หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 348-349
ตอนที่ 348 งั้นฉันเลี้ยงทุกคนเอง
หนังสือแผนงานไม่ยาก อ่านเข้าใจง่าย ที่จริงคือแผนการดำเนินธุรกิจของพวกเขา รวมทั้งต้องตกแต่งส่วนหนึ่งของบาร์ด้วย
“เรื่อแต่งร้านผมไม่มีความเห็น แต่หัวหน้าครับ แถวนี้ของเราขายเหล้าฝรั่งกับเบียร์เป็นส่วนใหญ่ ถ้าขายเหล้าขาวจะมีคนดื่มหรือ?” ไม่ใช่เพราะพวกเขาดูถูกสุราของประเทศตัวเอง แต่ปัญหาคือคนไม่นิยมดื่ม
อีลั่วเสวี่ยเม้มปาก “นั่นเพราะทุกคนไม่รู้ว่าเหล้าขาวของเราเป็นของดี เรื่องนี้ทุกคนไม่ต้องวิตก ในเมื่อเอามาขาย ฉันจะทำให้กลายเป็นเหล้าเบอร์หนึ่งเลย!”
เธอนึกถึงเหล้าที่เคยดื่มที่ร้านเนื้อปิ้ง รสชาติดีจริงๆ ถึงตอนนั้นเพิ่มรสชาติที่เธอต้องการลงไปเล็กน้อยในนั้น เชื่อว่าต้องถูกใจลูกค้าแน่นอน
ส่วนเรื่องอื่นนั้นเธอย่อมมีวิธีการเป็นชุดเพื่อดึงดูดลูกค้า ส่วนคาราโอเกะนั้น ต้องเปิดร่วมกับบาร์ ดำเนินกิจการทั้งสองส่วนด้วยกันค่อยเข้าท่าหน่อย
หลังจากจัดการงานคร่าวๆ แล้ว อีลั่วเสวี่ยก็ยื่นบัตรธนาคารให้หูปิง “ถ้ายังไม่พอก็ให้โทรหาฉัน ส่วนทุกคนขอให้เข้าร่วมหุ้นในร้าน ต่อจากนี้การค้าของร้านทุกคนมีส่วนด้วย วันหลังฉันค่อยทำหนังสือสัญญามาให้ทุกคนเซ็น”
เรื่องนี้เธอได้แรงบันดาลใจจากการที่เฉวียนหมิงพาเธอไปงานเลี้ยงคืนนั้น คนบนโลกนี้ต้องการอะไรหรือ ก็แค่งานที่ผ่อนคลายและมั่นคง แต่บาร์เหล้าย่อมไม่ทำให้ผ่อนคลาย
ถ้างั้นก็ต้องใช้ผลประโยชน์ ผลประโยชน์บวกกับที่เธอคอยคุ้มครองพวกเขาและยอมเสียสละให้ เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ จะอย่างไรจากเหตุการณ์ที่ร้านคาราโอเกะครั้งก่อนก็พอมองออกว่าคนที่ติดตามหูปิงล้วนมีหลักการ
เธอต้องการคนแบบนี้ ดังนั้นต่อให้ต้องมอบผลประโยชน์ให้มากหน่อยเธอก็ยินดี
แล้วก็เป็นไปตามคาด พอทุกคนได้ยินเช่นนี้ดวงตาก็เจิดจ้าขึ้นทันที แววตาแสดงอาการตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก สำหรับคนอย่างพวกเขา ขอให้เงินเดือนสูงกว่าคนอื่นก็พอใจมากแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังได้รับประโยชน์เช่นนี้
“ขอบคุณหัวหน้าครับ!” หัวหน้าคนใหม่ของพวกเขาเยี่ยมจริงๆ คู่ควรที่จะติดตาม หวังจะอาศัยฝีมือเธอช่วยคุ้มครองพวกเขา อย่าให้เกิดเรื่องอย่างคราวก่อน
เธอถือใบแผนงานเดินไปมาในร้าน หลังจากสำรวจดูในร้านและตัดสินใจแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง
“ฉันควรกลับแล้ว มีเรื่องอะไรพวกนายก็บอกหูปิง เขาจะแจ้งให้ฉันรู้เอง ครึ่งเดือนนี้ทุกคนคงต้องเหนื่อยหน่อย” อีลั่วเสวี่ยยิ้มแล้วเดินไปที่ประตู หูปิงกับพวกเดินตามหลังมาส่ง
