หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 300-301
ตอนที่ 300 เราจะขึ้นราแล้ว
เดิมตกลงกันว่าเสาร์นี้จะไปช้อปปิ้งเสื้อผ้ากับหลิ่วเฟยซวง พอโทร.ไปหา เธอกลับบอกว่ามีธุระต้องทำ ยกเลิกที่นัดกันไว้ อีลั่วเสวี่ยจึงอยู่บ้าน
เธอไม่รู้ว่าหลิ่วเฟยซวงนอนไม่หลับเพราะคิดมากเรื่องระหว่างพี่ชายตัวเองกับเธอ เลยยกเลิกการเดินช้อปปิ้ง เอาเวลามานอนชดเชยแทน
“คุณหนูใหญ่ วันนี้ไม่ออกไปข้างนอกกับเพื่อนเหรอครับ” หลังมื้อเช้า อีลั่วเสวี่ยมานั่งอาบแดดอยู่ในสนาม อาเหมารดน้ำต้นไม้พลางถามด้วยความแปลกใจ ปกติคุณหนูใหญ่มักจะยุ่งมากช่วงสุดสัปดาห์ ไม่ค่อยเห็นเธออยู่บ้าน
“ไม่ไปแล้ว เฟยเฟยมีธุระกะทันหัน อีกอย่างที่จริงฉันก็ไม่ชอบโลกข้างนอกที่อึกทึกเท่าไหร่” ที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง ข้างนอกรถราขวักไขว่ กลิ่นน้ำมันเครื่องควันรถประเภทต่างๆ น่าทรมานจริงๆ
อีกอย่าง เพราะเธอเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ประสาทรับรู้จึงไวกว่าคนทั่วไป การอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นนานๆ สำหรับเธอแล้ว เหมือนอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกและควันพิษ แม้จะไม่ทำให้บาดเจ็บ แต่ก็ทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สบาย
อาเหมาชะงักเล็กน้อย “ที่จริงอาเหมาก็ไม่อยากให้คุณหนูใหญ่เป็นผู้หญิงที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน วัยแบบคุณหนูควรจะคบเพื่อน ออกไปทำกิจกรรมมากๆ ไม่งั้นพออายุมากแล้ว จะเสียความเป็นเด็กไป”
เขาคิดว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ตัวเองโทร.ตามว่าเธออยู่ไหน ทำให้เธอกลับมาอยู่เฝ้าตาแก่อย่างเขา
คนฉลาดอย่างอีลั่วเสวี่ยย่อมฟังความหมายในคำพูดของอาเหมาออก “อาเหมา อย่าคิดมาก ฉันไม่ได้กลัวว่าอาเหมาจะเป็นห่วงก็เลยไม่ออกไปข้างนอก แต่เพราะไม่มีธุระอะไรเท่านั้นเอง”
“คุณหนูนะคุณหนู ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดบังคุณไม่ได้” อาเหมาหัวเราะ แล้วรดน้ำต้นไม้ในสนามอย่างระมัดระวัง แม้จะมีเครื่องฉีดน้ำอัตโนมัติ แต่ก็ใช้กับสนามหญ้าเท่านั้น บางจุด รวมทั้งดอกไม้ ใช้คนรดน้ำเองจะทั่วถึงกว่า
ห้านาทีต่อมา มือถืออีลั่วเสวี่ยดังขึ้น เธอหยิบมาดู เป็นเบอร์ไม่คุ้นที่ไม่ได้บันทึกไว้ ระบุว่าอยู่ในเมืองเอฟ
เธอรับสายด้วยความสงสัย “ฮัลโหล?”
