หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 255 การผ่าตัด
บทที่ 255 การผ่าตัด
หญิงสาวพยักหน้า
หลีเจี้ยนเฉินดีใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ทว่าในอึดใจต่อมา…
“ข้าไม่ชอบเป็นหนี้ใคร ดังนั้นข้าจะรักษาเขาอย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง”
จากที่หลีเจี้ยนเฉินกำลังดีใจอยู่นั้นก็กลายเป็นหดหู่ขึ้นมาทันที “ท่านหมอหลินเกลียดข้าจริง ๆ หรือ?”
เมื่อหญิงสาวเห็นอีกฝ่ายทำสีเศร้าหน้าสลดออกมา นางจึงรู้สึกทนไม่ไหวแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “ฝ่าบาทคิดมากเกินไป ข้าน่ะเห็นท่านเป็นเพียงเพื่อนร่วมชะตากรรมเท่านั้น”
ดวงตาที่มืดมนของหลีเจี้ยนเฉินนั้นพลันเป็นประกายขึ้นมาทันที ดูคล้ายกับท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ
ส่วนจงซู่เฟิงถูกทุกคนทิ้งเอาไว้อย่างเดียวดายนั้น กลับต้องฝ่ายที่มีแววตามืดครึ้มลง คนที่จะต้องออกไปปกป้องนางควรจะเป็นเขาแท้ ๆ แม่นางหลินน่ะมีวิชาแพทย์ที่น่าทึ่งมาก จะต้องเป็นนางเท่านั้นที่จะมาเป็นภรรยาของเขา
เพียงเพราะมีบางอย่างที่คลาดเคลื่อนไปจากในแผนการของของเขาไป ทำให้ในเวลานี้ เขาทำได้แค่เฝ้ามองดูผู้คนจากไปเท่านั้น
ในตอนนี้ทุกคนที่บาดเจ็บได้อยู่ที่โรงหมอหุยชุนเป็นที่เรียบร้อย หลินซีเหยียนเป็นฝ่ายนำให้กองทัพลับพาคนบาดเจ็บมาที่นี่ เนื่องจากว่าโรงหมอแห่งนี้มีอุปกรณ์ครบครันและใกล้จุดเกิดเหตุที่สุดแล้ว
เมื่อเทียนเอ๋อตัวน้อยมองไปยังใบหน้าซีด ๆ แต่ยังคงเค้าความหล่อเหลาของหลีเจี้ยนเฉินที่กำลังนอนอยู่บนเตียงแล้ว อคติของเจ้าลูกชิ้นน้อยที่เคยมีต่อชายคนนี้ก็ได้หายไป เขาเดินเข้าไปใกล้ฮ่องเต้หนุ่มมากขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านลุงหลี ถึงแม้ว่าท่านจะมีใบหน้าเหมือนผู้หญิง แต่เทียนเอ๋อก็ไม่รังเกียจท่านหรอกนะ เพราะเทียนเอ๋อเห็นแล้วว่าท่านพยายามปกป้องท่านแม่มากแค่ไหน”
ใบหน้าเหมือนผู้หญิง? ใบหน้าของเขาเหมือนผู้หญิงขนาดนั้นเลยหรือ? หลีเจี้ยนเฉินคิดจะพูดอะไรออกมา แต่สิ่งที่ออกมาแทนที่จะเป็นคำพูดตามใจนึก กลับกลายเป็นเลือดอึกใหญ่เสียอย่างนั้น
เมื่อหลินซีเหยียนเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องการเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็บอกให้ทุกคนออกจากห้องไป รวมถึงเจ้าลูกชิ้นน้อยที่ไปก่อกวนให้ฮ่องเต้เสียเลือดมากกว่าเดิมด้วย เมื่ออยู่กันเพียงลำพังแล้วนางจึงกล่าวกับหลีเจี้ยนเฉินว่า “ที่จริงแล้ว ข้าเองก็ไม่มั่นใจหรอกว่าจะรักษาท่านให้หายได้”
ชายหนุ่มรู้เรื่องนี้ดีอยู่แก่ใจ จึงไม่ได้แสดงท่าทีผิดหวังหรือไม่พอใจหลังจากที่รู้ว่าถูกตะล่อม
“ท่านไม่โกรธสินะ” หญิงสาวอ่านจากดวงตาของอีกฝ่ายที่พยายามจะสื่อออกมา
คนถูกถามพยักหน้าให้เบา ๆ ก่อนจะยิ้มคลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายอยากยากลำบาก
หลินซีเหยียนขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นการกระทำอีกฝ่าย นี่เขากำลังยิ้มให้นางอยู่อย่างนั้นหรือ? คนที่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหรือไม่กำลังปลอบประโลมใจนางอย่างนั้นหรือ?