จู่ๆ อีลั่วเสวี่ยก็หยุดเดิน หูปิงกับพวกที่ตามหลังมาก็หยุดเช่นกัน บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันที
“ไง น้องสาว บาร์ที่นี่ไม่น่าสนุก ไปเที่ยวเล่นที่บาร์เราดีกว่าไหม?” ตรงข้ามเป็นเป็นผู้ชายสวมชุดสูทรองเท้าหนัง มีรอยยิ้มอย่างประสงค์ร้ายบนใบหน้า เห็นแล้วทำให้รู้สึกคันไม้คันมือ
อีลั่วเสวี่ยยิ้มแต่ไม่พูดอะไร หูปิงก้าวมาข้างหน้า ยืนอยู่ข้างเธอ ชำเลืองมองเห็นว่าในรอยยิ้มของเธอแฝงด้วยความรำคาญ ก็นึกเสียใจเงียบๆ แทนผู้ชายคนนั้น
หมอนั่นไม่เพียงแต่พูด ยังเดินมาหาอีลั่วเสวี่ยแล้วยื่นมือออกมา
ในขณะนั้นเองอีลั่วเสวี่ยก็ลงมือ เธอคว้าแขนเจ้านั่นทุ่มข้ามไหล่ เกิดเสียงดังโครม ชายคนนั้นนอนลงบนพื้น ลุกไม่ขึ้นอยู่นาน
หลายคนที่อยู่ข้างหลังเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นลูกน้อง สีหน้าดุร้ายขึ้นมาทันที “นางคนนี้ เหล้าเชิญไม่ดื่ม จะดื่มเหล้าลงทัณฑ์รึ!” แล้วบุกเข้าใส่
อีลั่วเสวี่ยลงมือไม่นับว่ารวดเร็ว ก้าวไปมาระหว่างสามคนนั้น แล้วทั้งหมดก็ล้มลงไปพร้อมกัน
“ยังจะดื่มเหล้าไหม? ไม่งั้นฉันเลี้ยงเอง?”
คนกลุ่มนี้มีสีหน้าหวาดผวา คิดว่าเป็นสาวสวย คาดไม่ถึงว่าฝีมือจะร้ายกาจอย่างนี้ เมื่อสู้ไม่ได้ งั้นหนีดีกว่า
ตอนที่ 349 แสดงฝีมือครั้งเดียวก็ดังเลย (1)
จากนั้นสามคนนั้นก็ลุกขึ้นเอามือกุมเอว ไม่รู้ว่าเอวเคล็ดหรือกระดูกหักหรือไม่ ร้องโอดโอยแล้ววิ่งหนีไป
หูปิงยกมุมมปากขึ้น หัวหน้าย่อมเป็นหัวหน้า ไม่ต้องใช้พลังทิพย์ก็ยังสามารถสยบคนพวกนี้ในเวลาสั้นๆ ต่อให้เป็นเขาก็ยังต้องใช้เวลาบ้าง
เขาตะลึง คนที่อยู่ข้างหลังตะลึงยิ่งกว่า ดวงตาทุกคนเปล่งประกาย “หัวหน้า ฝีมือฉกาจจริงๆ เมื่อไหร่จะสอนพวกราสักสองสามท่าบ้าง” ถ้าพวกเขาฝึกได้ ไม่สิ ฝึกได้แค่ครึ่งหนึ่ง ก็ไม่ต้องโดนเล่นงานจนย่ำแย่อย่างคราวก่อน
อีลั่วเสวี่ยดึงสายตากลับมา ยิ้มที่มุมปาก “ไม่มีปัญหา แล้วฉันคอยหาเวลาสอยพวกนาย” ต้องให้ลูกน้องตัวเองมีฝีมือบ้าง คนอื่นจึงจะไม่กล้ารังแก ไม่เช่นนั้นต่อให้เธอเก่งแค่ไหน ก็ไม่อาจมาเฝ้าหน้าร้านคาราโอเกะได้ตลอดเวลา
เดิมทีพวกเขาจะพูดว่าดีเลย แต่จู่ๆ รอยยิ้มก็แข็งทื่อ สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวแฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นและหวาดกลัว
ใครกันที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว อีลั่วเสวี่ยหลุบตาลง หันไปมอง เห็นคนกลุ่มหนึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ราวสิบกว่าคน ไม่ถือว่ามาก คนพวกนั้นมีทั้งที่เอามือใส่กระเป๋ากางเกง ทั้งสูบบุหรี่