“ฮัลโหล หัวหน้า ผมเอง” เสียงหูปิงดังขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้น
ตายละ ดูเหมือนเธอจะลืมเขาไปสนิท ก่อนนี้ดูเหมือนเธอจะไม่เคยโทร.ติดต่อกับหูปิงมาก่อน เขาเองก็ไม่เคยโทร.มาหาเธอ นับจากเหตุการณ์ที่โรงประมูลใต้ดินก็ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เธอไม่ได้ติดต่อกับคนกลุ่มนี้อีกเลย
“อ้อ หูปิงเหรอ มีอะไร” อีลั่วเสวี่ยลุกขึ้น คุยโทรศัพท์พลางเดินเข้าบ้าน
ที่ปลายสาย หูปิงกับพวกยืนล้อมโทรศัพท์ กดสปีกเกอร์โฟน “หัวหน้า อะไรกัน ฟังหัวหน้าพูดอย่างกับลืมพวกเราไปแล้ว” เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งก่อน เธอจึงบอกให้พวกหูปิงหยุดกิจการร้านคาราโอเกะและบาร์ไว้ก่อน แต่ไม่ได้บอกว่าต่อไปจะให้ทำอะไร
อีลั่วเสวี่ยรู้สึกละอายเล็กน้อย “ขอโทษที ช่วงนี้ฉันยุ่งนิดหน่อย”
“เรารู้ คราวก่อนโทร.หา หัวหน้าก็ปิดเครื่อง เราก็เลยรอให้ผ่านไปหลายวันค่อยโทร.มาใหม่ หัวหน้า สั่งหน่อยว่าจะให้เราทำอะไรต่อ พี่น้องว่างจนจะขึ้นราอยู่แล้วครับ”
“ใช่ครับหัวหน้า ไม่งั้นให้เรากลับไปทำเปิดร้านเถอะ” อย่างมากก็ปิดร้านเร็วขึ้นหน่อย คนพวกนั้นคงไม่มาก่อกวน ถ้าไม่ทำมาหากิน พวกเขาใกล้จะกินดินแทนข้าวอยู่แล้ว ไม่สิ ถึงหัวหน้าจะให้บัตรธนาคารไว้ แต่พวกเขาจะกินข้าวแล้วไม่ทำอะไรได้เหรอ”
อีลั่วเสวี่ยเดินขึ้นชั้นบนพลางมุ่นคิ้วเล็กน้อย “ทางนั้นอย่าเพิ่งใจร้อนรีบเปิดร้าน พวกนายอยากทำงาน ฉันจะหางานให้ทำ” ร้านคาราโอเกะและบาร์ทำกำไรได้ไม่น้อย แต่สถานที่ที่มีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกัน ถ้าไม่มีอิทธิพลหนุนหลัง กำปั้นไม่ใหญ่พอ ก็จะเกิดเรื่องแบบครั้งก่อนอีก
ตอนที่ 301 ไปทำงานบริษัทฉัน
ดังนั้นอีลั่วเสวี่ยจึงต้องการฝึกฝนคนเหล่านี้ ให้มีฐานะที่เหมาะสม สามารถจัดการปัญหาด้วยตนเองได้แล้วค่อยกลับไป ทำอย่างนี้แล้วต่อให้มีใครมาหาเรื่อง ก็สามารถจัดการกับคนพวกนั้นได้
สำหรับคนของเธอแล้ว จะปล่อยให้เกิดเรื่องอันตรายอย่างครั้งก่อนไม่ได้เด็ดขาด
“แต่หัวหน้าครับ ค่าเช่าทางนี้ไม่ถูกเลย อยู่ว่างๆ ย่อมสิ้นเปลืองเกินไปครับ!” เสียงอาหม่านดังขึ้น เขารู้สึกร้อนใจ
มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุกเล็กน้อย “ตอนนี้พวกนายอยู่ที่ไหน เตรียมตัวหน่อย ฉันจะพาพวกนายไปทำงาน อ้อ แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย ตามนี้นะ ฉันเปลี่ยนชุดแล้วจะออกไป”
พอวางสายแล้ว หูปิงกับอาหม่านและพวกต่างมองหน้ากันไปมา “เมื่อกี้หัวหน้าว่าไงบ้าง?”
