หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 241 สานสัมพันธ์กับรัฐหลี
สานสัมพันธ์กับรัฐหลี
เมื่อได้ยินที่พูด หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มเผยให้เห็นฟันที่ขาวและเป็นระเบียบของนาง “ท่านคิดว่าข้ากำลังเศร้าอยู่เหรอ?”
“ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอกเหรอ?” ดวงตาสีดำของ เจียงหวายเย่ก็ได้เต็มไปด้วยความอ่อนโยน มองไปที่ใบหน้าด้านข้างของหลินซีเหยียนอย่างตั้งใจ แล้วจากนั้นก็ได้ใช้มือช่วยสางผมที่ตกลงมาบังหูของนาง “ข้าประเมินเสี่ยวเหยียนเอ๋อต่ำไปสินะ”
“ก็รู้ไว้ซะ” หลังจากนั้น ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้จับจ้องไปที่ประตูและหน้าต่างของห้องทำงานอีกครั้ง “ข้าไม่เคยเห็นพวกเขาเป็นครอบครัวของข้าอยู่แล้ว ข้าจึงไม่เสียใจเพราะพวกเขาหรอก”
เป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งที่เจียงหวายเย่นั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป เขาจึงทำได้แค่พูดพร้อมกับยิ้มออกมา “ฮูหยินอวี้นั้นยังไม่สิ้นลาย เจ้าควรจะระวังนางไว้ให้ดี”
“ข้าระวังฮูหยินอวี้อยู่แล้ว” หลินซีเหยียนก็ได้พูดและแสยะยิ้ม หลังจากที่พูดจบเหมือนนางนึกอะไรได้ นางจึงรีบตบไหล่ของเจียงหวายเย่แล้วกล่าว “รีบลงไปเร็ว”
เจียงหวายเย่นั้นไม่ทันระวังตัวและทำเสียงดังออกมา ทำให้พวกเขาเกือบถูกพบโดยมหาเสนาบดีหลินที่อยู่ในห้องทำงานเสียแล้ว เมื่อเห็นว่ามหาเสนาบดีหลินนั้นมองไปที่ต้นไม้ต้นนั้นอยู่หลายหนแล้ว เขาก็ได้ปิดหน้าต่างอีกครั้ง แล้วเขาก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แล้วหันหัวของเขากลับมาหลินซีเหยียนด้วยดวงตาที่ยิ้มแย้ม ด้วยเหตุนี้เจียงหวายเย่ก็ได้ส่ายหัวอย่างไม่เต็มใจและพาหลินซีเหยียนกลับไปที่โรงหมอหุยชุนอย่างเชื่อฟัง
นอกจากเทียนเอ๋อกับผู้เฒ่าพิษที่อยู่ที่โรงหมอหุยชุนแล้ว ก็ยังมีบุคคลไม่น่าพึงประสงค์อย่างหลีเจี้ยนเฉินอยู่ด้วย
ในเวลานี้หลีเจี้ยนเฉินไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้า ทำให้เห็นรูปลักษณ์ที่สามารถยั่วยวนได้โดยไม่เกี่ยงว่าเพศไหน ซึ่งได้ดึงดูดหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนตามท้องถนนให้รู้สึกสนใจ
ทันทีที่หลินซีเหยียนกับเจียงหวายเย่มาถึงหน้าประตู ทั้งคู่ก็พบหญิงสาวหน้าแดงมากมายอยู่หน้าร้าน พวกนางนั้นเป็นเหมือนดอกไม้ที่แสนอายและรอที่จะเบิกบานเพื่อหลีเจี้ยนเฉิน!
“ท่านหมอหลิน”
ทันทีเขาเห็นหลินซีเหยียน หลีเจี้ยนเฉินก็เหมือนกับหมาตัวใหญ่ที่วิ่งมาหาหลินซีเหยียนอย่างร่าเริง
เดิมทีเขานั้นอยากที่จะเข้าไปคุยใกล้ๆกับหลินซีเหยียน แต่เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะหลินซีเหยียนนั้นหลบอยู่ข้างหลังของเจียงหวายเย่
เจียงหวายเย่ก็ได้มองมาที่หลีเจี้ยนเฉินอย่างเย็นชา พายุในดวงตาของเขารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆอย่างชัดเจน หลีเจี้ยนเฉินก็ได้คิ้วขมวดและรู้สึกคุ้นๆเจียงหวายเย่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องมองซ้ำอีกหลายรอบ
“ไม่ทราบว่าคุณชายหลีป่วยอยู่หรือ?”
