หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 253 เคราะห์ร้าย
บทที่ 253 เคราะห์ร้าย
หลินซีเหยียนรีบจุดเทียนขึ้นมา จากนั้นจึงพบว่าเจียงหวายเย่นั้นหน้าซีดเผือดมากราวกับไร้เลือด เมื่อเห็นริมฝีปากของเขาที่บิดเบี้ยวและสีหน้าที่ดูทรมาน หลินซีเหยียนก็รู้ได้ทันทีว่าอาการร้ายแรงเพียงใด
“นอนลงก่อน!”
หลังจากที่พูดจบ หลินซีเหยียนไม่ได้สนใจเสื้อผ้าที่นางใส่อยู่ตอนนี้แม้แต่น้อย นางกลับคว้ากระเป๋าของตัวเองออกมาอย่างรีบร้อนแล้วฉวยหยิบเข็มเงินออกมาก่อนจะเดินไปหาเจียงหวายเย่
ทว่าหลินซีเหยียนก็เป็นต้องอ้าปากค้าง เดิมทีนางคิดจะให้เจียงหวายเย่ถอดเสื้อผ้าของเขาออกก่อน แต่เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเจียงหวายเย่แล้ว นางจึงได้แต่กัดฟันและลงมือทำด้วยตัวเอง
เมื่อถอดชุดสีดำของอีกฝ่ายออกมา ก็พบรูลึกปรากฏอยู่ที่บริเวณเอวของเจียงหวายเย่ แต่เรื่องบาดแผลนั้นยังไม่สำคัญเท่า เมื่อนางพบเส้นสีเขียวที่ปรากฏขึ้นตามผิวของเจียงหวายเย่ นางจึงได้รู้ว่ามันนอกเหนือการควบคุมแล้ว เจียงหวายเย่ถูกพิษอีกแล้ว และในเวลานี้พิษได้ลามไปทั่วแล้ว หากเป็นเช่นนี้ก็เกรงว่าเขาคงไม่รอดแน่!!
“หลินซีเหยียน เจ้าเป็นถึงหมอผีนะ เจ้าเป็นหมอที่สามารถชิงเอาคนกลับมาจากเงื้อมมือของยมบาลได้ เจ้าจะต้องสู้สิ”
หลินซีเหยียนพยายามเรียกสติตัวเอง แล้วจากนั้นจึงลองทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งพิษนี้เอาไว้ นางหยิบเอาเข็มสีทองออกมาเพื่อถ่ายเลือดออกและให้ยาถอนพิษ ถึงแม้ว่าพวกมันจะได้ผลบ้าง แต่ก็ให้ผลเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลินซีเหยียนนั้นรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเป็นครั้งแรก
แล้วท้ายที่สุด หลินซีเหยียนก็กัดฟันแน่นแล้วตัดสินใจที่จะใช้วิธีที่นางได้พยายามศึกษามาเป็นเวลานาน
“แม่หนูหยุดก่อนเถิด”
ในช่วงเวลาคับขันนั้นเอง เสียงของผู้เฒ่าพิษพลันดังขึ้นมา ในขณะเดียวกันดวงตาของหลินซีเหยียนก็เป็นประกายฉายแววความหวังขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของเขา นางกระวนกระวายมากเสียจนทำอะไรไม่ถูก และลืมเรื่องของผู้เฒ่าสวีไปเสียสนิท
“ผู้เฒ่าสวี ท่านช่วยเขาได้หรือไม่?” หลินซีเหยียนมองไปที่ผู้เฒ่าสวี อีกฝ่ายเมื่อได้ยินเสียงที่สั่นเครือของนางก็เข้าใจได้ว่านางทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ผู้เฒ่าสวีหันไปมองไปที่เจียงหวายเย่ก่อนจะส่ายหัว “เขาถูกพิษรุนแรงเกินไป ข้าไม่อาจรักษาเขาได้ แต่ถ้ายับยั้งพิษเอาไว้ก็ยังพอทำได้อยู่”
หลังจากที่พูดจบก็มีงูสีทองตัวเล็กออกมาจากแขนเสื้อของผู้เฒ่าสวี งูน้อยตัวนั้นแลบลิ้นสีแดงออกมา พลางดวงตามองไปที่ผู้เฒ่าสวีอย่างมีชีวิตชีวา
ผู้เฒ่าสวีวางเจ้างูน้อยไว้ที่ตัวของเจียงหวายเย่ แล้วทันใดนั้นเจ้างูน้อยก็เหมือนเข้าใจได้ทันทีว่ามันจะต้องทำอะไร มันรีบเลื้อยไปที่คอของเจียงหวายเย่แล้วฉกทันที
“ท่านผู้เฒ่าสวี หรือว่านั่นคือราชาวิปลาส?” หลินซีเหยียนก็รู้สึกตกใจขึ้นมา ราชาวิปลาสนั้นจะปล่อยพิษที่รุนแรงออกมาเมื่อถูกกัดลงไป ทำเอาเจียงหวายเย่รู้สึกกลัวขึ้นมาว่าตัวเขานั้นช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้
“ไม่ต้องตกใจแม่หนู พิษงูน้อยของข้าจะสามารถบรรเทาและจะช่วยยับยั้งพิษในร่างของเขาได้” ผู้เฒ่าสวีกล่าวปลอบนาง
หลินซีเหยียนก็เข้าใจได้ทันที ด้วยสภาพของเจียงหวายเย่ในเวลานี้อาจจะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะใช้การได้ หลังจากที่เจ้างูน้อยปล่อยคอของเจียงหวายเย่แล้ว ก็รีบเลื้อยไปฉกที่เอวของเจียงหวายเย่ต่อ
“โชคยังดีที่ชีวิตของเขายังพอรักษาไว้ได้!”