“หัวหน้าบอกว่าจะพาพวกเราไปทำงาน ที่แท้เธอเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว ฮือ ฮือ ซาบซึ้งเหลือเกิน” ดวงตาเสี่ยงเฟิงเป็นประกาย นับจากคราวที่แล้วที่อีลั่วเสวี่ยช่วยดึงตัวเขาออกมาจากเงื้อมมือพญายมโดยไม่ต้องใช้ยาไม่ต้องไปโรงพยาบาล เขาจึงถือเธอเป็นไอดอลของตนเองทันที
“ไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้า!” ดวงตาของจินกวงดูเจิดจ้า ถูมือไปมา
จากนั้นก็หันมาสบตากับหวังเทา แล้วพูดออกมาพร้อมกัน “อย่าให้หัวหน้าต้องรอนาน รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า!” แล้ววิ่งไปที่ห้องของตัวเองรื้อหาเสื้อผ้า
เลือกที่สะอาดเรียบร้อย ไม่ได้บอกว่าต้องเป็นชุดทำงาน ดูค่อนข้างเรียบร้อยก็น่าจะใช้ได้แล้ว พวกเขาเคยทำงานมาก่อน เพียงสิบห้านาทีทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แล้วช่วยกันจัดชุดให้เข้าที่ จากนั้นก็รออยู่ข้างโทรศัพท์
ติงตัง เสียงใสราวกับน้ำหยดดังขึ้น หูปิงหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูทันที เป็นข้อความที่อีลั่วเสวี่ยส่งมา บอกให้พวกเขาไปที่ถนนXXX ไปรอที่ใต้ตึกของบริษัท EW
“ไปสิ มัวยืนเซ่ออยู่ได้” หูปิงตะคอก เสี่ยงเฟิง จินกวง อาหม่านและหวังเทารีบเดินตามไปทันที นั่งเบียดกันในรถที่ค่อนข้างกว้างแล่นตรงไปยังเป้าหมาย
เมื่อพวกเขาจอดรถ การปรากฏตัวกลุ่มคนห้าคนนี้ทำให้ผู้คนที่นี่แปลกใจทันที แม้ว่าพวกเขาจะไม่หล่อเหลาสะดุดตาก็ตาม แต่บนตัวก็มีลักษณะสุขุมน่าเชื่อถือ บวกกับขณะนี้ใส่เสื้อผ้าสะอาดมีระเบียบ จึงกลายเป็นจุดสนใจ
ทั้งห้ามองดูรอบๆ แต่ยังไม่เห็นอีลั่วเสวี่ย
“พี่ปิง เรามาเร็วไปไหม หรือลองโทรถามดูว่าหัวหน้ามาหรือยัง?” อุดอู้อยู่แต่ในห้องมานาน แดดตอนนี้แยงตาเกินไป
“อย่าถามดีกว่า หัวหน้าเป็นผู้หญิง ขับรถเร็วไม่ปลอดภัยหรอก” เสี่ยวเฟิงเพิ่งพูดจบก็มีเสียงเบรครถกะทันหันดังขึ้นไม่ไกลจากตัวเขานัก จากนั้นก็มีหญิงในชุดกระโปรงยาวรัดรูปใส่รองเท้าส้นสูงเดินลงจากรถ
“หัว หัว…หน้า”
อีลั่วเสวี่ยขณะนี้ปล่อยผมยาวคลุมไหล่ ผมที่เป็นลอนถูกลมพัดปลิวจนยุ่งเล็กน้อย มือซ้ายถือกระเป๋าใบเล็ก กำลังเดินมายังพวกเขาด้วยท่วงท่าสง่างาม กิริยาท่าทางดูสูงศักดิ์ ท่าทางราวกับดาราที่เดินบนพรมแดง
“ดูสีหน้าแต่ละคนสิ หรือว่าบนหน้าฉันมีอะไรผิดปกติ?” อีลั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจ
แววตาเสี่ยวเฟิงดูเคลิบเคลิ้ม แน่นอนว่านี่เป็นแววตาแบบของแฟนคลับ “เปล่า เปล่าครับหัวหน้า ผมรู้สึกว่าหัวหน้าดูมีสง่าราศีและสวยขึ้นกว่าที่เราเห็นคราวก่อน”
ใบหน้าดูเหมือนจะงามละเอียดกว่าเดิม แต่ไม่ใช่ความงามที่ดูขัดตา ดูเป็นธรรมชาติมาก เป็นความงามที่ดูสูงศักดิ์
ดวงตาอีลั่วเสวี่ยหลุบลงเล็กน้อย ดูแล้วที่เธอใช้ครีมยาของเจ้าลูกบอลเงินตอนนี้ได้ผลแล้ว ดีมาก
“พูดน้อยหน่อย ตามฉันเข้าไปเถอะ” อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็เดินนำหน้า หูปิงกับพวกเดินตามหลัง
“จริงสิหัวหน้า หัวหน้าจะพาเราไปบริษัทไหน เถ้าแก่เป็นใครเป็นเพื่อนของหัวหน้าหรือ ทำงานด้วยง่ายไหม?” แฟนคลับขนานแท้อย่างเสี่ยวเฟิง คำถามที่ทุกคนอยากถาม
อีลั่วเสวี่ยยิ้มทันที “บริษัทใครงั้นหรือ? สามารถจัดคนเข้าทำงานตามใจชอบ แน่นอนว่าเป็นบริษัทของฉันเอง หรือพวกนายไม่อยากมาทำงานบริษัทฉันหรือ?”