ภายใต้แสงสลัวบวกกับท่าทางอวดเบ่งของคนพวกนี้ ดูแล้วเหมือนเท่ แน่นอนว่าจะมองข้ามที่พวกนี้มองดูอีลั่วเสวี่ยกับพวกอย่างท้าทายและเยาะเย้ยไม่ได้
“มาหาเรื่อง มาหาเรื่องแน่ๆ แม่คุณ ข้าสังหรณ์ใจเก้าสิบเก้าปอร์เซ็นต์ว่าคนพวกนี้มาหาเรื่อง แฮ่! มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”
อีลั่วเสวี่ยได้ยินที่เจ้าลูกบอลเงินพูดก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี จะต่อสู้กันทำไมมันถึงดีใจนักนะ เอาแต่ดูไม่ออกแรงบ้าง คิดว่ากำลังดูเรื่องสนุกจริงๆ หรือ
หูปิงก้มหน้าเล็กน้อย “หัวหน้า พวกนี้แหละที่คราวก่อนทำร้ายพวกเราบาดเจ็บ เห็นคนใส่เสื้อแดงไหมครับ เขาชื่อหงเหมา พวกเดียวกับที่ขวางผมในโรงงานเหล็กวันนั้นครับ”
“อืม คนไหนที่แทงเสี่ยวเฟิงบาดเจ็บ จำได้ไหม?” น้ำเสียงอีลั่วเสวี่ยราบเรียบ สีหน้าไม่ยินดียินร้าย
“ผมรู้ครับ คนที่มัดผมเป็นจุก” เธอมองตามสายตาไปที่อีกคน เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหงเหมา ท่าทางไม่สะดุดตา อายุราวยี่สิบห้า เป็นวัยที่กำลังห้าวเต็มที่
เขาเป็นคนแบบที่ดูไม่โดดเด่น แต่มักลงมือทำให้ศัตรูถึงตาย
อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า แล้วเชิดมุมปากขึ้นเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่เชิง “มาได้จังหวะพอดี วันนี้เจ๊จะแก้แค้นให้ทุกคน เอาหน้าตาคืนมา”
“น้องสาว มาดื่มเหล้าหรือไง?” หงเหมายิ้มร่า มองดูอีลั่วเสวี่ย แกล้งทำท่าสงสัย หรือว่าเป็นแฟนเจ้าหนูหูปิง ดูท่าทางเป็นผู้หญิงใช้ได้
“ไม่ใช่ มาหาคนต่างหาก” ไม่ใช่หรือไง ก็เธอมาพบหูปิงกับพวกเพื่อปรึกษาเรื่องเปิดร้านคาราโอเกะอีกครั้งนี่นา
หงเหมายิ้มแล้ว “อ้อ มาหาคนหรือ หาคนเรื่องง่าย เดี๋ยวเฮียพาเธอไปหา” จากนั้นก็จ้องมองหูปิง แล้วยิ้มอย่างท้าทาย
“พี่ปิง เรื่องที่คราวก่อนปรึกษากับพวกแก จะว่ายังไง?” มอบกิจการคาราโอเกะให้พวกเขาและฟังคำสั่งจากพวกเขา
หูปิงยิ้มหยัน “ไม่มีอะไรต้องปรึกษา!” ปรึกษาบ้าอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าบอกว่าเธอมาหาสถานที่ เขาคงลงมือไปแล้ว
“แก!”
“แกอะไร ไม่มีอะไรต้องปรึกษา หรือหูหนวกไปแล้ว ไม่ได้ยินที่ลูกน้องฉันบอกหรือไง?” คำพูดของอีลั่วเสวี่ยทำให้หงเหมาตะลึง ทุกคนหันมามองเธอ
ลูกน้อง? อะไรกัน หูปิงนับถือเด็กสาวคนนี้เป็นหัวหน้าหรือ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาหัวเราะจนฟันร่วง
แต่อีลั่วเสวี่ยไม่เปิดโอกาสให้คนพวกนี้ได้ครุ่นคิดหรือสอบถาม เธอใช้เท้าถีบใส่ท้องน้อยของหงเหมาทันที
“รูปร่างห่วยอย่างนี้ยังบังอาจใส่ชุดสูท ดูเหมือนแตงโมปริแตกไม่มีผิด ทุเรศจริงๆ”