มีความระแวงแฝงอยู่ในเสียงที่น่าดึงดูดนั้น เจียงหวายเย่นั้นสูงกว่าหลีเจี้ยนเฉิน เขาจึงได้อาศัยบรรยากาศรอบตัวของเขาผลักหลีเจี้ยนเฉินออกไปราวกับเป็นน้องชายข้างบ้านยังไงอย่างงั้น เรียบง่ายและไร้พลัง
หลีเจี้ยนเฉินก็รู้สึกไม่พอใจ ที่พอเขายืนประจันหน้ากับเจียงหวายเย่แล้ว เป็นเขาที่ต้องถอยออกมาเล็กน้อย แล้วเขาก็ได้ยืนในมาดฮ่องเต้ ยิ้มอย่างสบายๆที่มุมปากของเขาแล้วจ้องไปกลับไปที่เจียงหวายเย่
“แล้วข้าดูเหมือนคนป่วยหรือเปล่าล่ะ คุณชาย?”
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่เขาพร้อมกับ แล้วจากนั้นก็ได้ผงกหัวตอบกลับไป “ก็ดูไม่เหมือนคนป่วยจริงๆนั่นแหละ”
“ในเมื่อเจ้าเป็นคนรู้จัก ข้าจะไม่สนใจอะไรกับเจ้าก็ได้” หลีเจี้ยนเฉินนั้นรู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกๆในใจของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ยืนเผชิญหน้าเช่นนี้อย่างดีที่สุดเท่านั้น
ในเวลานี้หลินซีเหยียนก็ได้ออกมาจากด้านหลังของ เจียงหวายเย่ แล้วมองไปที่หลีเจี้ยนเฉินอย่างไม่พอใจ “ในเมื่อท่านไม่ได้ป่วยอะไร ก็ช่วยพาพวกหญิงสาวพวกนั้นออกไปจาก โรงหมอหุยชุนด้วย มันขัดขวางการทำมาหากินของข้านะรู้ไหม?”
ในเวลานี้หลีเจี้ยนเฉินก็ได้กอดกับต้นไม้ใหญ่ในโรงหมอเอาไว้ ราวกับไม่อยากจากไป แล้วได้พูดพึมพำออกมา “ท่านหมอหลิน ไม่ใช่ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันหรอกเหรอ?”
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เขาอย่างเย็นชาแล้วกล่าวอย่างสงสัย “พวกเราเป็นเพื่อนกันตอนไหน?”
ทันใดนั้นเอง หลีเจี้ยนเฉินก็ได้รู้สึกราวกับหัวใจดวงน้อยของเขานั้นถูกปักด้วยลูกศรหมื่นดอก เขาจึงได้คลายมือที่กำอยู่ออกด้วยสีหน้าที่เสียใจ เพื่อปกป้องความสง่างามที่เหลืออยู่ของเขา เขาก็ได้เดินออกไปจากโรงหมอหุยชุนด้วยหลังที่ยืดตรง
เขานั้นเป็นถึงฮ่องเต้ของอาณาจักรหนึ่ง ตั้งแต่เขาเกิดมาไม่ว่าอะไรก็ตามทุกอย่างนั้นราบรื่นเสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนปฏิเสธอย่างแรงเช่นนี้
ในขณะที่หลีเจี้ยนเฉินที่พ่ายแพ้เดินไปตามถนนอย่างคอตกอยู่นั้น ก็ได้ไปชนกับหญิงสาวผู้หนึ่งเข้า หญิงสาวคนนั้นก็ได้ล้มลงกับพื้น แล้วตาของนางก็แดงด้วยความเจ็บ
แล้วสาวใช้ของหญิงสาวคนนั้นก็ได้รีบดึงเจ้านายของนางขึ้นมาแล้วพูดอย่างโมโห “เดินอยู่บนถนนทำไมถึงไม่รู้จักมองตาม้าตาเรือบ้าง! ถ้าเกิดคุณหนูของข้าเป็นอะไรไป เจ้าจะทำอย่างไร?”