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ ผู้เฒ่าสวีก็หยิบเอาเจ้างูน้อยที่เหนื่อยอ่อนกลับมาแล้วกล่าวเตือนอย่างใจดี “พิษของเจ้าหนุ่มคนนี้มันซับซ้อนมากเกินไป เขาคงไม่อาจที่จะเอาชีวิตรอดได้เช่นนี้ทุกครั้งแน่”
หลินซีเหยียนจึงได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาทันที “แล้วไม่มีหนทางที่จะทำให้พิษกลายเป็นดีเหมือนร่างกายของท่านบ้างหรือ ท่านผู้เฒ่า?”
เมื่อได้ยินที่พูดเช่นนี้ ผู้เฒ่าสวีจึงพูดขึ้นว่า “ที่แท้เจ้าก็เป็นผู้หญิงของเขานี่เอง!” เมื่อมองไปที่ดวงตาที่เป็นประกายของหญิงสาวตรงหน้าเขาแล้ว ผู้เฒ่าสวีก็กัดฟันแล้วพูดอย่างไม่ปรานี “วิธีการของข้านั้นมันไม่ได้ผลกับเจ้าหนุ่มนี่หรอก เพราะว่าพิษในร่างของข้านั้นจำต้องได้รับการควบคุมอย่างระมัดระวังและค่อย ๆ สั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย”
หลังจากที่พูดออกไปครึ่งทาง ดูเหมือนว่าเขานั้นไม่อาจที่จะทนเห็นสายตาที่สิ้นหวังของหญิงสาวได้ เขาจึงได้กล่าว “แต่ถ้าเจ้าทนเห็นเขาเป็นเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ ข้าก็มีอีกหนทางที่จะช่วยเหลือเขา”
“ต้องทำเช่นไรหรือ?” เสียงของหลินซีเหยียนก็แหบพร่าขึ้นมา แฝงไปด้วยความเสียใจ
“มีสถานที่ลึกลับมากแห่งหนึ่งอยู่ระหว่างรัฐจงกับรัฐหลี ที่แห่งนั้นมีคนอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ซึ่งพวกเขาแต่ละคนนั้นจะมีแมลงวิปลาสอยู่กับตัว คนภายนอกจะเรียกพวกเขาผู้เลี้ยงวิปลาส และผู้เลี้ยงวิปลาสเหล่านี้จะบูชาหนอนวิปลาสชนิดหนึ่งมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งหนอนวิปลาสนี้จะถูกเรียกว่า ‘วิปลาสหมื่นปี’ หากได้กินมันก็จะสามารถรักษาให้หายได้ทุกโรค”
หลินซีเหยียนหรี่ตาลงพลันและเกิดความรู้สึกบางอย่างขัดแย้งขึ้นในใจ จากนั้นเหมือนนางจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามออกไป “หรือที่ผู้เฒ่าซูจะไม่ชอบแมลงวิปลาสเพราะผู้เลี้ยงวิปลาสเหล่านี้เจ้าคะ?”