ไม่ว่าใครต่างก็รักชีวิตของตัวเอง… แต่คนคนนี้นี่มันอะไรกัน
นางไม่อาจทำใจผ่อนคลายได้ลงเลย ด้วยตอนนี้นางกลัวว่าหลีเจี้ยนเฉินจะตกหลุมรักนางไปมากเกินกว่าจะถอนตัวได้แล้ว!
เมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอึมครึมรอบตัวหลินซีเหยียนแล้ว หลีเจี้ยนเฉินก็อยากจะพูดอะไรสักอย่างออกมาอีก ทว่าเลือดเจ้ากรรมยังเต็มปากเขาอยู่ หากเผลอเปิดปากพูดขึ้นมา ไม่สำลักเลือดตายก็คงจะเสียเลือดจนหมดตัว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจปิดปากเงียบเพื่อไม่ให้สภาพของตนดูน่าเวทนาไปมากกว่านี้
หลินซีเหยียนมองคนที่นอนอยู่ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่สบายใจ ก่อนที่นางจะหยิบเอายาออกมาขวดหนึ่ง เมื่อเปิดฝาออกแล้วก็เอามาอังไว้ตายจมูกชายหนุ่มทันที แค่เพียงครู่เดียวเขาก็สลบไสลไป
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทำสมาธิอยู่อึดใจหนึ่ง จากนั้นจึงลงมือทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ปากแผลด้วยสำลีและเหล้าขาว เมื่อเรียกความเยือกเย็นกลับมาจนได้ที่แล้ว นางก็จีบมีดที่ปักอยู่ตรงหน้าอกคนบาดเจ็บออกมาอย่างรวดเร็ว
เลือดทะลักออกมาจากปากแผลทันที…
หลินซีเหยียนไม่รอช้า วางมีดต้นเหตุลงแล้วหยิบมีดผ่าตัดที่เตรียมไว้ออกมา นางขูดเอาเนื้อที่ตายแล้วบริเวณรอบ ๆ ออก จากนั้นจึงใส่ผงยาสีทองลงไปบริเวณปากแผลเพื่อห้ามเลือด หลังจากที่ตรวจดูแล้ว ก็พบว่าอวัยวะที่อยู่ภายในช่องอกนั้นบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อย หญิงสาวจึงจบการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยการเย็บแผลทันที
ถึงจะไม่มีไฟส่อง แต่เมื่อต้องเย็บแผลเพียงอย่างเดียวก็พอจะทำให้การผ่าตัดครั้งนี้ลุล่วงได้อยู่ เข็มโค้งกับด้ายไส้ปลาแทงสอดเนื้อที่ปริแยกจากกันครั้งแล้วครั้งเล่าจนในที่สุดเนื้อก็กลับมาติดกัน หลินซีเหยียนตัดด้ายที่เย็บครั้งสุดท้ายออก เป็นอันเสร็จสิ้นการผ่าตัดลง และหากว่าแผลไม่มีอาการติดเชื้อตามมาภายหลังก็จะถือว่าสำเร็จเรียบร้อยดี
เมื่อสิ้นสุดการผ่าตัด หลินซีเหยียนก็โรยผงยาวิเศษไปรอบ ๆ ปากแผล จากนั้นจึงเปิดประตูออกจากห้อง “ท่านมหานักบวช ช่วยไปหาเสื้อผ้าสะอาด ๆ มาให้ฝ่าบาทเปลี่ยนทีเจ้าค่ะ”
ฝ่ายมหานักบวชพยักหน้ารับแล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปด้วยความยินดี คล้อยหลังไป หลินซีเหยียนเดินไปหาเด็กหนุ่มที่ทำงานอยู่ในร้าน แล้วเขียนสูตรยาฟื้นฟูและบำรุงเลือดขึ้นมา นางส่งมอบให้อีกฝ่ายพร้อมกำชับ “ต้มพวกนี้ด้วยไฟอ่อน ๆ นาน ๆ เลยนะ”
เด็กหนุ่มผงกหัวแล้วผละจากตรงนั้นไป
แต่ดูเหมือนหลินซีเหยียนจะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าหลีเจี้ยนเฉินไม่ชอบดื่มยาต้ม สายตาพลันมองไปตรงที่เดิมที่เด็กหนุ่มเคยอยู่ พลางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