คำพูดที่กล่าวโทษของอีกฝ่ายนั้นทำให้หลีเจี้ยนเฉินโมโหขึ้นมา แต่ก็เป็นความจริงที่เขาเดินไปชนอีกฝ่ายเข้า เขาจึงได้กล่าวอย่างใจเย็น “แม่นาง ข้าขอโทษด้วยจริงๆ”
เมื่อหลินเสวี่ยเหยียนเงยหน้าขึ้นมาก็พบใบหน้าของ หลีเจี้ยนเฉิน ทำให้นางหลงใหลขึ้นมาทันที จึงได้รีบส่ายหัวและกล่าว“ข้าไม่เป็นไร”
หลีเจี้ยนเฉินนั้นรู้สึกมั่นใจในใบหน้าของตัวเองมาก แล้วเขาก็ได้เผยรอยยิ้มที่นุ่มนวลออกมา “แม่นาง ข้ายังมีธุระอื่นต้องไปทำ ข้าต้องขอตัวก่อน”
หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้จ้องไปที่แผ่นหลังของอีกฝ่ายแล้วก็นึกอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ นางนั้นคิดว่าพวกเขาคงไม่ได้พบกันอีกเป็นแน่แท้ แต่นางก็ไม่นึกฝันว่าจะมีวันที่พวกเขาได้พบกันอีกในไม่ช้านี้
สามวันให้หลัง หลินซีเหยียนที่หมกตัวอยู่ในห้องนั้นก็ได้เล่นอยู่กับเจ้าแมลงพิษตัวใหม่ ส่วนเทียนเอ๋อที่ปกติจะชอบอยู่ใกล้ๆนางนั้น ตอนนี้ได้ออกไปเล่นกับผู้เฒ่าพิษแล้ว
เทียนเอ๋อนั้นชอบผู้เฒ่าพิษมาก แม้ว่านิสัยของอีกฝ่ายนั้นจะดูประหลาดๆ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร และภายใต้การสอนของผู้เฒ่าพิษ เทียนเอ๋อก็ได้บรรลุวิชาพิษดีขั้นต้นแล้ว
ซึ่งสามารถทำให้เมินเฉยต่อพิษที่ไม่รู้จักได้ ทำให้ หลินซีเหยียนรู้สึกยินดีขึ้นมาที่ได้เห็นเช่นนั้น
ในขณะที่หลินซีเหยียนศึกษาวิชาพิษของวันนี้จบแล้ว จึงได้ให้คนไปส่งผู้เฒ่าสวีกลับ แต่แล้วก็มีคนจากมหาราชวังมาที่จวน และยังเป็นท่านกงกงที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าท่านกงกงนั้นจะเป็นแค่ขันที แต่ฐานะในพระราชสำนักของเขานั้นก็ไม่ธรรมดาเลย ดูจากชุดที่โดดเด่นที่เขาสวมแล้วล้วนทำมาจากผ้าไหมล้วนๆซึ่งจะมีใช้กันแค่ในพระราชสำนักเท่านั้น
“ทุกคนมาที่นี่กันครบแล้วใช่ไหม?” กาวกงกงก็ได้นั่งลงในตำแหน่งที่สูงที่สุดนั้น ก็ได้หรี่สายตาลงแล้วมองไปที่เหล่าบุตรีที่มหาเสนาบดีหลินภาคภูมิใจ แล้วจากนั้นก็ได้พูดออกมาด้วยวาจาที่คมคาย “มหาเสนาบดีหลินช่างมีบุญจริงๆ ที่มีลูกสาวที่มีความสามารถมากมายเช่นนี้”
เมื่อมหาเสนาบดีหลินได้ยินเช่นนี้ เขาก็ได้ลูบหนวดของเขาและยิ้มอย่างภูมิใจ “ท่านกาวกงกงกล่าวชมเกินไปแล้ว ไม่ทราบว่าที่วันนี้ท่านมาที่จวนมหาเสนาบดีของเรานั้น เป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้งั้นเหรอ?”
“ท่านมหาเสนาบดีไม่ต้องรีบร้อน ข้ากาวกงกงจะพูดเดี๋ยวนี้แหละ”
สีหน้าของมหาเสนาบดีนั้นไม่เปลี่ยน แต่เขาก็ได้เริ่มด่ากาวกงกงในใจ เป็นแค่ขันทีแท้ๆ แต่กลับทำตัวยิ่งใหญ่มาจากไหน?
หลังจากที่ดื่มชาที่อยู่ตรงหน้าเขาเสร็จ กาวกงกงก็ได้หยิบเอาราชโองการออกมาแล้วตะโกนด้วยเสียงแหลมสูง “มีราชโองการออกมา ขอให้มหาเสนาบดีหลินน้อมรับด้วย”
เมื่อเห็นราชโองการก็เหมือนกับเห็นฮ่องเต้ มหาเสนาบดีหลินก็ได้รีบลงไปคุกเข่าที่พื้นพร้อมกับกลุ่มคนในห้องนี้แล้วตะโกน “ข้ามหาเสนาบดีน้อมรับราชโองการ”
หลินซีเหยียนนั้นไม่ค่อยพอใจกับการที่ต้องมาคุกเข่าอยู่ตลอดเช่นนี้ นางจึงได้ใช้วิธีหลบอยู่ด้านหลังคนอื่นแล้วให้คนข้างหน้าทำแทนนาง
แล้วเสียงที่แหลมสูงก็ได้พูดขึ้นมาต่อ “ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งว่า: ดวงชะตาฮองเฮาของฮ่องเต้รัฐหลีนั้นปรากฏอยู่ในจวนมหาเสนาบดีหลิน ซึ่งข้าก็รู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงได้อนุญาตให้ข้ามาพาลูกสาวของท่านมหาเสนาบดีหลินทุกคนไปที่พระราชวังหลวงเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ฮ่องเต้หลีได้ทรงเลือก”