หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 232 อธิบายอย่างชัดเจน
บทที่ 232
อธิบายอย่างชัดเจน
หลินซีเหยียนนั้นไม่ยอมหงายไพ่ให้เป็นไปตามแผนที่หลินเสวี่ยเหยียนง่ายๆ ดังนั้นหลินเสวี่ยเหยียนจึงทำได้แค่ถามด้วยใบหน้าที่สงสัย “แต่เมื่อสักครู่เหมือนข้าได้ยินคำว่าตัวเย็นนะ?”
“เจ้าฟังผิดแล้วล่ะ” หลินซีเหยียนก็ได้ตอบกลับไปตรงๆ นางหยิบเอาขวดยาออกมาจากเอวของนางแล้วเอายาออกมากองมากมาย “เจ้าน่าจะรู้สึกดีขึ้นถ้าได้ทานสิ่งนี้”
ยาตัวนี้มีสีสันสดใสมาก ซึ่งทำให้ผู้คนรู้ได้ทันทีว่ายาตัวนี้ไม่ใช่ยาธรรมดาๆแน่เพียงแค่มองผ่านๆ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผลงานของหมอเทวดาเป็นแน่
ในเวลานี้ยานั้นได้อยู่นิ่งๆในมือขาวๆของหลินซีเหยียน เพื่อรอให้หลินเสวี่ยเหยียนนั้นได้ทานเข้าไป
“แม่นางหลิน เจ้าทำยานี้ด้วยตัวเองเหรอ?” ไป๋รุ่นก็ได้มองไปที่ยานั้น สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นจริงจังขึ้นมา
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เขาแล้วยิ้ม “เถ้าแก่ไป๋มีความรู้กว้างขวางจริงๆ ท่านคงจะรู้ถึงที่มาของยาตัวนี้”
แล้วผู้คนรอบๆที่ได้ยินต่างก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้กำลังพูดคุยอะไรอยู่กันแน่ พวกเขาจึงทำได้แค่ถามออกไป “เถ้าแก่ไป๋มันก็แค่ยาเม็ดนึงไม่ใช่เหรอ? มันมีความเป็นมายังไงเหรอ?”
ไป๋รุ่นก็ได้มองไปที่ฝูงชนที่สงสัยเหมือนกันหมด จึงได้อธิบายออกไป “ครั้งหนึ่งข้าเคยโชคดีมีโอกาสได้เห็นยาบำรุงหัวใจที่ทำโดยหมอผีมาก่อน ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับยาที่อยู่ในมือของแม่นางหลินเลย”
“ยาบำรุงหัวใจที่ทำโดยหมอผี? ยาตัวนั้นซื้อขายกันในตลาดราคาถึง 1,000 ตำลึงเงินเลยไม่ใช่เหรอ?” ในเวลานี้แม่แต่ไฉ่อันเชิงที่ไม่ทนดูหลินซีเหยียน ก็ได้เปลี่ยนสายตาทันที
เขามองไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “บอกมานะว่าเจ้าได้ยาตัวนี้มาได้อย่างไร? เจ้าไปขโมยมาจากที่ไหนกัน?”
“ข้าขโมยมาเหรอ? ความคิดของคุณชายไฉ่นี่ช่างต่ำตมเสียจริง ไม่ไว้ใจกันบ้างเลย! “หลินซีเหยียนไม่ตอบคำถามของ ไฉ่อันเชิง แล้วหันกลับไปมองหลินเสวี่ยเหยียน “น้องรัก รีบๆทานเข้าเถอะ!”
มองไปที่เม็ดยานั้น หลินเสวี่ยเหยียนก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้เลยที่หลินซีเหยียนจะยอมยกยาราคาแพงเช่นนั้นให้กับนางอย่างใจดีแน่
จะต้องมีแผนอะไรแน่ นางจะต้องไม่ทานเด็ดขาด
“พี่ ข้ากินยาราคาแพงเช่นนี้ไม่ได้หรอก” หลินเสวี่ยเหยียนปฏิเสธไปอย่างซาบซึ้งใจ
จนเวลาค่อยๆผ่านไป กลายเป็นภาพสองพี่น้องที่สนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทว่าหลินซีเหยียนนั้นไม่ได้มีเวลาว่างมากขนานนั้น แล้วเข็มเงินเข็มหนึ่งก็ได้ปักลงไปที่มุมปากของหลินเสวี่ยเหยียน ซึ่งทำให้นางไม่สามารถขยับได้ นางทำได้แค่มองดูหลินซีเหยียนอย่างหวาดกลัว
“ข้าอุตส่าห์มอบยานี้ให้เจ้าแล้ว เจ้าอย่าได้คายออกมาล่ะ”
ในสายตาของคนอื่นแล้ว จะเห็นแค่ว่าหลินซีเหยียนนั้นกำลังดึงคางของหลินเสวี่ยเหยียนแล้วป้อนยานั้นให้นางด้วยอีกมือหนึ่ง
“จะให้นางทานยานั้นไม่ได้นะ!” ไฉ่อันเชิงที่ตั้งสติจากอาการตกใจได้ ก็ได้รีบตะโกนออกมา
หลินซีเหยียนก็ได้ทำเสียงในลำคอ แต่การขยับมือของนางนั้นหาได้หยุดเพราะคำพูดของไฉ่อันเชิงไม่
แล้วยาก็ได้ละลายทันทีที่เข้าไปในปาก ท่ามกลางความตื่นตระหนกของหลินเสวี่ยเหยียน มันได้หลอมรวมเข้ากับเลือดและเนื้อของนางไปแล้ว ถ้ามันเป็นพิษขึ้นมาจริงๆในเวลานี้ก็คงมีเพียงความตายรอนางอยู่อย่างเดียวเท่านั้น
ในชั่วขณะที่ดึงเอาเข็มเงินออกมา หลินเสวี่ยเหยียนก็เริ่มขยับได้ อย่างแรกที่นางทำคือกดลงไปที่คอของนางเพื่อคายเอายานั้นออกมา
“ยาของหมอผีนั้นสุดยอดมาก ดังนั้นอย่าทำให้ความลำบากของพี่เสียเปล่าและคายยาออกมาเลย” หลินซีเหยียนที่มองทะลุถึงการเคลื่อนไหวของหลินเสวี่ยเหยียน แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ได้งดงามมากขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่ที่หลินซีเหยียนเข้ามาให้ห้องโถงใหญ่นั้น ก็ยังไม่มีใครได้เห็นนางยิ้มเลย ถ้าพวกเขาได้เห็นแม้เพียงครั้งเดียว พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าชีวิตนี้สมบูรณ์แบบแล้ว
เมื่อหลินเสวี่ยเหยียนเห็นรอยยิ้มนี้ ร่างกายของนางก็ได้เริ่มสั่น แต่ก็รู้สึกได้ถึงความร้อนแปลกๆหลั่งไหลมาจากในร่างกายของนาง แล้วก็ปรากฏสีแดงที่แขนขาของนางอย่างช้าๆ
แม้กระทั่งใบหน้าของนางก็ยังมีสีแดงบนใบหน้าที่ซีดเซียวของนางเพราะความกลัว
แล้วคนที่สายตาแหลมคมคนหนึ่งก็ได้มองดูการเปลี่ยนแปลงของหลินเสวี่ยเหยียนแล้วรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “ยาของหมอผีนั้นช่างสุดยอดจริงๆ เพียงแค่เวลาสั้นๆสีหน้าของเสวี่ยเหยียนก็เปลี่ยนไปแล้ว”
ไฉ่อันเชิงก็ได้มองไปที่หลินเสวี่ยเหยียนด้วยสีหน้าดุดัน หลังจากที่แน่ชัดแล้วว่าผลของยานี้ดีจริงๆ เขาก็ได้พูดออกมาอย่างโมโห “หลินซีเหยียน ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่า ทำไมเจ้าไปฟังกันบ้าง?”
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ไฉ่อันเชิงด้วยสีหน้าอย่างไม่รู้เรื่อง และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน “ทำไมข้าจะต้องฟังเจ้าด้วย?”
“เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าอาการหลินเสวี่ยเหยียนน่ะคือตัวเย็นและไม่สามารถรักษาได้ด้วย ทำไมเจ้าถึงได้ยอมเสียยานั้นไปเพื่อนางด้วย?” ไฉ่อันเชิงตะโกนด้วยความโมโห ราวกับว่าการให้ยาเพื่อช่วยชีวิตของน้องตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่เลวร้าย
ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีแค่เขาที่คิดเช่นนี้ แต่คนอื่นเองก็คิดเช่นกัน ยาบำรุงหัวใจของหมอผีนั้นไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ แต่ในเวลานี้กลับเอามาใช้รักษาหลินเสวี่ยเหยียน
ช่างเสียเปล่าอะไรเช่นนี้!
สู้เอาไว้ให้ใช้พวกเขาใช้จะดีกว่า
ถ้าหากหลินซีเหยียนรู้ถึงความคิดนี้ นางก็คงจะหัวเราะออกมา ว่าคนพวกนี้ช่างเป็นคนไร้ยางอายอะไรอย่างนี้!