การผ่าตัดครั้งนี้หนักหนายิ่งนัก ด้วยเหตุนี้เองหลินซีเหยียนจึงเดินกลับไปที่ห้องของตนด้วยรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน ทว่าระหว่างทางที่กำลังเดินกลับนั้นเอง นางก็ถูกมือปริศนาปิดปากจากด้านหลัง แล้วดึงพาเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
เมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคย หลินซีเหยียนก็เดาได้ว่าคนที่กึ่งโอบกึ่งลากอยู่ข้างหลังคือใคร
หลังจากที่ปิดประตู เจียงหวายเย่ก็ปล่อยหลินซีเหยียนให้เป็นอิสระ เขาหมุนคนตรงหน้าให้หันหน้ามาหา แล้วกล่าวอย่างเป็นกังวล “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เสี่ยวเหยียน? ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป เปิ่นหวางคงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี”
หลินซีเหยียนเงียบอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ข้าคิดว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆ ใครกันที่ส่งคนมาสังหารข้า? แล้วทำไมเขาถึงได้รู้ว่าข้าอยู่ที่ร้านรสชาติที่แท้จริง? แล้วทำไมหลีเจี้ยนเฉินถึงได้มาปรากฏตัวโดยบังเอิญได้?”
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แต่คำถามทั้งสามคำถามนี้สำคัญอย่างมาก
เจียงหวายเย่รู้สึกประหลาดใจกับความใจเย็นและไหวพริบปฏิภาณของสตรีผู้นี้ยิ่งนัก “ถ้าเสี่ยวเหยียนเอ๋ออยากรู้ความจริง ข้าก็ยินดีจะช่วย”
หญิงสาวหลับตาลงแล้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ถึงแม้ว่าการปรากฏตัวของฮ่องเต้หลีจะน่าสงสัยก็เถอะ แต่เขาก็คงไม่กล้าทำอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องเสี่ยงชีวิตเช่นนี้แน่ ๆ”
“แม้ว่าที่เจ้าพูดมาจะมีเหตุผลอยู่ แต่เปิ่นหวางก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี เปิ่นหวางกลัวว่าเจ้าจะเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเขาได้” ทันทีที่เข้าพูดจบ เขาก็ไอโขลกออกมารุนแรง
หญิงสาวหยิบขวดยาออกมายื่นให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น “ท่านจะอาการดีขึ้นถ้าท่านได้เสวยโอสถนี่”
เจียงหวายเย่ไม่ถามอะไรมากนัก เพียงเทยาออกมาจากขวดแล้วกลืนยาเม็ดนั้นลงไป ครู่ต่อมาเขาก็มองสตรีอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด
เขารู้ดีว่านางไม่ได้เป็นคนไร้อารมณ์อย่างที่แสดงออก และตัวเข้าในตอนนี้ก็ได้เข้าไปอยู่ในใจของนางบ้างแล้ว นั่นทำให้เจียงหวายเย่ดีใจ แต่เมื่อคิดได้ว่าหากเขาต้องตายไปอย่างปริศนาในวันหนึ่ง หลินซีเหยียนจะทำเช่นไร?
ยิ่งไปกว่านั้นดอกบัวทองคำนั้นนาน ๆ ถึงจะโผล่มาสักครั้ง แล้วตอนนี้ก็ยังไม่พบข่าวอะไรเลยหรือว่านี่จะเป็นลิขิตของสวรรค์กันนะ?
