาง
ไป๋รุ่นก็ได้หยิบเอาจี้หยกที่อยู่ที่เอวของเขามอบให้ หลินซีเหยียน “ด้วยจี้หยกอันนี้ เจ้าสามารถเข้าไปในหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์ได้”
“ข้าไม่มีทั้งผลประโยชน์หรือรางวัลอะไรให้หรอกนะ แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้าไม่รู้ด้วยว่าท่านเป็นใคร?” หลินซีเหยียนนั้นหาได้หวั่นไหวเพราะหยกจี้ชั้นดีเช่นนี้ไม่
อย่างที่รู้กันดีจี้หยกที่ใสและไร้ซึ่งมลทินเช่นนี้ เกรงว่าถ้าเกิดนำไปขายล่ะก็จะต้องขายได้ราคาสูงมากแน่ๆ
“เจ้านี่ช่างไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดีเลยนะ ผู้นี้คือเถ้าแก่ไป๋รุ่น เจ้าของหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์แห่งนี้
ในขณะที่ผู้คนลืมไฉ่อันเชิงไปเสียสนิทเพราะตัวตนของไป๋รุ่น เขาก็ได้ทำให้ตัวเองกลับมามีตัวตนอีกครั้ง
เดิมทีเขานั้นพูดเช่นนี้ก็เพื่อประจบประแจงไป๋รุ่น แต่สีหน้าของไป๋รุ่นกลับไม่ได้ดีเลยแม้แต่น้อย แต่กลับแย่ลงกว่าเดิม
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้านางและปรากฏแววตาสงสัยในดวงตาของนาง บรรยากาศของไป๋รุ่นสมกับที่เป็นหัวหน้านัก แต่ไม่รู้ว่าทำไมดูเหมือนว่าเขานั้นกำลังกลัวเจียงหวายเย่!
คงเป็นไปไม่ได้หรอก หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาลงและคาดเดาในใจ แล้วนางก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างเงียบๆแล้วจากนั้นก็กล่าว “ป่านนี้แล้ว หอเสียงสัมผัสสมบูรณ์ยังไม่เปิดอีกเหรอ?”
“เปิดแล้ว เป็นเวลานี้ก็น่าจะเปิดแล้วล่ะ เชิญแม่นางหลินเข้ามาด้านในได้เลย” ไป๋รุ่นก็ได้เชิญหลินซีเหยียนให้เข้าไปด้านในด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างมาก อย่างที่รู้กันว่าแม้แต่องค์ชายมาที่นี่ก็ยังไม่ได้การต้อนรับเช่นนี้เลย
ผู้คนจึงได้พากันซุบซิบและต่างก็สงสัยว่าหลินซีเหยียนนั้นทำบุญด้วยอะไร ทำไมไป๋รุ่นถึงได้ประเมินค่าของนางสูงเช่นนี้
ทำไมนังนั่นถึงได้โชคดีตลอดแบบนี้นะ!! หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้จ้องไปที่แผ่นหลังของหลินซีเหยียน แล้วผ้าเช็ดหน้าในมือของนางก็ได้ยับยู่ยี่จนเสียรูป
ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้มีเพียงแค่นางที่โมโห แต่อารมณ์ของหลินรั่วจิ่งนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย