หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 233 คนงามใจงาม
บทที่ 233
คนงามใจงาม
“อย่าโทษตัวเองเลยท่านพี่ น้องไม่ได้อยากทำให้ท่านพี่ต้องน่ารังเกียจ แค่ข้ายังพูดไม่จบเท่านั้นเอง” หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ยิ้มอย่างขมขื่น ดวงตาของนางที่สีน้ำตาลราวกับสีของฤดูใบไม้ร่วงนั้นได้ให้บรรยากาศงดงามและเอื้อเฟื้อออกมา นางมองไปรอบๆแล้วกล่าว “องค์ชายจงเองก็รู้สึกว่าการจัดการของฮ่องเต้นั้นอาจทำลายชื่อเสียงของท่านพี่ได้ เขาจึงได้ย้ายไปอยู่อีกเรือนแล้ว”
หลินซีเหยียนที่ดูเหมือนจะพึงพอใจอย่างมากกับการพูดเพิ่มเติมของหลินเสวี่ยเหยียน นางจึงได้กล่าวอย่างจงใจ “น้องสี่ต่อไปเจ้าจะต้องพูดให้ครบถ้วนนะ
ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้เป็นประกายด้วยความสนใจ เสี่ยวเหยียนเอ๋อของเขานั้นทำให้เขาต้องประหลาดใจอีกแล้ว
หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ผงกหัวเป็นเชิงตอบว่าได้ แต่ในใจของนางนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลินรั่วจิ่งที่ถูกลืมไปนั้นก็ได้ไม่ยอมที่จะถูกลืม นางจึงได้กล่าวออกไป “ท่านพี่สาม วิชาแพทย์ของท่านนั้นดีมาก แล้วไฉนท่านถึงได้วินิจฉัยอาการของพี่สี่ว่าเป็นตัวเย็นได้ล่ะ?”
เรื่องของการวินิจฉัยผิดนั้นแม้จะดูเบาบาง แต่ถ้าหากคิดดูให้ดีแล้ว ก็จะรู้ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่น่าสงสัยอยู่
หลินเสวี่ยเหยียนนั้นได้บอกว่าที่บ้านมหาเสนาบดีนั้นจะให้หมอมาตรวจชีพจรอยู่บ่อยครั้ง ถ้าเช่นนั้นอาการตัวเย็นก็ไม่น่าจะสายเกินไปจนถึงขนาดที่จะบอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว
และเมื่อสักครู่ผู้คนต่างก็รู้ว่าวิชาหมอของหลินซีเหยียนนั้นเป็นเลิศมาก ก็ไม่น่าที่จะวินิจฉัยพลาด ซึ่งก็หมายความว่าหลินซีเหยียนนั้นจงใจทำ
แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นจริง หลินซีเหยียนนั้นก็โหดร้ายมาก ที่เล่นละครเช่นนี้เพื่อทำให้น้องสาวของตัวเองนั้นแต่งงานไม่ได้
ในชั่วขณะนั้นเองสายตาที่สงสัยราวกับเกล็ดหิมะนั้น ก็ได้ตกลงมาอย่างหนักที่ไหล่ของหลินซีเหยียน
“หลินซีเหยียน เจ้ามันช่างโหดร้ายนัก” ไฉ่อันเชิงก็ได้กระทืบเท้าของเขาแล้วกล่าว “เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะที่ใช้ยาล้ำค่าเช่นนั้นกับเรื่องที่น่าเบื่อเช่นนี้”
ไฉ่อันเชิงนั้นเป็นทายาทอันชอบธรรมของตระกูลไฉ่ ในสายตาของเขาแล้วตัวเขานั้นอยู่เหนือกว่าคุณหนูเหล่านี้ ถ้าอยากที่จะทำให้คุณหนูเหล่านี้ลำบากแล้วก็ทำเลยตรงๆ ทำไมต้องมาเล่นละครให้วุ่นวายด้วย
หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่เขา แล้วเงียบก่อนที่จะพูดด้วยสีหน้าที่เศร้าหมองบนใบหน้าของนาง “น้องสามนั้นไม่รู้ตัวหรอกว่านางนั้นมีอาการตัวเย็นตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่ ข้าเกรงว่าท่านหมอที่มาที่จวนนั้นจะต้องหลอกเจ้าอยู่ตลอดแน่ๆ”
“ข้าไม่เชื่อ ท่านแม่ไม่เคยบอกข้าเรื่องนี้เลย” หลินเสวี่ยเหยียนกล่าวอย่างหนักแน่นในใจ หลินซีเหยียนจะต้องโกหกแน่นางจึงได้กล่าวออกไป: “ถ้าเช่นนั้นก็ไปพาหมอมาที่นี่ตอนนี้ ถ้าหมอบอกว่าข้านั้นตัวเย็นจริง ข้าก็จะยอมเชื่อ”
ที่หลินเสวี่ยเหยียนพูดออกไปเช่นนั้นก็เพื่อยั่ว หลินซีเหยียน หากหมอมาที่นี่ทันทีเช่นนี้ หลินซีเหยียนก็จะไม่สามารถติดสินบนหมอล่วงหน้าได้ ด้วยวิธีนี้ทุกคนก็จะรู้ว่า หลินซีเหยียนนั้นโกหก
แล้วปัญหาเรื่องที่นางมีอาการตัวเย็นก็จะถูกแก้ไข
แล้วผู้คนทั้งหมดต่างก็เห็นด้วยและผงกหัว “เถ้าแก่ไป๋ ได้โปรดส่งคนออกไปพาหมอมาให้ที”
ไป๋รุ่นนั้นไม่สามารถที่จะปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้ได้ จึงได้ผงกหัวแล้วส่งคนออกไปพาหมอมาทันที
ในขณะที่คนงานออกไปตามหมออยู่นั้น หลินซีเหยียนก็ได้พูดถึงเรื่องการเดิมพันขึ้นมา “น้องสี่ ตอนนี้จะรอก็เบื่อ เจ้าควรที่จะทำตามที่พนันกันเอาไว้เพื่อไม่ให้ทุกคนเสียเวลาดีกว่าไหม?”
ทั้งๆที่เรื่องนี้ควรจะถูกลืมโดยหลินเสวี่ยเหยียนไปแล้วแท้ๆ แต่ในเวลานี้ดันกลับพูดถึงขึ้นมาอีกจนได้ นางจึงต้องทำเป็นอ่อนแอต่อเท่านั้น
แต่ทว่าผู้คนนั้นหาได้อ่อนไหวไปกับการแกล้งทำเป็นอ่อนแอแล้ว แม้แต่นางยังรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของผู้คนราวกับว่าพวกเขาอดใจที่จะรอดูนางทำอะไรขายหน้าไม่ไหวแล้ว
“พี่สามพูดอะไรน่ะ” หลังจากที่พูดเช่นนั้น หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเตรียมที่จะทำตามที่ตกลงเอาไว้ แต่ทันทีที่นางลุกขึ้นยืนร่างกายของนางก็เริ่มสั่นแล้ว แล้วร่วงลงไปกองกับพื้นอีกรอบ
สีหน้าของนางก็ได้กลับมาซีดเซียวอีกครั้ง “ท่านพี่ ข้ายังรู้สึกวิงเวียนอยู่เลย เอาไว้ข้าหายดีแล้วค่อยทำนะ”
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้มองมาที่นาง ราวกับว่า หลินซีเหยียนนั้นจะจับนางกดลงไป ทำเอานางรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง ถึงแม้ว่านางจะไม่กลัวก็ตามที
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าวอย่างใจกว้าง “ในเมื่อน้องสี่สุขภาพไม่ดี ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบาก เอาเป็นว่าตะโกนว่าข้ามันคนโง่สามหนก็พอดีไหม?”
“พี่สาม เอาไว้ให้พี่สี่กลับบ้านแล้วค่อยตะโกนไม่ดีกว่าเหรอ?” หลินรั่วจิ่งนั้นโผล่มาช่วยหลินเสี่ยวเหยียนยามที่นางต้องการพอดี
หลินซีเหยียนก็ได้ทำสีหน้าลำบากใจ “ไม่ใช่ว่าเราตกลงกันไว้แล้วหรอกเหรอ?”
“ไม่” หลินรั่วจิ่งกล่าว “ท่านพี่ไม่ได้อธิบายถึงสถานที่เอาไว้แต่แรก”
หลังจากที่หลินซีเหยียนได้ยิน นางก็รู้สึกได้ว่ามีเหตุผล นางจึงได้กล่าวอย่างหดหู่ “น้องหก พี่รู้นะว่าพอพวกเจ้ากลับไปที่จวนมหาเสนาบดีพวกเจ้าก็จะทำเป็นลืมทันที และไม่เห็นพี่คนนี้อยู่ในสายตาอีก”
นางก็ได้ถอนหายใจแล้วทำสีหน้าเศร้าขึ้นมา “ช่างมันเถอะ เดิมทีวันนี้ข้าก็แค่ต้องการสั่งสอนบทเรียนระยะยาวให้เจ้าเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะทำให้เจ้าต้องลำบากใจเช่นนี้”
ในเวลานี้หลินซีเหยียนนั้นได้หน้าทั้งหมดไปคนเดียว
แต่ก็ไม่สำคัญนัก เพราะอีกเดี๋ยวหมอก็จะมาแล้ว แล้วภาพลักษณ์ที่นางสร้างเอาไว้ก็จะพังทลายลงทันที
ในขณะที่หลินเสวี่ยเหยียนกำลังคาดหวังอยู่นั้น หมอก็ได้เดินทางมาถึง ซึ่งไม่ได้มาแค่หนึ่ง แต่มาถึงสาม
หมอทั้งสามคนนี้ล้วนแล้วแต่มีอายุเกินครึ่งร้อย ซึ่งล้วนแล้วแต่ดูน่าเชื่อถือมาก แล้วพวกเขาก็ได้เริ่มจับชีพจรของ หลินเสวี่ยเหยียนทีละคน แล้วจากนั้นทั้งสามคนก็ได้นั่งลงบนโต๊ะพร้อมกันแล้วเขียนผลวินิจฉัยลงไป
แล้วกระดาษทั้งสามแผ่นก็ได้ถูกส่งให้ไป๋รุ่นโดยคนงาน แล้วดวงตาของไป๋รุ่นก็ได้สว่างวาบขึ้นมา แล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างใจเย็น
“เผยแพร่คำตอบนี้ออกไปให้ทุกคนเห็น!” ไป๋รุ่นก็ได้สั่งให้ลูกน้องของเขาหันหน้าไปหาทุกคนแล้วโชว์กระดาษทั้งสามแผ่นให้ได้เห็น ซึ่งแต่ละแผ่นมีตัวหนังสือขนาดใหญ่เขียนด้วยพู่กันเอาไว้ว่า“ตัวเย็น”ทั้งสามแผ่น
“เรื่องที่หลินเสวี่ยเหยียนตัวเย็นนั้นเป็นเรื่องจริง”
แล้วก็มีเสียงอื้ออึงดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ในเวลานี้จบสิ้นแล้ว หลินเสวี่ยเหยียนไม่สามารถที่จะแต่งงานได้จริงๆแล้ว
ทุกคนต่างก็เชื่อในผลวินิจฉัยนี้นอกจากตัวของ หลินเสวี่ยเหยียนเอง นางลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งไปหาหลินซีเหยียนอย่างดุดัน “บอกพวกเขาไปว่าข้านั้นไม่ได้มีอาการตัวเย็น”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว แล้วปล่อยให้หลินเสวี่ยเหยียนนั้นจับแขนของนาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมาก “น้องสาวของข้าไม่ได้มีอาการตัวเย็น”
นางพูดออกมาง่ายๆเลยเหรอ? หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองหลินซีเหยียน แล้วจากนั้นก็พบว่าเป็นแค่คำโกหกในสายตาของคนอื่นๆ
ถ้ามองไปที่ผู้คนรอบๆตัวนางก็จะพบว่าพวกเขาล้วนมองมาที่นางด้วยแววตาสงสาร นางจึงได้เปิดปากขึ้นมาอธิบาย “ที่ข้าพูดออกมาเป็นเรื่องจริงนะ ข้าไปไม่ได้หลอกตัวเองหรือคนอื่นๆเลยนะ”
ในเวลานี้หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ร้องไห้ออกมาจริงๆอย่างอดไม่ได้
ทันใดนั้นก็เหมือนกับว่านางนั้นนึกอะไรบางอย่างออก แล้วนางก็ได้ดึงเอาปิ่นปักผมบนหัวของนางออกมาแล้วก็หมายแทงลงไปที่คอของหลินซีเหยียน
“หลินซีเหยียน ไปลงนรกซะ!” นางนั้นต้องการที่จะเอาชีวิตของหลินซีเหยียน ที่เป็นพี่สาวของนางและลูกสาวโดยชอบธรรมของมหาเสนาบดีหลิน!
ผู้คนต่างก็พากันหลับตาด้วยความกลัวและไม่อยากที่จะมองเห็นภาพนองเลือดที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า จากนั้นก็ได้มีเสียงของหลินเสวี่ยเหยียนดังเข้าหูของพวกเขา
เสียงกรีดร้องของหลินเสวี่ยเหยียนเหรอ? เหมือนจะมีอะไรผิดไปหรือเปล่า
เมื่อพวกเขาลืมตาขึ้นมา พวกเขาก็พบคนหนุ่มในชุดสีดำที่มีปิ่นปักผมเงินปักอยู่ข้างในมือของเขา
“พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงได้ไม่เอาใจใส่ตัวเองแบบนี้” หลินซีเหยียนก็ได้ดังเอาปิ่นปักผมที่ปักอยู่มือของหลินหนานเฟิงออกมา นางนั้นกล่าวทั้งอย่างโมโหและหดหู่ จากนั้นก็ได้หยิบเอาขวดยาออกมาแล้วจัดการทำแผลในรวดเดียว