“ข้าจะไปยังสถานที่แห่งหนึ่งหลังจากที่ข้าเสร็จธุระที่นี่แล้ว” หลินซีเหยียนมองไปที่ชายที่กำลังเหม่อลอยคิดอะไรไปไกลอยู่ แล้วก็พูดออกมาอย่างจริงจัง “ข้าหวังว่าท่านจะสามารถรอข้ากลับมาได้”
“เปิ่นหวางขอถามได้หรือไม่ว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อจะไปที่แห่งใด?” เจียงหวายเย่เลิกคิ้วขึ้นและรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ต่อมาก็กล่าวต่อด้วยเสียงออดอ้อนเว้าวอน “ถ้าหากว่าเปิ่นหวางรู้ เวลาที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อหายตัวไป เปิ่นหวางจะได้รู้ว่าต้องไปตามหาเจ้าที่ไหน”
กระนั้นฝ่ายหลินซีเหยียนก็ยังไม่คิดจะบอก นางจึงพูดเลี่ยง ๆ ออกไป “ข้าจะพาเทียนเอ๋อไปที่รัฐจงหรือไม่ก็รัฐหลีเพื่อไปขยายกิจการ”
เมื่อเจียงหวายเย่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “เสี่ยวเหยียนเอ๋อไม่เห็นจำเป็นต้องทำงานหนักเช่นนั้นเลย หากว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อต้องการสิ่งใด เปิ่นหวางก็ยินดีที่จะหามาให้”
เมื่อได้ยินคำหวานจากอีกฝ่าย หลินซีเหยียนก็หรี่ตาลง ก่อนจะถามออกไปว่า “ไม่ใช่ว่าองค์ชายเองก็มีธุรกิจอยู่ในรัฐจงและหลีอยู่แล้วหรือ?”
เจียงหวายเย่ผงกหัวให้นาง โดยไม่รู้ว่าคำตอบใช่หรือไม่ใช่ แต่ในไม่ช้า ชายหนุ่มก็อธิบายขยายความต่อว่า“หลายปีก่อนตอนที่เปิ่นหวางถูกพิษ ด้วยความเบื่อเปิ่นหวางจึงได้ทำการขยายกิจการไปเรื่อย ๆ เผื่อวันใดที่โดนลดตำแหน่งเปิ่นหวางจะได้ไม่อดตาย”
แต่กลับมีชื่อเสียงโด่งดังเนี่ยนะ!
หญิงสาวได้แต่อุทานในใจ
….
ทางฝั่งฮ่องเต้หลี ซึ่งในขณะนี้กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงหมอหุยชุน เนื่องจากวันรุ่งขึ้นเขาต้องไปรอฟังคำตอบของเจียงหวายเย่นั้น จงซู่เฟิงก็ได้มาหา
เขามาเพื่อหาหลีเจี้ยนเฉิน แต่ฝ่ายนั้นกลับปฏิเสธอย่างชัดเจน ด้วยเพราะฮ่องเต้หนุ่มขุ่นเคืองกับท่าทีของจงซู่เฟิงในวันนั้นมาก
จงซู่งเฟิงจึงทำได้แค่กลับไปพร้อมด้วยแววตาของตนที่หดหู่ลงทุกที ๆ ซึ่งในระหว่างทางกลับไปนั้นก็มีรถม้าคันหนึ่งที่สูญเสียการควบคุมแล้วพุ่งเข้ามาชนเขา
เพียงแค่พริบตาเดียว จากแววตาหดหู่ก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นทันที จงซู่เฟิงบิดคอม้าอย่างรวดเร็วในมุมที่ไม่มีใครมองเห็น ไม่ช้า รถม้าก็หยุดลง
คนที่อยู่ในรถมารู้สึกซึ้งน้ำใจผู้ช่วยชีวิตยิ่งนักและเดินลงมาจากรถ หลังจากที่พบว่าเป็นจงซู่เฟิงก็รู้สึกตกใจระคนแปลกใจทันที
“ทำไมคุณชายจงถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้เจ้าคะ?”