“ฮึ่ม พวกคนที่เลี้ยงหนอนพิษพวกนั้นน่ะมักจะมีนิสัยแปลกๆ และหัวใจของคนพวกนั้นก็แข็งยิ่งกว่าหินเสียอีก ต่อให้กี่หมื่นปีก็แก้ไม่หายหรอก”
ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ผู้เฒ่าสวีจึงสะบัดมือออกจากห้องนี้ไปอย่างโมโห เขาค่อย ๆ หายไปในความมืดมิด
เมื่อเจียงหวายเย่ฟื้นขึ้นมา เขาก็พบหลินซีเหยียนกำลังหลับอยู่ข้าง ๆ เตียง เขาจึงไม่กล้าปลุกนางแล้วลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบๆ
แต่ขณะที่เดินก็บังเอิญไปโดนแผลเข้าแล้วเผลอร้องออกมา
เมื่อได้ยินเสียงหลินซีเหยียนก็ตื่นขึ้น เมื่อนางเห็นเจียงหวายเย่ลุกขึ้นมา จึงอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดอะไรนั้น นางก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนของหลินซีเหยียน แล้วกอดอย่างแนบแน่น
หลินซีเหยียนไม่ได้ขัดขืน นางถูกเขากอดจนกระทั่งนางมองไปบนท้องฟ้าแล้วพบว่าไม่ใช่เวลาเช้าแล้ว วันนี้นางมีนัดกับจงซู่เฟิง
หญิงสาวผละออกจากอ้อมแขนของเจียงหวายเย่แล้วจ้องมองอีกฝ่ายอย่างคาดคั้น “เมื่อคืนนี้ท่านไปทำอะไรมา?”
เจียงหวายเย่หรี่ตาลง แล้วจากนั้นจึงเล่าเรื่องการเสียชีวิตของราชทูตของรัฐหลี หลินซีเหยียนก็พอจะเดาเรื่องได้หลังจากที่ได้ยิน
“วรยุทธ์ของเรากล้าแกร่งก็จริง แต่ถ้าไม่ใช่เพราะพิษกำเริบเมื่อคืนนี้ เราก็คงจะจับชายคนนั้นได้ไปแล้ว”
ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่ก็มีความกังวลอยู่ด้วยเช่นกัน จริง ๆ แล้วเมื่อวานเขารู้สึกได้ว่าชีวิตของเขานั้นคงจะมาถึงจุดจบแล้ว เขาจึงอยากจะมาพบกับหลินซีเหยียนอีกสักครั้ง เพียงเท่านั้นก็ทำให้หัวใจของเขารู้สึกยินดีเป็นล้นพ้นแล้ว
“ข้าให้คนของข้าต้มยาไว้ให้ท่านแล้ว หลังจากที่ท่านดื่มก็กลับวังของท่านเพื่อไปพักฟื้นร่างกายเสีย”
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อโกรธเราอยู่อย่างนั้นหรือ?” เจียงหวายเย่พลันจับไปที่แขนเสื้อของหลินซีเหยียนเพื่อไม่ให้นางจากเขาไป “การบาดเจ็บของเรามันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ นะ”
หลินซีเหยียนปัดมือของเจียงหวายเย่ออก “ข้าไม่ได้โกรธท่าน แต่วันนี้ข้ามีนัดกับคนอื่น”
เมื่อได้ยินที่พูด เจียงหวายเย่ก็ยิ่งไม่ปล่อยมือให้หลินซีเหยียนห่างเขาไปแม้แต่ครึ่งก้าว หลินซีเหยียนจึงหยุดแล้วหันมามองเขาแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าข้าเป็นท่าน ข้าจะไปจับตัวผู้ร้ายมาให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้มีเวลานอนฝันหวานมากขึ้น”
“ถ้านี่คือสิ่งที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อคิด เช่นนั้นเราก็จะจัดการมันอย่างแน่นอน” เจียงหวายเย่จึงจำใจปล่อยมืออีกฝ่าย แล้วทำเพียงแค่มองดูหลินซีเหยียนเดินจากไป
หลังจากที่ไม่เห็นหลินซีเหยียนแล้ว เจียงหวายเย่ก็เอามือกุมหน้าอกแล้วเริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง เมื่อเขาหยุดไอก็พบว่าในปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด
อันเอ้อที่ทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ในความมืดนั้นพลันออกมาจากเงาแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าของเจียงหวายเย่ แล้วจากนั้นจึงกล่าวอย่างเป็นกังวล “องค์ชายไม่เป็นไรใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
เจียงหวายเย่ผงกหัว แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย “แล้วอันอี้ยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?”
เมื่อคืนนี้เป็นเพราะเขา ทำให้ทั้งสองคนถูกเปิดเผย ถ้าไม่ใช่เพราะอันอี้คอยคุ้มกันเขา เขาก็คงจะตายอยู่ในเงื้อมมือของคนพวกนั้นแล้วต่อให้เขาไม่ตายเพราะพิษสะสมในร่างเขาก็ตาม
อันเอ้อพลันก้มหัวแล้วรายงานอย่างว่าง่าย “อันอี้เองก็เป็นห่วงฝ่าบาทเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่เป็นไร” หลังจากที่เจียงหวายเย่กล่าวจบเขาก็หลับตาลง เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่คงอยู่ในดวงตาของเขามีเพียงความกระหายเลือดและรังสีฆ่าฟัน “จับตัวกลุ่มที่สร้างปัญหาเมื่อคืนนี้ให้หมด เหลือทิ้งเอาไว้แต่ตัวหัวหน้า!”