ไฉ่อันเชิงก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างไม่พอใจ อย่างที่รู้กันดีว่าเขานั้นคิดที่จะทำงานในพระราชวัง และยาตัวนั้นก็จะถูกใช้เป็นหินให้เขาเหยียบเพื่อไต่เต้า
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีกแล้ว แล้วทั้งหมดนั่นก็เป็นความผิดของหลินซีเหยียน นังผู้หญิงโง่นั่น!!
ในขณะที่บรรยากาศอยู่ในสภาวะตึงเครียดอยู่นั้น หลินเสวี่ยเหยียนที่ถูกคนลืมไปนั้นก็ได้พูดขึ้นมา “ข้าเป็นตัวเย็นงั้นเหรอ? ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
แล้วทุกคนก็ได้พากันไปมองที่นางอย่างสงสารแล้วรู้อย่างมากว่าเรื่องนี้นั้นทำร้ายหลินเสวี่ยเหยียนมากเพียงใด
“ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? คุณหนูของบ้านเราจะให้หมอนั้นมาตรวจชีพจรของพวกเราอยู่บ่อยครั้งนะ” หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้อธิบายอย่างนุ่มนวลด้วยความสงสัยบนใบหน้าของนาง
ไฉ่อันเชิงก็ได้มองไปที่นางอย่างเย็นชาแล้วกล่าวอย่างไม่สนใจ “ดูเหมือนว่าพี่สาวตัวดีของเจ้าจะไม่เก่งเรื่องหมอจริงๆเสียแล้วล่ะ! ที่ทำให้ยาดีๆต้องเสียเปล่าไปเสียแล้ว”
“ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร วิชาหมอของพี่ข้านั้นดีมาก ไม่อย่างนั้นฮ่องเต้ก็คงไม่ให้องค์ชายจงมาที่เรือนของท่านพี่เพื่อทำการรักษาหรอก”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สีหน้าของทุกคนก็ได้ตกใจขึ้นมาทันที ที่มีคุณชายคนอื่นอยู่ที่เรือนของแม่นางหลินด้วย ช่างเป็นคนที่“โชคดี”อะไรเช่นนี้!
มุมปากของหลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มขึ้นมา คิดจะสู้ด้วยการแสดงละครงั้นเหรอ? แล้วนางก็ได้ทำตาห้อยลงมาแล้วมองไปรอบๆด้วยสายตาที่เสียใจ “น้องสาวเองก็รู้นี่นาว่าเรื่องนี้เป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้และข้าไม่มีทางเลือก วันนี้เจ้าพูดออกมาเช่นนี้ แล้วต่อจากนี้จะให้พี่ทำเช่นไรดี”
ใบหน้าของเหล่าสาวงามก็ได้พากันร้องไห้ แต่ในฐานะผู้ชายแล้ว พวกเขาทำได้แค่สีหน้านิ่งๆ
“หลินเสวี่ยเหยียน ที่เจ้ายังมีสติอยู่ได้ถึงตอนนี้ ต้องขอบคุณพี่สาวของเจ้าที่มอบยาล้ำค่าเช่นนั้นให้กับเจ้านะ” มีคุณหนูบางคนที่ไม่ชอบหลินเสวี่ยเหยียนนานแล้วก็ได้เริ่มโจมตีและฉวยโอกาสทำลายชื่อเสียงของหลินเสวี่ยเหยียน
หลินเสวี่ยเหยียนเองก็ได้กัดฟันของนางด้วยความโมโห แต่ใบหน้าของนางนั้นยังคงอ่อนแรงอยู่
แต่ทว่าความอ่อนแอของนางนั้นไม่อาจเทียบได้กับการแสดงละครของหลินซีเหยียนเลย แม้จะดูน่าสงสารเหมือนกันแต่ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 3-6 ประเภท และท่าทีของหลินซีเหยียนนั้นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบกว่ามาก ราวกับเป็นความลำเอียงของผู้สร้าง
ถ้าให้ตงซีกับไซซีมาร้องไห้ในเวลาเดียวกัน ใครจะทำให้คนรู้สึกสงสารมากกว่ากัน?
“เจ้ายังไม่รีบขอโทษแม่นางหลินอีกเหรอ?” มีคุณชายบางคนที่ยังไม่ยอมสงบง่ายๆ ในสายตาของพวกเขาแล้วความงามของหลินซีเหยียนนั้นประเมินค่าไม่ได้เลย ต่อให้เป็นคุณแม่ลูกหนึ่งแล้วยังไง?
ถ้าหากคว้านางเอาไว้ได้ จะให้เป็นอนุก็ไม่เสียหลาย
หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนแล้วรู้ว่าอีกฝ่ายเองก็กำลังแกล้งทำอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรที่นางทำได้เลย